จากนิยายขายดีของนักเขียนชาวโปแลนด์ที่ถูกนำมาสร้างเป็นซีรีส์ที่คนทั่วโลกติดตาม เรื่องราวของ เดอะวิทเชอร์ ชายหนุ่มร่างกำยำผู้แปลกแยกที่ดำรงตนเป็นนักปราบอสูรและปกป้องเจ้าหญิงไปในเวลาเดียวกัน หลายคนใคร่จะรู้ถึงเบื้องหลังที่มาที่ไปในจักรวาลแห่งนี้ จนวันหนึ่งก็ถึงเวลาที่เน็ตฟลิกซ์จะส่งลิมิเต็ดซีรีส์ที่เล่าเรื่องก่อนหน้านั้น ‘The Witcher: Blood Origin’ ชื่อไทย ‘เดอะวิทเชอร์ นักล่าจอมอสูร: ปฐมบทเลือด’
ครั้งนี้ที่เราจะได้รู้กันเสียทีว่า ก่อนที่เดอะวิทเชอร์นักล่าจอมอสูรสุดหล่อของเราจะถือกำเนิดขึ้นนั้น สิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาที่ประกอบขึ้นจากชนเผ่าต่างๆ นั้น มีความสัมพันธ์กันอย่างไร ก่อนที่เหล่าเอลฟ์จะสูญสิ้นไปจากมหาทวีป
และนี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพียง 4 ตอนเท่านั้น…
เรื่องย่อซีรีส์ ‘The Witcher: Blood Origin’
ย้อนกลับไปเล่าเรื่องราวของเมื่อ 1,200 ปีก่อน ในยุคทองของเหล่าเอลฟ์ ก่อนการมาถึงของพวกมนุษย์และอสุรกาย ในช่วงเวลาของสงครามพันปี การปกครองบ้านเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย เพื่อจะยุติสงครามจำต้องมีการเจรจา เจ้าหญิงเมอร์วิน (Mirren Mack) แห่งซินเทรียจึงถูกกำหนดให้แต่งงานกับเจ้าชายต่างเมือง แต่ก่อนที่จะไปถึงจุดนั้น กลับเกิดการรัฐประหารขึ้นเสียก่อน
บาลอร์ (Lenny Henry) ชายที่เป็นชนชั้นต่ำแต่ค้นหาวิธีการเดินทางข้ามไปสู่มิติอื่น เข้ายึดครองทั้งมหาทวีป โดยตั้งเมอร์วินเป็นองค์จักรพรรดินีเป็นหุ่นเชิด ความยากไร้แผ่ขยายไปทั่ว ก่อนที่จะเกิดพันธมิตรทั้งเจ็ดที่จะมุ่งหมายโค่นล้มจักรวรรดิที่ไร้ผู้ต้านแห่งนี้ให้จงได้
7 พันธมิตรเพื่อโค่นล้มจักรวรรดินั้นต่างคนต่างที่มา แต่ล้วนเป็นพวกนอกคอก บ้างก็เป็นพวกที่หลงเหลือเป็นคนสุดท้ายของชนเผ่า ไม่ว่าจะเป็น ฟยอล สโตนฮาร์ท (Laurence O’Fuarain) จากเผ่าสุนัข, เอล่า (Sophia Brown/โซเฟียบราวน์) เอลฟ์นักรบสาวจากชนเผ่าอีกา, สเกียน (มิเชลล์ โหย่ว) เอลฟ์นักดาบเผ่าภูตที่มุ่งหมายนำดาบศักดิ์สิทธิ์กลับคืน, บราเธอร์เดธ (Huw Novelli), ซาคาเร (Lizzie Annis) กับซินดริล (Zach Wyatt) สองจอมมนตรา และหญิงสาวใจเด็ดแห่งเผ่าคนเคราะอย่าง เมลดอฟ (Francesca Mills) ที่ไปไหนกับค้อนมีชื่อเรียก แต่พวกเขานี่แหละที่จะสร้างเรื่องยิ่งใหญ่ที่จะถูกจดจำไปตลอดกาล
รีวิวซีรีส์ ‘เดอะวิทเชอร์ นักล่าจอมอสูร: ปฐมบทเลือด’
ใครที่ติดตามซีรีส์ ‘The Witcher’ กันมา ก็คงไม่พ้นต้องตามมาดูลิมิเต็ดซีรีส์เรื่องนี้ ‘ปฐมบทเลือด’ ที่เล่าเรื่องราวก่อนหน้าที่โลกแห่งนั้นจะมีเกรอลต์แห่งเรเวีย เพียงภารกิจเดียวที่ทำให้โลกใบเดิมกลายเป็นโลกที่มีมนุษย์และอสูรในภาคหลัก
คนเขียนบทพยายามสร้างความเชื่อมโยงอย่างสุด ๆ แล้ว เมื่อเริ่มต้น เขาให้นักกวีแยสเคียร์ (Joey Batey) ที่ได้รับหน้าที่ให้เข้าไปเล่าขานตำนานเก่าที่ถูกลืมเลือน เรื่องเล่าของเจ็ดคนผุ้ผสานพลังเพื่อต่อต้านจักรวรรดิก่อนเปิดประตูแห่งพหุจักรวาล นำพาเหล่ามนุษย์และอสูรผ่านเข้ามาสู่โลกแห่งนั้น ขณะเดียวกันก็ก่อกำเนิดเดอะวิทเชอร์รุ่นแรก
ในช่วงที่เอลฟ์ที่เคยเป็นใหญ่กำลังระส่ำด้วยภัยสงคราม กษัตริย์จึงหวังจะยุติความรุนแรงที่ล่วงถึงพันปี ซินเทรียเมืองหลวงเป็นที่ตั้งของวังอันโอ่อ่า ถูกกำหนดให้ใช้การแต่งงานเพื่อเชื่อมสามแผ่นดิน แต่ทุกสิ่งกลับแปรเปลี่ยนเมื่อแท้จริงผู้ยึดครองคนใหม่กลายเป็นเจ้าหญิงเมอร์วินที่สถาปนาตัวเองกลายเป็นจักรพรรดินี ทว่าแท้จริงเบื้องหลังนั้น นางเป็นเพียงหุ่นเชิดของมาลอร์ ชนชั้นต่ำที่ล่วงรู้วิธีการใช้เสาโมโนลิธเพื่อดึงพลังจากมิติอื่น แม้รวมมหาทวีปเป็นหนึ่งได้แต่ผู้คนก็ต้องเผชิญกับความอดอยาก ท่ามกลางแผ่นดินอันแร้นแค้น ชะตากำหนดให้ผู้กอบกู้ถือกำเนิดขึ้น
นัยว่าซีรีส์ตั้งใจจะเล่าเรื่องของเจ็ดเหล่าผู้นอกคอกที่ใช้ความอึดอัดขุ่นเคืองในใจเป็นพลังผลักดันให้กลายเป็นคนสำคัญ พวกเขาเติมเรื่องขัดแย้งบางอย่างเข้าไป อย่างเช่นให้ฟยอล ลูกชายหัวหน้าเผ่าสุนัขคนสุดท้ายถูกขับไล่เพราะมีสัมพันธ์กับเมอร์วิน ต่อมาเผ่าสุนัขสูญสิ้น เหลือเพียงเขาคนสุดท้าย แต่เขาตัดสินใจจะกลับไปเพื่อสังหารจักรพรรดินี ขณะที่ระหว่างการรวมตัวกัน พวกเขาบางส่วนก็ต้องผ่านการขัดแย้งกันนิดหน่อย แต่มันก็ดูง่ายดายเกินคาดอยู่พอควร ทั้งนี้ เราก็พอเข้าใจ เพราะมันมีเวลาให้เล่าเพียง 4 ตอนเท่านั้น
สิ่งที่เล่าคือเหตุการณ์ที่ดูไม่แปลกอะไรนัก เป็นเรื่องของคนกลุ่มหนึ่งที่ลุกขึ้นมาร่วมมือกันโค่นล้มพวกทำรัฐประหารตั้งตนเป็นเผด็จการแห่งจักรวรรดิ ไอเดียแห่งมัลติเวิร์สที่ทำให้โลกเต็มไปด้วยมนุษย์และอสูร ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างรวบรัด กับโปรดักชันที่ค่อนข้างพอดีตัว เล่าเรื่องเข้าใจง่าย จนบางทีก็ดูง่ายดายเกินไป เท่าที่ดู ก็เหมือนผลตอบรับจากฝั่งผู้ชมค่อนข้างย่ำแย่ แม้จะยำกันออกมาได้สนุกพอใช้และก็ไม่ได้เลวร้ายหนักหนาอย่างที่เขาว่ากัน เพียงแต่มันคือเรื่องเล่าอันย่นย่อ ลิมิเต็ดซีรีส์ที่มีจำนวนเพียง 4 ตอน ก่อนเดอะวิทเชอร์คนแรกจะถือกำเนิด จึงขาดความลึกของตัวละคร
และยังไม่อาจเชื่อมต่อกับซีรีส์หลักได้แนบสนิทพอ..ก็เท่านั้น
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | The Witcher: Blood Origin / เดอะวิทเชอร์ นักล่าจอมอสูร: ปฐมบทเลือด |
ผู้สร้าง | Declan De Barra (จากซีรีส์เรื่อง ‘Iron Fist’) |
ผู้กำกับ | Vicky Jewson, Sarah O’Gorman |
ผู้เขียนบท | Declan De Barra, David French, Tasha Huo, Andrzej Sapkowski, Lauren Schmidt, Aaron Stewart-Ahn, Danusia Stok, Tania Lotia, Alex Meenehan, Kiersten Van Horne |
นักแสดง | Mirren Mack, Laurence O’Fuarain, Michelle Yeoh, Sophia Brown |
แนว/ประเภท | ผจญภัย, ดราม่า, แอคชัน, แฟนตาซี, ลึกลับ |
จำนวนตอน | 1 ซีซัน: 4 ตอน |
ช่องทางรับชม | Netflix |
เริ่มออกอากาศ | 25 ธันวาคม 2022 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Hivemind, Netflix, Platige Films |
เดอะวิทเชอร์ นักล่าจอมอสูร: ปฐมบทเลือด
พล็อตและบท - 6.2
การแสดง - 6.9
การดำเนินเรื่อง - 6.3
เพลงและดนตรีประกอบ - 6.2
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 6.7
6.5
The Witcher: Blood Origin
เป็นเรื่องเล่าของคนกลุ่มหนึ่งที่ลุกขึ้นมาโค่นล้มเผด็จการแห่งจักรวรรดิ กับไอเดียมัลติเวิร์สที่ถูกนำมาใช้อีกครั้ง เรื่องราวดำเนินไปอย่างรวบรัด กับโปรดักชันที่ค่อนข้างพอดีตัว เท่าที่ดู ก็เหมือนผลตอบรับจากฝั่งผู้ชมค่อนข้างย่ำแย่ แม้จะยำกันออกมาได้สนุกพอใช้และก็ไม่ได้เลวร้ายหนักหนาอย่างที่เขาว่ากัน เพียงแต่มันคือเรื่องเล่าอันย่นย่อ ลิมิเต็ดซีรีส์ที่มีจำนวนเพียง 4 ตอน ก่อนเดอะวิทเชอร์คนแรกจะถือกำเนิด จึงขาดความลึกของตัวละคร และยังไม่อาจเชื่อมต่อกับซีรีส์หลักได้แนบสนิทพอ..ก็เท่านั้น