จากเวอร์ชันการ์ตูนที่ออกฉายในปี 1994 ผ่านมายี่สิบห้าแล้ว และได้เวลาที่ดิสนีย์จะนำตำนานเจ้าป่ากลับคือสู่จออีกครั้ง วันนี้คนทั่วโลกจึงได้พบกับเวอร์ชั่นใหม่ของ ‘The Lion King’ ส่วนชื่อไทยก็ตามชื่ออังกฤษเป๊ะๆ ว่า ‘เดอะ ไลอ้อน คิง’ ที่ถูกขนานนามว่าเป็นไลฟ์แอ็กชัน
ผลงานการกำกับของ Jon Favreau/จอน ฟาฟวโร ผู้มีเครดิตมาจากหนังฟอร์มยักษ์หลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น ‘Iron Man’, ‘Iron Man 2’, ‘Chef’ และ ‘The Jungle Book‘ เรื่องท้ายสุดนั่นก็เป็นการหยิบการ์ตูนดังของดิสนีย์มารีเมกใหม่ และครั้งนี้เขาก็ได้รับโอกาสนั้นอีกครั้ง
สร้างหนังการ์ตูนสิงโตเจ้าป่าให้กลายเป็นแอนิเมชั่นที่งานภาพสมจริงเป็นที่สุด
เรื่องย่อหนัง ‘The Lion King’
มันคือเรื่องราวที่คนรักการ์ตูนแอนิเมชันเรื่องนี้รู้จักกันดี ซิมบ้า (JD McCrary, Donald Glover) ลูกสิงโตตัวน้อยของสิงโตเจ้าป่าอย่างมุซาฟา (James Earl Jones) ที่แสนลิงโลดใจด้วยเพราะตนจะได้เป็นเจ้าป่าหรือราชาแห่งป่าในอนาคต มันสำแดงความกล้าในเวลาที่ไม่ถูกไม่ควรต่อหน้านาลา (Beyoncé) ลูกสิงโตเพศหญิงที่เป็นเพื่อนสนิทของมัน
ทว่า มุซาฟามีน้องชายจอมริษยาอย่างสการ์ (Chiwetel Ejiofor) ที่หมายยึดครองผืนป่าด้วยการผสานความร่วมมือกับเหล่าไฮยีน่าจอมเจ้าเล่ห์ทั้งหลาย
ในที่สุด เมื่อสการ์ยึดพื้นที่และตำแหน่งได้สำเร็จ ซิมบ้ากลับต้องระเห็จไปอยู่ที่อื่น พบเจอเพื่อนใหม่ พุมบ้า (Seth Rogen) และทีโมน (Billy Eichner) ผู้ที่ทำให้โลกและความคิดของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เพาะบ่มให้เขาเติบโต รอกลับมาทวงคืนบัลลังก์อีกครั้ง
รีวิวหนัง ‘The Lion King’
เป็นโจทย์ที่น่าสนใจ ที่จะปรับการ์ตูนแอนิเมชันที่ขึ้นหิ้งมานาน เต็มไปด้วยเพลงเพราะและเป็นที่รู้จักมากมาย เมื่อเรื่องราวที่ชวนอินแม้ทั้งหมดนั่นจะเป็นสิงสาราสัตว์ทั้งหมดทั้งสิ้น
ทุกสิ่งของ ‘เดอะ ไลอ้อน คิง’ เวอร์ชันไลฟ์แอ็กชันที่มีแต่ CG เต็มทั้งเรื่องทำก็คือ การเล่าเรื่องราวที่แทบจะเหมือนเวอร์ชั่น 1994 แบบช็อตต่อช็อต ต่างกันก็ตรงที่เวอร์ชั่นนี้ ภาพมิใช่การ์ตูนอีกต่อไปแล้ว หากเป็นภาพของป่า ภูเขา และเหล่าสัตว์ต่างๆ ที่เหมือนจริงอย่างที่สุด
สิ่งที่ได้มาคือความเหมือนจริง ทั้งมุมกล้องยังดีงามจนเรียกว่าได้แคปเจอร์ช็อตไหนมาก็สดสวยได้ทั้งหมด หลายช็อตในหนังใช้ประโยชน์ของภาพที่เหมือนจริงๆ สุด ต่อเติมจุดเล็กจุดน้อยเข้าไปเพื่อให้มันดูสมเหตุสมผลและน่าเชื่อถือมากขึ้น
หากสิ่งที่สูญเสียไปก็คือ ความเป็นการ์ตูนที่จะเปิดพื้นที่ให้เล่าเรื่องอะไรก็ได้ที่ห่างไกลจากความเป็นจริง เมื่อภาพของหนังมันกลายเป็นป่าและสัตว์ที่เหมือนจริงอย่างมากๆ ไปแล้ว แถมยังลดทอนการแสดงอารมณ์ในแบบการ์ตูนๆ ที่ออกมาทางสีหน้าของเหล่าตัวละคร เหล่าสัตว์ยังคงพูดได้ แต่สีหน้าแสดงอารมณ์ไม่ได้
ได้อย่างเสียอย่างจริงๆ
เพลงเพราะต่างๆ ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่ซึ่งยอมรับว่าไพเราะมาก แต่บางฉากก็ดูไม่เข้ากันสักเท่าไร เพลงหวานๆ กับภาพของสัตว์ป่าวิ่งไล่กัน อารมณ์มันช่างต่างจากตอนเป็นภาพลายเส้นพอควร
เมื่อทุกอย่างมันดูเหมือนจริงเสียจนไม่อาจเชื่อว่ามันเป็นเพียงนิทาน ภาพของหนังจึงดูใกล้เคียงการชมภาพยนตร์สารคดีสัตว์ป่า จนเมื่อเราถูกฉุดให้ยังคงรู้สึกว่าเรากำลังดูหนังดิสนีย์
เมื่อมีตัวละครชวนหัวอย่างพุมบ้าและทีโมนเข้ามาเสริมทีม
สัตว์ทั้งสอง หมูป่าและเมียร์แคท ถูกวางตัวให้เป็นตัวละครที่สร้างสีสัน ด้วยมุกตลกคำพูดและท่าทางที่รับส่งกันได้อย่างเข้าที จากหนังที่นิ่งๆ เรียบๆ กลับกลายเป็นมีสีสันขึ้นทันตา
ช่วงเวลาที่หนังมีเพลง ‘Hakuna Matata’ ดังอยู่กลายเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจที่สุด
ชื่อภาพยนตร์: The Lion King / เดอะ ไลอ้อน คิง
ผู้กำกับภาพยนตร์: Jon Favreau
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Jeff Nathanson
นักแสดงนำ/นักพากย์: Donald Glover, Beyoncé, Seth Rogen, Chiwetel Ejiofor, James Earl Jones
แนว/ประเภท: Animation, Adventure, Drama, Family, Musical
เรท: USA/G, ไทย/ทั่วไป
ความยาว: 118 นาที
อัตราส่วนภาพ: 1.85 : 1
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 17 กรกฎาคม 2562
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Fairview Entertainment, Walt Disney Pictures
เดอะ ไลอ้อน คิง
พล็อตและบท - 7.1
เทคนิคพิเศษ/งานภาพ - 8.8
เพลง/ดนตรีประกอบ - 6.8
ความสนุก/การดำเนินเรื่อง - 5.2
เสียงพากย์ - 6.5
6.9
The Lion King
การรีเมกการ์ตูนด้วยการเป็นแอนิเมชั่นที่สร้างด้วย CG ทั้งเรื่อง เล่าเหมือนเวอร์ชันดั้งเดิมแบบช็อตต่อช็อต ทำให้หนังให้อารมณ์สารคดีสัตว์ป่า แต่เล่าเรื่องดราม่าชิงบัลลังก์ของเหล่าสัตว์ ความแฟนตาซีหดหาย เพลงเพราะที่เรียบเรียงใหม่เข้ากับภาพได้ไม่ดีเท่าตอนเป็นการ์ตูน แต่หนังมีสีสันเมื่อมีพุมบ้าและทีโมนมาร่วม ทำให้หนังสนุกมีเสียงหัวเราะคิกคักจากผู้ชมมากขึ้น