เริ่มจากมีความคิดจะเขียนบทความรวมซีรีส์เกาหลีที่เรื่องราวพาเราไปรื่นรมย์กับชนบท ทำให้ค้นพบซีรีส์เรื่องนี้ เรื่องราวที่มีทั้งคล้ายและต่างจากเรื่องอื่นๆ ‘When the Weather is Fine’ ซีรีส์แนวดราม่าโรแมนติกที่ว่าด้วยความรักของหนุ่มสาวสุดเหงาในเมืองหนาวทางตอนเหนือๆ ของเกาหลี
การพบกันของคู่พระนาง พัคมินยอง กับ ซอคังจุน ที่เล่าเรื่องการพบกันอีกครั้งของเพื่อนร่วมห้อง หลังต่างคนต่างแยกย้ายกันไปดำเนินชีวิตของตน สาวกรุงโซลที่หวนกลับสู่บ้านเก่ามาพบเจอกับหนุ่มที่ทำร้านหนังสืออยู่ที่นั่น แถมเขายังเป็นคนที่แอบรักเธอมาเนิ่นนาน
ผลงานการกำกับของ ฮันจีซึง เจ้าของผลงานภาพยนตร์ ‘Mad Sad Bad’
เรื่องย่อซีรีส์ ‘When the Weather is Fine’
มันเป็นเรื่องราวของ มกแฮวอน (Park Min Young/พัคมินยอง จากซีรีส์เรื่อง ‘Her Private Life’, ‘What’s Wrong With Secretary Kim’ และ ‘City Hunter’) หญิงสาวที่ชื่นชอบการเล่นเชลโลมาตั้งแต่ยังเด็ก หลังจบการศึกษา เธอจึงได้มาเป็นครูสอนเชลโล่ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง แต่ก็ดูเหมือนชีวิตของเธอต้องเผชิญกับความเจ็บปวดบางอย่าง จนทำให้ตัดสินใจออกจากกรุงโซล และเดินทางกลับบุคฮยอน มาอยู่ในบ้านที่เธอเติบโตมากับคุณยายและคุณน้าของตน
ตอนนี้ คุณยายเสียไปแล้ว โฮดูเฮ้าส์ที่เคยเปิดเป็นเกสต์เฮ้าส์ที่มีชื่อในหมู่บ้านนี้มานานถึงกาลปิดกิจการเพราะมยองยอ (Moon Jeong Hee/มุนจองฮี) คุณน้าผู้เย็นชาของเธอไม่คิดจะทำต่อแล้ว
แต่การกลับมาที่นี่ทำให้เธอได้พบกับ อิมอึนซอบ (Seo Kang Joon/ซอคังจุน จากซีรีส์เรื่อง ‘Cheese in the Trap’, ‘Something About Us’ และ ‘Watcher’) ชายหนุ่มที่เคยเป็นเพื่อนร่วมห้องของเธอ เขาคือเจ้าของร้านหนังสือกู๊ดไนท์อันแสนอบอุ่นที่บ้านอยู่ไม่ไกลกัน และเขาคือเพื่อนที่แอบรักเธอมาเนิ่นนาน ชีวิตประจำวันของเขาแสนธรรมดาและเรียบง่าย เช้าตื่นขึ้นมาชงกาแฟดริป อ่านหนังสือและเขียนบล็อก การมาของหญิงสาวคนนี้นำพาหัวใจที่เปลี่ยวเหงาให้กลับมีความหมายขึ้นอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน หัวใจของหญิงสาวผู้เจ็บปวดและเปราะบางกำลังจะได้พบกับความอบอุ่นท่ามกลางบรรยากาศที่เหน็บหนาวในเมืองชนบทแห่งนี้
รีวิวซีรีส์ ‘ขอให้หัวใจไม่ไร้ไออุ่น’
จัดว่าเป็นซีรีส์ที่ใช้ช็อตสโลว์โมชันเป็นว่าเล่น เน้นความสวยงามของธรรมชาติและเขตชนบทในเกาหลีใต้ เดินเรื่องเนิบนาบไม่หวือหวา นานๆ จะมีอะไรที่แตกต่างออกไปบ้าง และจัดว่าเป็นซีรีส์ที่แสนเหน็บหนาวแต่อบอุ่นใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ
เล่าเรื่องปัจจุบันสลับย้อนกลับอดีต
ซีรีส์ดำเนินไปอย่างสลับเวลา แม้เรื่องราวจะเล่าเรื่องในปัจจุบันที่มกแฮวอนกลับสู่บ้านเกิดและพบเจอชายหนุ่มเจ้าของร้านหนังสือ แต่แท้ที่จริง เรื่องถูกเล่าอย่างสลับกลับไปยังอดีตแบบไม่เว้นวาย ซึ่งอดีตนี้ก็มีทั้งช่วงวัยเด็กที่คุณยายยังอยู่ ช่วงสมัยวัยรุ่นวัยเรียนที่ได้เป็นเพื่อนร่วมห้องกับหลายๆ ตัวละครที่กลับมาเจอกันอีกครั้งในเวลาปัจจุบัน ช่วงวัยทำงานที่เธอเป็นครูสอนเชลโลอยู่ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง
ทุกสิ่งหลอมรวมให้เธอกลายเป็นคนในปัจจุบัน
แต่ละตัวละครต่างมีเบื้องหลังอันเศร้าสะเทือนใจ
มกแฮวอนเป็นหญิงสาวที่เจ็บปวดกับเรื่องราวต่างๆ ในอดีต เติบโตอยู่ในบ้านหลังนั้นกับน้ามยองยอเพียงสองคน ขณะที่กับคุณแม่นั้น เธอได้เจอเพียงปีละสองครั้ง ถูกเพื่อนบูลลี่หนักเมื่อได้รับรู้ว่าเธอมีแม่ติดคุกเพราะฆ่าพ่อตาย ลงท้ายก็ย้ายไปโซล พกพาความสามารถด้านเชลโลไปด้วย ได้งานเป็นครูสอน แต่ก็เหมือนเคราะซ้ำกรรมซัด ที่นั่นไม่ได้เห็นคุณค่าของเธอเท่าไหร่ ทั้งยังกัดกร่อนความสุขของเธอจนไม่เหลือหลอ เธอจำต้องพกความเจ็บปวดและอ่อนล้ากลับบ้านเกิดอีกครั้ง
เธอเป็นคนที่เฝ้ามองความอบอุ่นในครอบครัวของอิมอึนซอบอย่างรู้สึกอิจฉาในใจ
ด้านอิมอึนซอบ เขาเป้นชายหนุ่มที่มีชีวิตเรียบง่ายกับการเป็นเจ้าของร้านหนังสืออันสงบเงียบ ผู้ที่มีรักฝังใจอยู่กับเด็กสาวผู้ย้ายเข้ามาใหม่ในวันนั้น ผ่านไป 10 ปี เขายังไม่ลืมเธอและโชคชะตาชักพาให้เธอกลับมาเจอกับเขาอีกหน แต่ใครจะรู้ แท้ที่จริง เขาเป็นชายหนุ่มที่เติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวและเปลี่ยวเหงา เขามักจะเดินขึ้นภูเขาไปคนเดียวอยู่บ่อยๆ ผู้คนพากันพูดถึงเขาว่าเป็นลูกของชายจรจัด แต่หลายครั้งที่มาคนหายไปในภูเขาก็ต้องพึ่งพาอึนซอบให้ช่วยตามหาอยู่เรื่อยๆ
ชีวิตเบื้องหลังของอิมอึนซอบยังมีมากกว่านั้น แต่คงต้องให้ไปตามหาในซีรีส์เอาเอง
เริ่มต้นอาจเน้นความหมองหม่นของนางเอกที่มองว่าตัวเองเป็นความหนาว และได้มาเจอความอบอุ่นในดินแดนที่เธอเคยจากมา ทว่ายิ่งเรื่องราวดำเนินไป ก็ยิ่งมองเห็น ‘ความหนาว’ ที่เกิดขึ้นกับหลายๆ ตัวละคร ความอบอุ่นที่เคยมีเริ่มจะหดหาย ความเหน็บหนาวแผ่ปกคลุมไปทั่วจนตัวเรื่องเริ่มจะหนักอึ้ง…
เหมือนตอนแรกก็จะพูดถึงการบูลลี่เพื่อนในวัยเรียน แต่ต่อๆ มาซีรีส์พูดถึงความรุนแรงในครอบครัวอย่างจริงจัง
ในช่วงหลังเน้นเล่าสลับกันไปมาระหว่างพระนาง บางส่วนก็เล่าเรื่องชีวิตของอึนซอบ ตัดมาอีกที เรื่องราวกลับเน้นหนักและค่อนข้างซีเรียสกับเรื่องเบื้องลึกเบื้องหลังของสองพี่น้อง ตัวเรื่องพยายามจะอธิบายถึงสิ่งที่ค้างคาใจคนดูมาตั้งแต่ตอนแรกๆ เหตุใดน้าและแม่ของนางเอกจึงเลือกจะใส่แว่นไว้ตลอดเวลา เหตุใดน้ามยองยอจึงมีอาการปวดหัวอย่างหนัก เหตุใดน้าจึงไม่เขียนหนังสือนิยายต่อ เหตุการณ์ในวันเก่าที่เล่าสลับจะบอกให้เราได้รู้เรื่องเหล่านั้น
ดนตรีประกอบเพราะดี ภาพชนบทที่สดสวย
นอกเหนือจะแง่มุมจริงจังที่ถูกฉาบทาด้วยเรื่องรักหวานและอบอุ่นของสองพระนาง ซีรีส์ก็ยังเล่าเรื่องของตัวละครประกอบตัวเล็กตัวน้อยไว้อย่างน่าสนใจ แม้บางคราวจะดูเหมือนถูกลืมเลือนไปบ้าง แต่ยังไงก็ยังกลับมาเล่าต่ออยู่ดี [เหมือนเป็นการบอกว่า ฉันไม่ลืมนะ แต่เพราะฉันเล่าแบบเนิบช้า เลยทำให้กว่าตัวนี้จะต้องรอกันนานนิดนึง]
ดูจะเป็นสิ่งที่คุ้นชินกันในหลายๆ เรื่องที่เล่าฉากหลังในชนบท คนในหมู่บ้านเล็กๆ มักจะรู้จักกันหมด มีเหตุอะไรที แป๊บเดียวก็รู้กันทั้งหมู่บ้าน ข้อดีคือ ช่วยเหลือกันได้ไว ส่วนข้อเสีย คือ การเป็นขี้ปากชาวบ้านนี่แหละ
นายแพทชอบในดนตรีประกอบของซีรีส์เรื่องนี้ นำเอาเครื่องบินอะคูสติกทั้งหลายมาประสมประสานให้ได้มู้ดตามที่ต้องการ แต่ละเพลงมักประกอบด้วยเครื่องดนตรีสองชิ้นขึ้นไป มีทั้งเสียงกีตาร์ ไวโอลิน เชลโล เปียโน เมาท์ออร์แกน และน่าจะเป็นไซโลโฟนและอูคูเลเล่ผสมอยู่ด้วย ดนตรีประกอบดีแล้ว ยังผสานกันไปกับทิวทัศน์อันสวยงามของฤดูหนาวหิมะโปรยปรายและช่วงเวลาใบไม้เปลี่ยนสี โลเกชันสวยๆ ทั้งเรื่องมีหลายจุดมากเสียจนคิดว่า ถ้าตามรอบซีรีส์น่าจะมีเหนื่อย และน่าจะมีหลายเว็บทำคอนเทนต์ตามรอยซีรีส์เรื่องนี้กันไปเรียบร้อยแล้ว
ดำเนินเรื่องเชื่องช้า แต่ไม่อาจตัดใจ
ซีรีส์เน้นหนักเรื่องหนังสือ มักเดินเรื่องด้วยการหยิบยกข้อความในหนังสือเล่มต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับภาพเหตุการณ์ในตอนนั้น ทั้งยังสอดแทรกเรื่องเล่าในหนังสือเข้าไปอยู่ในบทสนทนาของตัวละครอีกด้วย
การที่ตัวละครเป็นเจ้าของร้านหนังสือ ก็เลยได้เห็นกิจกรรมที่เขาจัดขึ้นไม่ว่าจะเป็นการนัดประชุมของชมรมอ่านหนังสือ เพื่อผลัดกันแบ่งปันเรื่องเล่าจากหนังสือที่ชอบ หรือการจัดงานมหกรรมหนังสือที่ก็ทำให้ร้านได้ขายหนังสือแบบลดราคาเพื่อโละสต๊อกไปบ้าง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นสร้างความแช่มชื่นใจให้กับคนดูที่รักหนังสืออย่างเต็มเปี่ยม
ในด้านการดำเนินเรื่องที่เชื่องช้านั้นก็สมอย่างคำร่ำลือ มันไปเรื่อยๆ จริงๆ นั่นแหละ แต่ด้วยเหตุผลหลายอย่างที่ทำให้ยังคงติดใจและไปต่อ หนึ่งคงเป็นเรื่องราวที่ถูกปิดกั้นไว้ชวนให้สงสัยอยากรู้คำตอบ สองคงเป็นพัคมินยองที่รอยยิ้มของเธอช่างดึงดูดใจซึ่งมันเข้ากันดีกับความเนิบช้า สามคงเป็นความอบอุ่นของพระนางและธรรมชาติที่สวยงาม สี่คงเป็นความจริงจังของการบอกเล่ามุมร้ายๆ ของสังคม ทำให้รู้สึกจริงแถมสะเทือนใจไม่มีหยุด
ก็ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า ซีรีส์เดินเรื่องเชื่องช้า [แต่ก็เดินนะ] แบบนี้จะพาเรามาจนถึงตอนจบได้ในที่สุด
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | When the Weather is Fine / ขอให้หัวใจไม่ไร้ไออุ่น / 날씨가 좋으면 찾아가겠어요 |
ผู้กำกับ | Han Ji Seung/ฮันจีซึง (เจ้าของผลงานซีรีส์ Mistress, Valid Love และภาพยนตร์เรื่อง Mad Sad Bad) |
ผู้เขียนบท | Lee Do Woo/อีโดอู (novel), Han Ga Ram/ฮันการัม |
นักแสดง | Park Min Young/พัคมินยอง, Seo Kang Joon/ซอคังจุน, Jin Hee Kyung, Lee Jae Wook/อีแจอุค, Choo Ye Jin, Lim Se Mi, Moon Jeong Hee/มุนจองฮี, Jin Hee Kyung/จินฮีคยอง |
แนว/ประเภท | Drama, Romance |
จำนวนตอน | ซีซั่น1: 16 ตอน |
ช่องทางรับชม | Viu, Mono Max |
เริ่มออกอากาศ | February 24 – April 21, 2020 [ในเกาหลีใต้] |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Ace Factory, JTBC |
ขอให้หัวใจไม่ไร้ไออุ่น
พล็อตและบท - 7.7
การดำเนินเรื่อง - 7.3
เพลงและดนตรีประกอบ - 8.4
การแสดง - 7.7
งานภาพและเทคนิคพิเศษ - 7.9
7.8
When the Weather is Fine
ซีรีส์รักโรแมนติกแนวเคลื่อนตัวช้า เล่าเรื่องของครูสอนเชลโล่สาวที่อ่อนล้าย้ายกลับมาบ้านเกิดและได้พบเจอกับชายหนุ่มเจ้าของร้านหนังสือที่เป็นเพื่อนเก่าผู้หลงรักเธอมาเนิ่นนาน เดินเรื่องของเนิบช้าเจือความหม่นเศร้า ท่ามกลางบรรยากาศที่เหน็บหนาวหิมะโปรยปราย แต่กลับอบอุ่นเมื่อความรักของทั้งสองกำลังงอกเงยขึ้น ภาพสวยจนน่าไปเที่ยว เพลงประกอบเพราะ กับบรรยากาศแบบชนบท ดูเพลินแบบไม่ต้องรีบ วันละสองตอนก็พอ