ผ่านเข้าสู่สัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคมแล้ว ก็ได้เวลาของหนังแอ็คชั่นสไตล์จัดหนักแบบ John Wick ที่คราวนี้เปลี่ยนให้ตัวเอกเป็นฝ่ายหญิง เรื่องราวที่เล่าถึงสายลับที่ออกไปสืบหาความจริงในเยอรมัน ‘Atomic Blonde’ ที่มีชื่อไทยๆ ว่า ‘บลอนด์ สวยกระจุย’
ผลงานผู้กำกับฯ ร่วมของจอห์น วิค ภาคแรก ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนเรื่องดังอย่าง ‘The Coldest City’ ของ Antony Johnston มีนางเอกสวยแกร่งอย่าง ชาร์ลิซ เธอรอน ร่วมด้วยสาวสวยคมอย่าง โซเฟีย โบเทลลา หนังได้รับคำชมเหลือหลาย
จนต้องลุกจากเก้าอี้เข้าไปดูในโรงหนัง
เรื่องย่อหนัง ‘Atomic Blonde’
หลังเกิดเหตุการณ์สายลับถูกฆ่าตายในเยอรมันในวันที่กำแพงยังไม่ถูกทุบทิ้ง เป็นเหตุให้สายลับหญิงที่ฝึมือฉกาจจนผู้ชายทุกคนต้องขยาด อย่าง ลอร์เรน โบรห์ตัน (Charlize Theron) ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงเบอร์ลิน เยอรมันยุคสงครามเย็น
เธอคือสายลับเอ็มไอซิกซ์ที่ได้รับภารกิจไปสืบหาสาเหตุการตาย
ซึ่งครั้งนี้ เธอจะต้องร่วมมือกับสายลับอีกคน เดวิด เพอร์ซีเวล (James McAvoy) ที่ฝังตัวอยู่ที่นั่น แต่ด้วยความที่เธอได้รับข้อความจากเจ้านายเอาไว้ว่า “อย่าไว้ใจใคร” ทำให้เธอต้องสืบสาวโดยลำพัง แต่กลับได้พบว่า รอบด้านเธอมีแต่ภยันตราย
และเธอต้องเอาตัวรอดจากเกมสายลับให้ได้
รีวิวหนัง ‘บลอนด์ สวยกระจุย’
เมื่อแรกเริ่มได้พบกับหนังสไตล์ปล่อยหมัดฮุคดุดันอย่างเรื่องนี้ ก็ต้องพบว่า หนังมีจุดโดดเด่นที่งานถ่ายภาพและเพลงประกอบจริงๆ ครับ
ถ้าว่ากันที่เรื่องเพลงประกอบ นี่คือการนำเพลงอิเล็กโทรนิกในยุคเก่ามาใส่ในหนังแอ็คชั่นย้อนยุคได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว มันทำให้ฉากต่างๆ ดูเท่ขึ้นมาในทันใด แม้ว่ามันจะดูเยอะจนเฝือไปบ้างก็ตามที หากว่าลดๆ ลงมาหน่อย
เลือกใช้เฉพาะฉากที่ใช่ มันคงจะพีคกว่านี้อีกมาก
อีกจุดโดดเด่นและเห็นได้ชัดรองลงมาจากเพลงประกอบนั่นคือ มุมมองการถ่ายภาพของ ‘บลอนด์ สวยกระจุย’ ที่หลายช็อตจัดว่าคอมโพสได้มี จัดแสงได้สวยงาม
ขณะที่ฉากเด็ดอย่างฉากลองเทคของการพะบู๊ของนางเอกสาวชาร์ลิซนั้นนับว่าสุดว้าวอย่างมาก เพราะเธอต้องทุ่มเทแสดงสุดตัวและทุ่มเทซ้อมคิวบู๊มาอย่างหนักหน่วง กลายเป็นช่วงที่พีคสุดในหนังเรื่องไปอย่างมิต้องสงสัย
โดยรวมต้องถือว่า ‘บลอนด์ สวยกระจุย’ ทำได้โดดเด่นในด้านการออกแบบและถ่ายทำฉากบู๊ทั้งหลายที่ออกมาได้อย่างดิบและเถื่อน รู้สึกเจ็บจริงจนถึงขึ้นต้องร้องโอ๊ยตาม ทั้งยังมีฟีลลิ่งของหนังนักสืบย้อนยุคที่บ้านเมืองในเยอรมันยังเป็นยุคเก่าที่กำลังจะทุบกำแพงกัน รถราที่ใช้ก็ยังดูโบราณ ภาพก็ย้อมให้ดูทึมๆ
นอกจากเราจะได้เห็น Charlize Theron เธอบู๊แหลกชนิดโหดดุดิบแล้ว เรายังได้พบกับ Sofia Boutella ที่เล่นเป็นคาแรคเตอร์สไตล์สายสืบช่างภาพ แถมยังมีฉากหวิวๆ ให้ดูกันด้วย
แต่หนังกลับทำให้เราเข้าใจเรื่องราวได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น
ไม่รู้ว่าเป็นหนังเล่าเรื่องเก่งเกินไป หรือเราสมองน้อยติดตามเนื้อเรื่องไม่ทันกันแน่ แต่สิ่งที่รู้สึกได้คือ หนังมีรายละเอียดค่อนข้างสูง บทสนทนาของตัวละครมีรายละเอียดที่ต้องทำความเข้าใจเรื่องในหัวของคนดูอย่างเราๆ อยู่เยอะจนคิดตามไม่ทัน
อีกทั้งหนังยังมีตัวละครเยอะแยะจนไม่อาจจะจดจำได้หมดในการชมครั้งเดียว (นี่อาจจะต้องมีซ้ำหากอยากจะเข้าใจมันจริงๆ)
และเมื่อผมไม่อาจจะทำความเข้าใจเรื่องราวได้เป็นส่วนใหญ่ เราจึงไม่อาจจะสนุกกับหนังให้มากพอ เมื่อถึงฉากแอ็คชั่นมันๆ นั่นแหละที่เราจะซึมซับอารมณ์สนุกนั้นได้
แม้จะดูรู้ว่าคนเขียนบทและผู้กำกับฯ เขาตั้งใจจะใส่ชั้นเชิงในการเล่าเรื่องราวทั้งพาร์ทที่เป็นบทสนทนาและพาร์ทที่ใช้ภาพเล่าเรื่อง รวมทั้งความพยายามจะพลิกหักมุมเรื่องไปมาตามประสาหนังนักสืบ
แต่ถ้าคนดูไม่ได้พร้อมเพียงพอก็อาจจะได้ครึ่งๆ กลางๆ เช่นนี้แล
ชื่อภาพยนตร์: Atomic Blonde / บลอนด์ สวยกระจุย
ผู้กำกับภาพยนตร์: David Leitch
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Kurt Johnstad (screenplay), Antony Johnston (based on the Oni Press graphic novel series “The Coldest City” written by)
นักแสดงนำ: Charlize Theron, James McAvoy, John Goodman, Toby Jones, Sofia Boutella, Bill Skarsgård, Eddie Marsan
ดนตรีประกอบ:
ความยาว: 115 นาที
แนว/ประเภท: Action, Mystery, Thriller
อัตราส่วนภาพ:
เรท: ไทย/, MPAA/R
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 3 สิงหาคม 2560
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: 87Eleven, Closed on Mondays Entertainment, Denver and Delilah Productions
บลอนด์ สวยกระจุย
Atomic Blonde - 7
7
Atomic Blonde
ไม่รู้ว่าเป็นหนังเล่าเรื่องเก่งเกินไป หรือเราสมองน้อยติดตามเนื้อเรื่องไม่ทันกันแน่ แต่สิ่งที่รู้สึกได้คือ หนังมีรายละเอียดค่อนข้างสูง บทสนทนาของตัวละครมีรายละเอียดที่ต้องทำความเข้าใจเรื่องในหัวของคนดูอย่างเราๆ อยู่เยอะจนคิดตามไม่ทัน
