ช่วงนี้ หนังฟอร์มใหญ่ทะยอยกันเข้ามาฉายในบ้านเราอยู่เรื่อยๆ ถัดจากเรื่องใหญ่เข้าสัปดาห์นั้น ก็มาถึงอีกเรื่องใหญ่เข้าสัปดาห์นี้ ชักชวนคนเข้าโรงหนังไม่หยุดหย่อนเลยทีเดียว สัปดาห์นี้มีมาอีกเรื่องแล้ว คงไม่มีใครไม่รู้จักหนุ่มล่ำที่ห้อยโหนโจนทะยานอยู่ในป่า ชายนาม “ทาร์ซาน” ที่กลับคืนสู่จอใหญ่อีกครั้งด้วยเนื้อหาที่โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น เพราะมันเป็นเวลาช่วงที่ทาร์ซานเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว และดำรงชีพอยู่ในลอนดอนกับเจนผู้เป็นภรรยา ผมกำลังพูดถึง ผมกำลังพูดถึง ‘The Legend of Tarzan’ หรือ ‘ตำนานแห่งทาร์ซาน’ ครับ
ผลงานลำดับล่าสุดจาก David Yates (Harry Potter สี่ภาคสุดท้าย) ที่พักหลังหันไปทำงานเล็กงานน้อย ก่อนจะกลับมาจับงานใหญ่อีกครั้งซึ่งก็คือเรื่องนี้นั่นแหละครับ ด้วยทุนสร้างราว 180 ล้านเหรียญ
สูงไม่ใช่เล่นเลยทีเดียว!
เรื่องย่อหนัง ‘The Legend of Tarzan’
จากตัวละครทาร์ซานที่สร้างขึ้นโดย เอ็ดการ์ ไรซ์ เบอร์โรห์ส (Edgar Rice Burroughs) ถูกเติมต่อเล่าเรื่องของเขากับเจน (Margot Robbie จากหนังเรื่อง ‘Terminal’) หลังจากย้ายไปอยู่ลอนดอนในฐานะจอห์น เคลย์ตันที่ 3 หรือลอร์ด เกรย์สโตก (Alexander Skarsgård จากหนังเรื่อง ‘The Northman’) แต่แล้วก็ไม่วาย เมื่อคองโก ประเทศหนึ่งในทวีปแอฟริกาถูกยึดและปกครองโดยกษัตริย์ลีโอโพล ผู้ประสบปัญหาเมื่อกิจการกอบโกยบนดินแดนนั้นกำลังขาดทุนหนัก
ทาร์ซานถูกเชิญให้กลับไปที่คองโกเพื่อทำหน้าที่เป็นฑูตพาณิชย์แห่งรัฐสภา โดยไม่รู้ว่ามันเป็นเกมของลีออน รอม (Christoph Waltz จากหนังเรื่อง ‘Django Unchained’) กัปตันชาวเบลเยียมที่ลวงเขาไปเพื่อเป็นเบี้ยสำคัญที่จะทำให้รอมสำเร็จตามเป้าหมาย
การกลับสู่คองโก เหมือนเป็นการกลับคืนสู่ป่าบ้านที่เขาเติบโตมา เขาจะได้กลับไปพบกับสัตว์ป่าที่เขาเข้าใจมันที่สุด และจะได้กลับไปพบกับผู้คนที่ช่วยเหลือเขาเรื่อยมา
และก็จะได้พบกับศัตรูตัวฉกาจที่เกลียดขี้หน้าเขาเช่นกัน
รีวิวหนัง ‘The Legend of Tarzan’
คาแรคเตอร์ของทาร์ซานนั้นอยู่มานานจนคนคุ้นเคย ทุกคนรู้ว่าทาร์ซานโตในป่า จนมาเจอและปิ๊งกับเจน ความพิเศษคือฉากห้อยโหนโจนทะยานด้วยเถาวัลย์ในป่า แต่เรื่องราวในภาคนี้อาจจะไม่เคยมีใครได้รู้ มันเป็นเรื่องราวหลังจากนั้น หลังจากทาร์ซานและเจนย้ายไปพักอาศัยและใช้ชีวิตอยู่ในลอนดอนแล้วนั่นเอง
งานภาพอย่างสวย จัดแสดงอย่างดี
ต้องยอมรับอย่างหนึ่งตั้งแต่เปิดเรื่องขึ้นมาเลยว่า ‘ตำนานแห่งทาร์ซาน’ เป็นหนังที่จริงจังกับการจัดแสงอย่างมาก หลายๆ ฉาก โดยเฉพาะฉากในป่าที่ค่อนข้างจัดแสงออกมาได้สวย จนรู้สึกว่า ป่ามันช่างน่าอยู่นะ ถ้าไม่มีสิงสาราสัตว์ที่ดุร้ายน่ากลัวพวกนั้น
หนังมีความพยายามในการย้อมสีมากเลย บางช่วงจะเป็นสีฟ้า บางทีก็เป็นสีเหลือง แต่ทั้งหมดทั้งมวล ‘ฉากป่า’ คือสิ่งที่น่าประทับใจ
ถ้าพูดถึงด้านสเปเชียลเอฟเฟกต์ ก็เป็นอีกส่วนที่หนังเรื่องนี้ทำได้ค่อนข้างดี ดูเนียนตาน่าเชื่อถือ ยิ่งใหญ่น่าทึ่ง บางส่วนอาจจะไม่ถึงกับน่าเชื่อแต่ก็เป็นเพียงส่วนน้อย ถ้าจะถามถึงช็อตที่รู้สึกมากที่สุดถึงความไม่เนียนก็คงจะมีเพียงฉากห้อยโหนโจนทะยานในป่าของทาร์ซานที่ดูลอยๆ ไปนิดนั่นแหละ
กราฟนิ่งตลอดเรื่อง แต่ก็ไม่ถึงกับง่วง
อย่างไรก็ตาม ‘ตำนานแห่งทาร์ซาน’ ดูจะมีปัญหากับการเล่าเรื่องพอสมควร กับการพยายามจะเล่าเรื่องไปข้างหน้าโดยค่อยๆ เฉลยปมในอดีตออกมาทีละส่วน แต่ที่น่าเสียดายก็คือ แม้หนังจะมีฉากแอ็คชั่นในป่า หรือแม้แต่ในพื้นที่ของผู้คนที่มีสัตว์ป่ามาร่วมด้วย ก็ไม่ชวนตื่นเต้นได้มากกว่าฉากเล่าเรื่องทั่วไป
ถ้ามองเป็นกราฟก็เหมือนมันนิ่งและมีกระเพื่อมนิดหน่อย ยังดีอยู่บ้างที่ผมไม่รู้สึกถึงความง่วงระหว่างดู แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะรู้สึกตัวเองว่านอนน้อยและมีอาการง่วงระหว่างเดินทางก็ตาม แต่กระนั้นก็ไม่รู้สึกถึงความอินในเรื่องราวนั้นเท่าที่ควร
ซึ่งมันอาจจะเป็นด้วยการตัดต่อที่ไม่ชวนให้รู้สึกลุ้นตื่นตา เหมือนได้เพียงติดตามเนื้อเรื่องที่ค่อยๆ เผยให้เรารู้มากขึ้นตามเวลา แฟลชแบ็กบ่อยๆ ก็อาจจะเป็นส่วนที่ทำให้รู้สึกว่าหนังมีท่วงทีจะไปข้างหน้าเร็วก็ไม่ได้ ต้องคอยอธิบายอะไรๆ ย้อนหลังอยู่เรื่อยๆ บวกกับข้อมูล
ตำนานทาร์ซานที่ไม่อินอะไรเลย
Alexander Skarsgård คือชายหนุ่มหุ่นล่ำ มีซิกซ์แพ็กที่เห็นชัดเจน เหมาะเหม็งอย่างยิ่งที่จะเป็นทาร์ซาน ผู้ชายมองเห็นว่าสมควรได้รับบทบาทนี้เพราะลักษณะทางกายภาพ ผู้หญิงคงฟินที่เห็นแค่หุ่นก็คงเพลินไปจนจบแล้ว
แต่บทบาทของเขาดูไม่มีอะไรน่าสนใจมากไปกว่าหุ่นล่ำที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
ขณะที่ Margot Robbie ดูท่าจะดึงดูดความสนใจของผู้ชมฝ่ายชายได้มากกว่า แม้โดยรวมแล้วเธอจะไม่ได้สวยสง่าอะไรมากนักในเรื่องนี้ แต่ด้วยลีลาการแสดงเธอสามารถสะกดใจชายให้เฝ้ามองได้แน่นอน ขณะที่นักแสดงที่ทำหน้าที่ขโมยซีนได้ดีทุกสุดกลับเป็น Samuel L. Jackson ที่สวมบทบาทของ จอร์จ วอชิงตัน วิลเลียมส์ ที่ช่วยให้หนังที่ดูจีดชืดได้มีสีสันมากขึ้นอย่างชัดเจน
เรื่องราวของทาร์ซานในภาคนี้ รวมๆ แล้วเหมือนเป็นการเรียกราชามนุษย์แห่งพงไพรแอฟริกาได้กลับคืนสู่ป่าอีกครั้ง แม้จะไปเพื่อเป็นเบี้ยให้กับผู้หวังผลประโยชน์แต่ก็มีความฉลาดมากพอที่จะรู้เท่าทัน และยังคงจุดยืนที่จะช่วยเหลือพวกพ้องที่เติบโตมาด้วยกันในป่า นัยแห่งความรักในธรรมชาตินั้นยังคงอยู่ในหนัง แต่การที่ดำเนินเรื่องได้นิ่งเกิน และไม่ได้เล่าเรื่องให้อินในตัวละครหลักมากพอ
จึงทำให้หนังพอไปได้แบบแกนๆ เท่านั้นเอง
ชื่อภาพยนตร์: The Legend of Tarzan / ตำนานแห่งทาร์ซาน
ผู้กำกับภาพยนตร์: David Yates
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Adam Cozad (screenplay), Craig Brewer (screenplay), Craig Brewer (story by), Adam Cozad (story by), Edgar Rice Burroughs (Based on the’Tarzan’ stories created by)
นักแสดงนำ: Alexander Skarsgård, Christoph Waltz, Samuel L. Jackson, Margot Robbie, Djimon Hounsou
ความยาว: 109 นาที
แนว/ประเภท: Action, Adventure
อัตราส่วนภาพ:
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 30 มิถุนายน 2559
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Dark Horse Entertainment, Jerry Weintraub Productions, Riche Productions
ตำนานแห่งทาร์ซาน
The Legend of Tarzan - 6.3
6.3
The Legend of Tarzan
เรื่องราวของทาร์ซานในภาคนี้ รวมๆ แล้วเหมือนเป็นการเรียกราชามนุษย์แห่งพงไพรแอฟริกาได้กลับคืนสู่ป่าอีกครั้ง แม้จะไปเพื่อเป็นเบี้ยให้กับผู้หวังผลประโยชน์แต่ก็มีความฉลาดมากพอที่จะรู้เท่าทัน และยังคงจุดยืนที่จะช่วยเหลือพวกพ้องที่เติบโตมาด้วยกันในป่า นัยแห่งความรักในธรรมชาตินั้นยังคงอยู่ในหนัง แต่การที่ดำเนินเรื่องได้นิ่งเกิน และไม่ได้เล่าเรื่องให้อินในตัวละครหลักมากพอ