รีวิวซีรีส์ The White Lotus 2 | ไปเที่ยวพักผ่อนที่ซิซีลี มีคนตายอีกแล้วนะ

ผ่านมาถึงซีซันสองแล้วสินะ ซีรีส์ที่พาให้ยอดจองที่พักแถวฮาวายพุ่งขึ้นทันตาเห็น ก็ถึงเวลาของซิซิลี เกาะทางตอนใต้ของอิตาลี จะเป็นโลเกชันการท่องเที่ยวให้กับผู้คนทั่วโลกกันบ้าง กับซีรีส์ ‘The White Lotus 2’ ที่โด่งดังมากขึ้นกว่าเดิม แถมยังไปคว้ารางวัลจากเวทีโน่นนี่นั่นอีกต่างหาก ซีซันนี้ดูจะกระฉับกระเฉงขึ้นมาหน่อย ตอนเพิ่มเป็น 7 ตอน และมีตัวละครเก่าอย่างทันย่ามาเป็นตัวร่วม

พบกันกับซีรีส์บัวสีขาว ‘The White Lotus 2’

ซีซันสองเริ่มต้นขึ้นมาด้วยภาพวาดฝาผนังที่บ่งบอกว่าหนนี้ เหตุจะเกิดขึ้นรีสอร์ตไวท์โลตัสสาขาอิตาลี ใช่แล้ว พวกเขาไปเที่ยวพักผ่อนกันที่ซิซิลี เกาะขนาดใหญ่ทางตอนใต้ของอิตาลี มองเห็นอาคารสวยสีครีมที่ต้องอยู่ผาสวย วิวมองเห็นภูเขาไฟเอ็ทน่า เปิดเรื่องมาก็พบศพโผล่ขึ้นมาบนทะเลชายหาดหน้ารีสอร์ตกันเลย ส่วนนักท่องเที่ยวที่มาเป็นลูกค้าของรีสอร์ตในซีซันนี้ก็ดูจะเพิ่มขนาดขึ้น เริ่มกันที่กลุ่มเพื่อนทั้งสี่กันก่อนเลยครับ

อีธาน (Will Sharpe จากซีรีส์ ‘Giri/Haji’) กับ ฮาร์เปอร์ (Aubrey Plaza จากหนัง ‘Megalopolis’) เป็นคู่สามีภรรยาที่เพิ่งจะเริ่มรวย ฮาร์เปอร์นิสัยดูท่าจะเรื่องมาก ขวางโลก และเอาใจยากอยู่ไม่น้อย

พวกเขามากับอีกคู่หนึ่ง คาเมรอน (Theo James จากหนังเรื่อง ‘Underworld: Blood Wars’) กับ แดฟนี่ (Meghann Fahy จากซีรีส์ ‘The Perfect Couple’) คู่รักคนรวยหน้าหล่อสวยที่แต่งงานกันมา 5 ปี คาเมรอนเป็นเพื่อนร่วมห้องของอีธาน ทั้งสองมีลูกด้วยกันแต่ไม่ได้เอามา เป็นคู่ที่รักกันดีแต่ดูก็รู้ว่าสร้างภาพ

ต่อมาเป็นครอบครัวอเมริกันเชื้อสายซิซิลี ที่นำโดย เบิร์ท (F. Murray Abraham) คนปู่ที่ชอบพูดวาจาคุกคามสาวๆ โดมินิค (Michael Imperioli) คนพ่อที่มีปัญหาคาใจกับคนที่บ้าน และอัลบี้ (Adam DiMarco) ลูกชายเด็กฝึกงานด้านวางผังเมือง

และแน่นอนว่า มีทันยาจอมดราม่ามาพักด้วย เธอมากับ เกร็ก (Jon Gries) สามีคนเดิมจากซีซันก่อน แล้วก็ยังพ่วงเอา พอร์เชีย (Haley Lu Richardson จากหนังเรื่อง ‘After Yang’) ผู้ช่วยมาพักร้อนด้วยเช่นกัน ซึ่งนั่นทำให้เกร็กไม่พอใจอย่างมาก

นอกจากนี้ ก็ยังมีสองสาวคนท้องถิ่นที่เข้ามาวุ่นวายในรีสอร์ตหรูด้วย ลูเซีย (Simona Tabasco จากหนังเรื่อง ‘Immaculate’) สาวขายตัวใช้หนี้ กับ มีอา (Beatrice Grannò) ที่ฝันอยากเป็นนักร้อง พวกเธอไม่ได้เป็นแขกแต่เข้ามาป้วนเปี้ยนหาคนนอนด้วยในรีสอร์ต ลูเซียที่ได้คู่นอนเป็นโดมินิค ส่วนมีอา ก็คบหากับนักเปียโนในร้าน

ใครเป็นใครกันบ้างใน ‘เดอะ ไวท์​​ โลตัส’ ซีซัน 2

หนนี้ ผู้จัดการรีสอร์ตเป็นฝ่ายหญิงบ้าง เธอคือ วาเลนติน่า (Sabrina Impacciatore) เธอคือตัวแทน LGBTQ+ ที่หลงรัก อิซาเบลล่า พนักงานต้อนรับสาวสวย และมักใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการตัดสินใจอยู่บ่อยๆ

ถ้ามองที่กลุ่มเพื่อน แคม-แดฟ และ อีธาน-ฮาร์เปอร์ ชายหญิง 2 คู่นี้ เป็นคู่รวยกับคู่เพิ่งรวยที่ฝ่ายชายเคยเป็นรูมเมทกันสมัยเรียน พวกเขาพักอยู่ห้องข้างกันที่มีประตูเชื่อมถึงกัน เป็นสองคู่แตกต่างที่ไม่บอกก็รู้ว่า สักวันต้องมีเหตุบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน ฮาร์เปอร์เป็นหญิงขวางโลก กับอีธานที่ดูเป็นคนนิ่งๆ ในใจก็คิดว่า เพราะเขาร่ำรวยขึ้นมาล่ะมั้ง เลยมีโอกาสได้มาพักที่นี่กับเขาบ้าง ขณะอีกคู่ก็ดูหวานซึ้งกันตลอดเวลาจนฮาร์เปอร์รู้สึกไม่เชื่อ

ทั้งสี่คนคือสองคู่รวยที่พยายามจะอวดความดีของตนเอง พยายามจะนำเสนอเรื่องราวด้านดีให้คนอื่นได้รับรู้ พูดง่ายๆ ว่า “สร้างภาพ” นั่นแหละ เบื้องหลังยังมีอะไรที่ปกปิดไม่ให้คนอื่นล่วงรู้ และกำลังจะถูกเปิดเผยในทริปนี้

ด้านคนบ้าอย่างทันย่า หลังพบรักกับเกร็กในซีซันก่อน ทั้งสองก็จดทะเบียนกันพร้อมมีสัญญากำกับ แต่การมาทริปพักผ่อนโดยติดเอาผู้ช่วยมาด้วยครั้งนี้ ส่งผลให้พอร์เชียต้องถูกกันออกห่าง ซึ่งนั่นก็ทำให้เธอได้ไปเจอกับหนุ่มซื่อนิสัยดีอย่าง อัลบี้ จากบ้านสามชาย

พูดถึงครอบครัว 3 หนุ่มนั่น คนปู่ชอบจะพูดจาและส่งสายตาแทะเล็มสาวๆ เป็นประจำ ส่วนคนพ่อก็กำลังวุ่นใจเมื่อเมียรักเริ่มระอา เพราะความไม่รู้จักพอเรื่องผู้หญิงนั่นเอง กลายเป็นปู่กับพ่อที่ทำตัวเป็นชายแท้ เหลือเพียงแค่อัลบี้ เป็นผู้ชายที่ดูดีสุดในครอบครัว ด้วยความจิตใจดี ทำให้พอร์เชียอดมีใจให้เขาไม่ได้

นอกนี้ก็ยังมีสองสาวคนท้องถิ่นที่ไม่ได้เป็นลูกค้ารีสอร์ต แต่แอบเข้ามาด้วยจุดประสงค์บางอย่าง ลูซี่หรือลูเซียที่ต้องการหาเงินจากการนอนกับแขก ส่วนมีอา เธออยากได้งานเล่นดนตรีมากเสียจนต้องเอาตัวเข้าแลก ซีซันนี้จึงเห็นว่ามีทั้งพนักงานที่ยากจนกว่าแขก และสาวท้องถิ่นที่แทรกซึมเดอะไวท์โลตัสราวกับเป็นปรสิต

คิดเห็นเช่นไรกับซีรีส์ส่งเสริมการท่องเที่ยวเรื่องนี้?

ซีซันนี้ยังคงย้อมภาพเป็นโทนสีเหลืองอีกเช่นเคย แม้จะรู้สึกมันจางลงไปหน่อยนึงแล้ว เปลี่ยนจากชายหาดเกาะมาวอิ​ของฮาวายใน ‘เดอะไวท์โลตัส ซีซันแรก’ มาเป็นชายหาดของเกาะซิซิลีของอิตาลี แต่หลายสิ่งก็ยังไม่เปลี่ยนและมันคงเป็นเอกลักษณ์ของซีรีส์ไปแล้ว นั่นคือ ทุกซีซันต้องมีคนตาย แล้วต้องถูกหยิบมาวางไว้ในซีนแรก ก่อนจะกลับไปย้อนเรื่องราวทั้งหมด ปล่อยให้คนดูเฝ้าตามหาว่า ใครคือศพนั้นกันแน่?

ตัวละครในรีสอร์ตยังไงก็ต้องมีลูกค้ารายต่างๆ ผู้จัดการรีสอร์ต พนักงานฝ่ายต่างๆ และคราวนี้ มีสองสาวคนนอกที่แอบเข้ามาด้วย มีทันยาเป็นตัวละครร่วมสองซีซัน และเมื่อตัวละครมากขึ้น เรื่องราวก็เลยมากขึ้น ซีซันนี้เลยมี 7 ตอน กับเรื่องราวที่ดำเนินไปจนคนดูล่วงรู้ว่าใครตาย

ด้วยความเป็นซีรีส์พาเที่ยวอันดับหนึ่งของโลกตอนนี้ นอกจากมันจะเล่าถึงปริศนาคนตายแล้ว มันยังพาเราไปเที่ยวหลายๆ ที่บนเกาะซิซิลีแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการไปเที่ยวชมการแสดงโอเปร่า แวะพักวังโนโต เยือนปาแลร์โม และทาร์ออมินา ไม่ต้องห่วง คนมีเงินที่ดูซีซันนี้จบ คงวางแผนเก็บกระเป๋าไปเที่ยวเกาะทางตอนใต้ของอิตาลีกันอย่างแน่นอน

ซีซันนี้ ทั้งเล่าถึงคนท้องถิ่นที่เป็นได้แค่คนนอก ดิ้นรนใช้ชีวิตอยู่ในนั้นอย่างคนถูกรังเกียจ ทั้งแอบไปเสียดสีเรื่องสังคมชายเป็นใหญ่เมื่อพวกลูกค้าไปเที่ยวโลเกชันถ่ายหนัง ‘The Godfather’ ทั้งเสียดสีคนรวยที่สร้างภาพสวยงามให้คนอื่นเห็นตลอดเวลา เล่าถึงความสัมพันธ์ภายในที่ทำงานระหว่างหญิงหญิง และก็ยังมีตัวละคร LGBTQ+ มากหน้าที่เข้ามาส่วนร่วมในหลายส่วนของเรื่อง (ซึ่งนี่อาจเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เขาเลือกเมืองไทยแดน #สมรสเท่าเทียม มาเป็นโลเกชันในซีซัน 3 ก็ได้)

นอกจากนี้ ซีรีส์ยังพูดถึงความซื่อสัตย์ ความไว้เนื้อใจและการสูญเสียมัน มันค่อนข้างพุ่งเป้าไปที่เพศชายที่มักถ่ายทอดความเป็นชายแท้ให้แก่กัน ดูๆ ไปแล้ว อารมณ์ของซีซันนี้ เหมือนจะกระฉับกระเฉงกว่าซีซันแรกนิดหน่อย แนวๆ ว่าพาคนดูมาเที่ยวตากอากาศ แต่ต้องมาเจอดราม่าและฆาตกรรมด้วยไรงิ

กว่าจะเดินไปถึงตอนจบ คาดเดากันไม่ได้ว่าคนไหนที่จะกลายเป็นศพ ส่วนตัวละครที่ขัดแย้งกันมาแต่แรกเริ่ม อาจกลายเป็นมิตรที่ดีต่อกันในตอนจบก็เป็นได้ แล้วก็ถึงเวลาต้องมูฟสู่ซีซันถัดไป….

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์ ซีซัน 2