นานๆ ที ผมจะได้ดูหนังที่เคยอ่านหนังสือมาก่อนนะครับ นั่นเพราะส่วนใหญ่ หนังสือที่ผมอ่านจะไม่ใช่นิยาย การได้ดูหนังคือการได้พบกับเรื่องราวที่สดใหม่สำหรับผม จึงไม่เคยได้เปรียบเทียบอะไรกับมัน แต่ไม่ใช่กับหนังอย่าง ‘A Dog’s Purpose’ เรื่องนี้ เพราะผมอ่านเวอร์ชั่นหนังสือนิยายมาก่อนที่จะได้ดูเวอร์ชั่นภาพยนตร์
ก่อนหน้าหนังจะเข้าฉายได้รับข่าวดราม่าเรื่องคลิปหลุด แต่หลังจากเคลียร์ทุกอย่างกันได้ หนังก็ได้ฉายตามปกติ มันเข้าฉายในอเมริกามาก่อน ก่อนที่จะเข้าฉายในไทย ซึ่งก็แน่นอนว่าลงทุนซื้อหนังสือมาอ่าน ไม่เข้าไปดูหนังในโรงมันก็คงจะกระไรอยู่
นั่นแหละ ที่มาของบทความรีวิวบทนี้
เรื่องย่อหนัง ‘A Dog’s Purpose’
เล่าได้อย่างคร่าวๆ ก็คือมันเป็นหนังที่เล่าเกี่ยวกับหมาตัวนึงที่แรกเริ่มเดิมทีมันก็เป็นหมาจรจัดธรรมดาๆ ตัวหนึ่ง แต่มันกลับมีชีวิตที่ไม่ธรรมดา เมื่อมันได้พบว่าพอมันตายมันก็ได้เกิดใหม่ ในชาติภพใหม่ สถานที่ใหม่ พันธุ์ใหม่ แต่ทุกครั้งที่มันเกิด มันก็จะเรื่องราวในชาติเก่าๆ ได้หมด คร่าวๆ ก็ได้ประมาณนี้แหละ
แต่แค่นั้นมันก็คงไม่พอให้น่าสนใจหรอก
เรื่องของเรื่องก็คือ มันเป็นหมาที่ฉลาด มันเล่าเรื่องของมันเอง ชาติหนึ่งมันได้พบกับเด็กชายคนหนึ่ง คนที่ทำให้มันเริ่มมองหาเป้าหมายของการมีชีวิต อีธาน (Bryce Gheisar เล่นเป็นอีธานวัย 8 ขวบ, K.J. Apa เล่นเป็นอีธานวัยรุ่น) คือเด็กชายคนแรกและคนเดียวในชีวิตของมัน ในชาตินั้นมันชื่อว่า เบลีย์
ช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุด คือ การที่เบลีย์ได้อยู่กับเด็กชายคนนี้ ก่อเกิดตัวละครตัวใหม่อย่างฮันน่าห์ (Britt Robertson จากหนังเรื่อง ‘Tomorrowland’ และ ‘The Space Between Us’) ก่อนที่มันจะเวียนว่ายตายเกิด จดจำเรื่องราวในชาติเก่าได้ และดำเนินชีวิตในรูปแบบที่แตกต่างกันไปตามสถานที่ที่มันไปอยู่ ซึ่งมันก็จะใช้ชาติภพเหล่านั้นในการทำความเข้าใจเป้าหมายชีวิตของตัวเอง
ฟังดูเป็นหมาที่ฉลาดไม่ใช่เล่น
รีวิวหนัง ‘หมา เป้าหมาย และเด็กชายของผม’
ด้วยความที่เป็นหนังที่ดัดแปลงบทมาจากหนังสือชื่อดัง แถมยังเป็นหนังสือที่ผมได้อ่านมาก่อนจะดูฉบับหนังด้วย แน่นอนว่า คราวนี้ ผมพอจะเปรียบเทียบได้แล้วล่ะครับ ว่ามันมีดีมีแย่ หรือแตกต่างกันยังไงบ้าง
ลดทอนเรื่องราวจากหนังสือไปมาก
ไม่ใช่ว่าผมไม่เข้าใจการดัดแปลงหนังสือมาเป็นหนังนะครับ ด้วยความที่ต้องเล่าเรื่องราวทั้งหมดภายใน 100 นาที จะยาวกว่านี้ก็ไม่ได้เพราะมันอาจจะกระทบต่อรายได้ต่อรอบ การเล่าเรื่องในหนังมันจึงต้องลดทอนรายละเอียดไปจากตอนเป็นหนังสือไปเยอะมาก แต่ก็ไม่เสมอไป บางเรื่องก็สามารถเล่าออกมาได้ลงตัว
ซึ่งแตกต่างจาก “หมา เป้าหมาย และเด็กชายของผม” ในเวอร์ชั่นหนัง
และด้วยความที่เรื่องราวของมันเป็นการใช้ชีวิตของหมาตัวหนึ่งที่เกิดหลายหน แต่ละหนคือแต่ละชาติที่เริ่มตั้งแต่วันมันลืมตาดูโลก เป็นหมาน้อยที่เติบโตเป็นหมาวัยรุ่น ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงสถานะแม้ทุกอย่างจะถูกกำหนดโดยมนุษย์ ก่อนจะก้าวเข้าสู่ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
ในหนังสือนั้นให้เวลาค่อนข้างมากกับช่วงเวลาค้นหาเป้าหมายของเจ้าหมา…
แต่ในหนังเหมือนจะรีบเล่าเกินไป รวบรัดจนไม่อาจจะอินกับความสัมพันธ์ของมนุษย์อะไรได้เลย ตัดทอนจนบางทีรู้สึกประดักประเดิดเสียเองที่ตัวละครตัดสินใจอะไรกันแบบปุบปับ ไม่มีปูพื้นกันไว้ก่อน
ความน่าเสียดายของงานเขียนดีๆ ที่ถูกแปลงสภาพมาอยู่แผ่นฟิล์มก็คือ บางทีมันก็ยากจะกลมกล่อมเหมือนตอนเป็นนิยาย
ในส่วนของตัวละครมนุษย์ ผมรู้สึกว่าฮันน่าห์ที่แสดงโดย Britt Robertson นั้นน่ารักมาก แต่บทหนังเปลี่ยนไปนิดหน่อยจะเวอร์ชั่นหนัง คาดว่าคงทำให้ดูสั้นลง ขณะที่ตัวละครทอดด์ (Logan Miller) นั้นในหนังสือจะค่อนข้างร้าย แต่ในหนังกลับดูไม่มีอะไรมาก
มีเรื่องราวบางส่วนที่หดหายไป จริงๆ ถือเป็นเรื่องที่สำคัญที่ทำให้เราอินได้มากในตอนอ่านหนังสือ กับบางส่วนที่เปลี่ยนแปลงเรื่องไป อาจเพื่อให้รับการที่ต้องเล่าในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง เรื่องราวที่ดูง่ายดายเกินไปไม่มีช่วงลุ้นช่วงขยี้เท่าที่ควรจะมีในความคิดคนที่อ่านหนังสือมาก่อน
ถือว่าหนังขาดความกลมกล่อมไปพอสมควรเลย
หมาแสดงได้ฮาและน่ารัก คนรักหมาน่าจะฟิน
ในหนังอย่าง ‘หมา เป้าหมาย และเด็กชายของผม’ จะไม่ได้มีหมาเพียงตัวเดียว หรือสายพันธุ์เดียวปรากฏอยู่ในนั้น แต่จะมีหมาหลายสายพันธุ์ตามแต่ว่าชาตินั้นๆ ของหมาจะเกิดมาเป็นพันธุ์อะไร แต่ละพันธุ์ก็น่ารักกันไปคนละแบบ แต่ก็เชื่อว่า คนรักหมาคงจะชอบและอินได้ไม่ว่ามันจะเป็นพันธุ์อะไร
ในส่วนของการแสดงความสัมพันธ์ของหมากับคนนั้น ผมมองว่าหนังทำได้ดี ไม่ว่าจะเป็นแสดงออกจากหมาแต่ละตัวที่ทำได้เยี่ยมยอด หนังสือเองก็เรียกได้ว่าดำเนินเรื่องจากความคิดของหมา เข้าใจความคิดของหมาค่อนข้างมาก เมื่อนำมาดัดแปลงเป็นบทหนัง
มันจึงยังคงความน่ารักแบบหมาๆ ไม่มีเปลี่ยน
เวลาเราได้เห็นว่าหมาคิดอะไรกับสิ่งที่มันเห็นตรงหน้า มันได้กลิ่นอะไรยังไง มันทำให้มนุษย์เข้าใจหมาได้มากขึ้น หมารักเรายังไง เหล่านี้มันทำให้คนดูน้ำตาซึมได้แม้จะเป็นฉากแห่งความสุข
สำหรับคนที่อ่านหนังสือมาก่อนย่อมจะรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ทุกช็อตมันเติมต่อจากจินตนาการที่เคยเกิดขึ้นในหัว แน่นอนว่า เขามักหวังจะได้เห็นมากกว่านั้นเสมอ
ในความรู้สึกของผม หนังทำได้ดีในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างหมากับคน เพราะมันให้ทั้งความฮาปนน่ารักกับความคิดและการกระทำแบบหมา เช่น การเห็นแก่กิน เป็นต้น ได้เห็นว่ามันรักเด็กชายของมันแค่ไหน และมันน่าเศร้าแค่ไหนในวันที่มันกำลังจากเด็กชายที่มันรักไป แม้ว่ามันอาจดูไม่สมบูรณ์ไปบ้างในด้านของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ทุกอย่างดูรวบรัดไปนิด
แต่สำหรับคนรักหมา คงต้องเสียน้ำตาให้มันได้อย่างแน่นอน
ชื่อภาพยนตร์: A Dog’s Purpose / หมา เป้าหมาย และเด็กชายของผม
ผู้กำกับภาพยนตร์: Lasse Hallström
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: W. Bruce Cameron (screenplay), Cathryn Michon (screenplay)
นักแสดงนำ: Josh Gad, Dennis Quaid, Peggy Lipton, K.J. Apa, Britt Robertson, Peggy Lipton
ดนตรีประกอบ: Rachel Portman
แนว/ประเภท: Adventure, Comedy, Drama
ความยาว: 100 นาที
อัตราส่วนภาพ: 2.35:1
เรท: ไทย/, USA/PG
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 2 มีนาคม 2017
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Amblin Entertainment, Original Pictures, Pariah Entertainment Group, UIP
หมา เป้าหมาย และเด็กชายของผม
A Dog's Purpose - 7.1
7.1
A Dog's Purpose
ในความรู้สึกของผม หนังทำได้ดีในส่วนของความสัมพันธ์ระหว่างหมากับคน เพราะมันให้ทั้งความฮาปนน่ารักกับความคิดและการกระทำแบบหมา เช่น การเห็นแก่กิน เป็นต้น ได้เห็นว่ามันรักเด็กชายของมันแค่ไหน และมันน่าเศร้าแค่ไหนในวันที่มันกำลังจากเด็กชายที่มันรักไป แม้ว่ามันอาจดูไม่สมบูรณ์ไปบ้างในด้านของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ด้วยกัน ทุกอย่างดูรวบรัดไปนิด
1 คอมเมนต์