มีซีรีส์เกาหลีมากมายที่เล่าเรื่องของตำรวจ การสืบสวน คดีฆาตกรรม แต่น่าจะยังไม่มีซีรีส์เรื่องไหนที่มุ่งเน้นงานตำรวจจำพวกวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรอย่างจริงจัง จนวันนี้ ผมได้พบกับ ‘Through the Darkness’ จึงได้พบว่า มันพูดถึงหน่วยงานนี้อย่างจริงจัง ทั้งเล่าตั้งแต่เริ่มตั้งไข่ ผ่านอุปสรรคนานา และน่าจะเล่าไปถึงวันที่เติบโตเป็นกำลังหลักให้กับกรมตำรวจเกาหลี
อาจจะมีผู้คนจำนวนไม่มากที่พูดถึงซีรีส์เรื่องนี้ แต่ก็พอจะได้ยินคนพูดถึงอยู่บ้าง ในวันที่ยังไม่แน่ใจว่าจะหาซีรีส์เรื่องใดที่ถูกใจพบ ในที่สุดก็ควานหาจนเจอเรื่องนี้ ผลงานที่ดัดแปลงมาจาก nonfiction novel ฝีมือของ Kwon Il Yong/ควอนอิลยง และ Go Na Moo/โกนามู ผ่านฝีมือการกำกับของ Park Bo Ram/พัคโบรัม นำเรื่องราวของหน่วยงานที่ตำรวจด้วยกันเองยังมองข้าม
มาสู่การรับรู้ของผู้ชมชาวไทยในแอป Viu!
เรื่องย่อซีรีส์ Through the Darkness
สายสืบสุดเก่งอย่าง ซงฮายอง (Kim Nam Gil/คิมนัมกิล จากซีรีส์ ‘The Fiery Priest’, ‘The Great Queen Seondeok’ และหนัง ‘Portrait of a Beauty’ ) มีปัญหากับเจ้านายอยู่บ่อยครั้งจนย้ายพื้นที่บ่อย มาอยู่ที่ใหม่ก็ไม่ต่างจากเดิม เขาพบเจอพฤติกรรมอันย่ำแย่ของหัวหน้า ทว่าก็ไม่อาจทำอะไรได้ เมื่อเกิดเหตุฆาตกรหมวกแดงที่ออกฆ่าคนอย่างอุกอาจ หัวหน้าใช้กำลังบังคับให้ผู้ต้องสงสัยรับสารภาพทั้งที่ไม่ได้ทำผิด เขาจึงเลือกจะสืบหาความจริงด้วยตนเอง จนในที่สุด ความจริงก็ปรากฏ ฆาตกรตัวจริงถูกจับ
แต่เขากำลังจะเดินออกไปพบกับความไม่แน่นอนครั้งใหม่
กุกยองซู หรือหัวหน้ากุก (Jin Sun Kyu/จินซอนกยู จากซีรีส์ ‘Kingdom’ และหนัง ‘Space Sweepers’ และ ‘Extreme Job’) กำลังพยายามก่อตั้งทีมใหม่ ‘ทีมวิเคราะห์พฤติกรรม’ ภายใต้แผนกสืบสวน เป็นทีมที่เก็บรวบรวมสถิติของอาชญากรเพื่อใช้เป็นข้อมูลในการป้องกันอาชญากรรมที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเขามองเห็นแววความเป็นนักวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรในตัวของฮายองอย่างเต็มเปี่ยม จึงเอ่ยปากชวนมาอยู่ด้วย แม้ช่วงเริ่มต้นตั้งทีมจะขลุกขลักอยู่มากก็ตาม
ซงฮายองกลายเป็นโปรไฟเลอร์ด้านอาชญากรรมผู้ที่ต้องอ่านให้ทะลุไปถึงจิตใจของเหล่าอาชญากร เขาต้องเข้าไปพูดคุยกับคนพวกนี้ถึงในคุก ทั้งต้องออกมาเป็นเรี่ยวแรงสำคัญในการช่วยเหลือทีมสืบสวนอาชญากรรมที่หนึ่งทีมในนั้นมีหนัวหน้าเป็นหญิง ยุนแทกู หรือหัวหน้ายุน (Kim So Jin/คิมโซจิน จากซีรีส์ ‘Marriage Contract’ และหนัง ‘Emergency Declaration’)
นอกจากนี้ ทีมของหัวหน้ากุกก็ยังได้เด็กหนุ่มไฟแรงอีกคนมาร่วมงาน เขาคือจองอูจู (Ryeo Un จากซีรีส์ ’18 Again’ และ ‘Doctor Prisoner’) นักวิเคราะห์สถิติที่เดิมก็สมัครมาร่วมทีมเพราะคิดว่ามันเท่
ทีมเล็กๆ ทีมนี้ต้องทำงานภายใต้ความกดดันจากหลากหลายด้าน มาเอาใจช่วยให้เพื่อนร่วมงานและผู้คนทั่วไปมองเห็นความสำคัญของพวกเขาไปด้วยกันเถอะ!
รีวิวซีรีส์ Through the Darkness
จะเรียกว่าเป็นซีรีส์ตำรวจก็สามารถเรียกได้ จะเรียกว่าเป็นซีรีส์นักสืบก็น่าจะเรียกได้อีกเช่นกัน มันหนึ่งในแนวที่เกาหลีนิยมทำกันออกมาให้เราชม แต่แค่ครั้งนี้ เลือกจะโฟกัสไปที่ทีมวิเคราะห์พฤติกรรมที่เพิ่งถูกจัดตั้งขึ้นมาใหม่ เรื่องราวจึงเล่าถึงอดีต นอกจากอดีตของทีมนี้แล้ว ซีรีส์ก็เริ่มต้นเรื่องด้วยอดีตของตัวเอกอย่างฮายองผู้กลายมาเป็นโปรไฟลเลอร์คนแรกของแวดวงตำรวจ ให้เราได้มองเห็นว่า คนๆ นี้มีชีวิตวันเด็กเป็นอย่างไร ก่อนจะกลายมาเป็นนักวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรในปัจจุบัน
มุ่งเน้นงานตำรวจด้านวิเคราะห์จิตใจอาชญากร
คงไม่มีตำรวจคนไหนที่จู่ๆ อยากจะลดตำแหน่งของตนเองลงไปหรอกถ้าไม่มีอุดมการณ์อันแรงกล้า แต่หัวหน้ากุกเป็นคนแบบนั้น เขาคงมองเห็นว่า งานสืบสวนคดีของตำรวจยังมีช่องโหว่บางอย่างที่ทำให้ติดขัดไม่สามารถค้นหาตัวฆาตกรที่แท้จริงได้ [บางครั้งได้ตัวก็เป็นแค่แพะ จับซ้อมให้ยอมรับสารภาพอะไรแบบนั้น] ทั้งยังอาจมองว่า ฆาตกรบางคนก็ไม่ได้มีแรงจูงใจในการฆ่าที่เห็นเด่นชัด ยิ่งตำรวจมีฐานข้อมูล มีความเข้าใจในจิตใจของคนพวกนี้มากเท่าไหร่ โอกาสจะสืบพบตัวก็ง่ายและรวดเร็วขึ้น เขาจึงคิดว่า ตำรวจควรมีทีมวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากร
เขามองเห็นความสามารถและความเหมาะสมในตัวซงฮายอง สายสืบที่มีปัญหากับผู้บังคับบัญชาไปทั่ว ก็จะไม่ให้เป็นเช่นนั้นได้ยังไง เจ้านายเล่นซ้อมผู้ต้องสงสัย บีบให้รับสารภาพแบบนั้น มันจะไปเจอฆาตกรตัวจริงได้ยังไง แถมยังทำให้แพะต้องติดคุกไปฟรีๆ ทั้งที่ไม่ได้ทำความผิดอีกต่างหาก
วิเคราะห์จากตัวสายสืบฮายองผู้นี้ เขามีคุณลักษณะหลายประการที่เหมาะสมและพึงมี ไม่ว่าจะเป็น การเป็นคนมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ มีใจเปิดกว้าง มีความรู้ วิเคราะห์อย่างมีเหตุผล แยกแยะความรู้สึกส่วนตัวออกไปได้ และคุณสมบัติที่สำคัญ ก็คือ ความอ่อนไหวทางอารมณ์ เมื่อเขามี เขาจะเข้าใจผู้อื่น และด้วยคุณสมบัติเช่นนี้ เขาจะมองเห็นและเข้าใจสิ่งที่อาชญากรคิดได้
มันจึงทำให้ในสายของหัวหน้ากุก ไม่มีใครเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ไปกว่าเขาอีกแล้ว
การทำงานในโลกที่ชายเป็นใหญ่
คราวนี้ เรามาพูดถึงหัวหน้ายุน ยุนแทกู ที่แสดงโดย Kim So Jin/คิมโซจิน กันบ้าง เธอดูจะเป็นผู้หญิงห้าวๆ ที่จริงจังกับการทำหน้าที่ตำรวจจนไม่มีเวลาไปสนใจหน้าผม จึงมักปล่อยผมกระเซิงมาทำงานจนคนดูต้องทักกันเอง
ที่สำคัญก็คือ เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ก้าวขึ้นมาเป็นหัวหน้าท่ามกลางลูกน้องและเจ้านายที่เป็นผู้ชาย ซึ่งในซีรีส์ก็บอกเล่าสาเหตุเอาไว้ การเป็นผู้หญิงในสังคมชายเป็นใหญ่ สร้างความลำบากใจ ความเครียดและกดดันให้กับเธออยู่ไม่น้อย จากบท ก็พอจะมองเห็นได้ว่าเธอค่อนข้างไม่ชอบใจในผู้ร่วมงานที่เป็นผู้ชาย เธอคุยกับพวกเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยชอบใจนัก แตกต่างมากมายยามเธอพูดคุยกับตำรวจหญิง
ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมากหน่อย ก็คงจะเป็นหัวหน้าคิม หรือคิมบงชิก (Seo Dong Gab/ซอดงแกบ) ตำรวจหนุ่มที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นเป็นหัวหน้าทีหลังทั้งยังมีตำแหน่งเหนือกว่า ชายผู้เอาแต่แซะเธอ แถมวันๆ ยังไม่ค่อยจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันนั่นแหละ
แต่กับซงฮายอง ดูเหมือนเธอจะค่อนข้างรู้สึกแตกต่างออกไป ด้วยพฤติกรรมของเขานั้น ดูให้เกียรติเธอ เขาเคยมีบุญคุณ ทั้งเคยออกโรงปกป้องเธออยู่หลายครั้ง ไม่เคยพูดจาดูถูกเธอที่เป็นผู้หญิง เป็นตัวแทนของผู้ชายที่พึงมีในการปฏิบัติตัวต่อผู้หญิง
หยิบหลายคดีสะเทือนใจมาให้ช่วยไข ในระหว่างการเดินทางของทีม
ซีรีส์เรื่องนี้ นอกจากจะบอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาและการดิ้นรนเพื่อจะคงอยู่ของทีมวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากรแล้ว ก็ยังเลือกเล่าถึงคดีสะเทือนขวัญต่างๆ ไปพร้อมกันด้วย โดยเลือกคดีมาเล่าล้อกันไปกับพัฒนาการของทีมวิเคราะห์พฤติกรรม เช่นก่อนจะมีการจัดตั้ง ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการทำให้ผู้ชมรู้จักกับซงฮายองเสียก่อน แปะหัวคร่าวๆ ด้วยเหตุในวัยเด็ก แล้วก็ต่อมาที่เรื่องราวตอนโตของตำรวจสายสืบผู้มีทักษะการวิเคราะห์ขั้นเทพ แต่ได้ไปอยู่กับหัวหน้าแต่ละคนที่แสนห่วย ภารกิจสุดท้ายก่อนถูกทาบทามบ่งบอกถึงความคิดความอ่านที่แตกต่าง เขาเลือกจะเดินเข้าไปคุยกับนักโทษแลกกับเงิน อันเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน ทั้งกลายเป็นวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คน
การจับผู้ร้ายตัวจริงได้สำเร็จกลายเป็นผลงานที่เตะตาหัวหน้ากุก ทั้งเป็นการเตะปากเจ้านายที่ดีแต่จับแพะไปวันๆ พร้อมทั้งยังเป็นการช่วยเพื่อนให้กลับออกมานอกคุกได้อีกครั้ง
หลังการต่อสู้มาอย่างยาวนานของหัวหน้ากุก ในที่สุด ก็ถึงเวลาของการจัดตั้งทีม แต่ก็เหมือนอธิบดีจะยอมไปงั้นๆ พวกเขามีกันแค่สามคน [รวมทั้งนักวิเคราะห์สถิติหนุ่มผู้มาใหม่] ได้ออฟฟิศอันร้อนอบอ้าว ทั้งยังต้องเผชิญกับความไม่ชอบใจของเหล่าเพื่อนตำรวจฝ่ายอาชญากรรมที่มองว่าพวกเขาเป็นส่วนเกินที่มาแย่งงาน มองไม่เห็นความสำคัญ ไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังทำอะไร แต่ละคดีโคตรยากจนแทบเอาตัวไม่รอด แต่ก็พยายามเต็มที่ ร่วมช่วยไขคดีจนลุล่วงบ้าง พบเจอความตีบตันจนใกล้จะถูกยุบทีมบ้าง
คดีต่างๆ ดูแล้วก็น่าจะอ้างอิงมาจากเรื่องจริงและใส่เรื่องราวเพิ่มเติมเข้าไป ชวนให้คนดูรู้สึกสงสัยอยากรู้คำตอบ และอยากเห็นว่า พวกเขาจะใช้วิธีการใดเพื่อหาคำตอบ
ซีรีส์ผ่านพาร์กแรกไปที่ 6 ตอน ก่อนจะปล่อยให้ผู้ชมเฝ้ารอพาร์ทที่สอง…ที่กำลังจะตามมา
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | Through the Darkness / Those Who Read Hearts of Evil / 악의 마음을 읽는 자들 |
ผู้กำกับ | Park Bo Ram/พัคโบรัม |
ผู้เขียนบท | Kwon Il Yong/ควอนอิลยง (nonfiction novel), Go Na Moo/โกนามู (nonfiction novel), Seol Yi Na/ซอลอีนา |
นักแสดง | Kim Nam Gil/คิมนัมกิล, Jin Sun Kyu/จินซอนกยู, Ryeo Un, Kim So Jin/คิมโซจิน |
แนว/ประเภท | Crime, Thriller |
จำนวนตอน | 1 ซีซัน: 12 ตอน |
ช่องทางรับชม | Viu |
เริ่มออกอากาศ | 14 มกราคม – 12 มีนาคม 2022 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | SBS |
Through the Darkness
บทและพล็อต - 8.5
การดำเนินเรื่อง - 8.2
การแสดง - 8.5
ดนตรีประกอบ - 7.7
งานถ่ายภาพและโปรดักชัน - 7.9
8.2
Through the Darkness
ซีรีส์เกาหลีที่เล่าเรื่องราวการถือกำเนิดขึ้นของทีมวิเคราะห์พฤติกรรมอาชญากร โดยมีตัวนำเป็นโปรไฟลเลอร์ผู้เข้าใจลึกซึ้งถือจิตใจฆาตกร ที่ได้ร่วมงานกับหัวหน้าฝ่ายสืบสวนอาชญากรรมสาวที่ต้องทำงานท่ามกลางระบบชายเป็นใหญ่ เรื่องราวเดินไปพร้อมกับการคลี่คลายคดีสะเทือนขวัญต่างๆ ที่จำเป็นต้องพึ่งพาการช่วยสืบของทีมนี้