รีวิวซีรีส์ The Perfect Couple กิ่งทองใบหยก | สืบหาใครฆ่าวิวาห์คนรวย

นี่คือซีรีส์เน็ตฟลิกซ์แนวสืบหาฆาตกรที่พานักแสดงคุ้นหน้ามารวมกัน ‘The Perfect Couple’ หรือชื่อไทย ‘กิ่งทองใบหยก’ เรื่องราวของครอบครัวเศรษฐีที่เตรียมจัดงานแต่งงานของลูกชายคนกลางบนเกาะ แต่ดันมาเกิดเหตุฆาตกรรมขึ้นซะก่อน ทำให้ทั้งตำรวจและนักสืบต้องลงมาสืบสวนหาความจริงเบื้องหลังนี้

ความเห็นส่วนตัวของนายแพท

อาจจะด้วยเนื้อหาที่ดูไม่มีอะไรใหม่ เล่าเรื่องของครอบครัวเศรษฐีที่ภาพลักษณ์ดีแต่เบื้องหลังเน่าเฟะ ในค่ำคืนหลังงานเลี้ยงก่อนถึงวันแต่งงาน ศพหนึ่งปรากฏขึ้น พางานวิวาห์ต้องล่มไปกลับกลายเป็นงานถูกสอบสวนจากตำรวจและนักสืบ ซีนเต้นบนชายหาดดูไม่เข้ากับมู้ดของทั้งเรื่อง เน้นช็อตโคลสอัปดวงตาอยู่นั่น เหมาะจะเป็นซีรีส์ที่เอาดูฆ่าเวลาช่วงวันหยุด

เป็นลิมิเต็ดซีรีส์ที่ยาวแค่ 6 ตอนเท่านั้น แต่เดินเรื่องไม่ได้น่าตื่นตาเอาเสียเลย วนไปมาอยู่นาน กว่าจะได้เรื่องได้ราวก็ต้องรอถึงตอนสุดท้าย มีดีตรงที่ได้เห็นดาราดังหลายคนร่วมเล่นนั่นแล

เรื่องย่อซีรีส์ ‘The Perfect Couple’

มันคือเรื่องราวของครอบครัวคนรวยบนเกาะแนนทัคเก็ต คู่รักที่อยู่กินด้วยกันมานาน 29 ปี เกรียร์ หรือแกริสัน วินเบอรี่ (Nicole Kidman จากหนังเรื่อง ‘Aquaman and the Lost Kingdom’) นักเขียนนิยายเลื่องชื่อ และ แท็ก วินเบอรี่ (Liev Schreiber จากหนังเรื่อง ‘Asteroid City’) มหาเศรษฐีที่ได้รับมรดกตกทอดมารุ่นสู่รุ่น แต่ยังไม่ทันจะถึงวันงานฉลองวิวาห์อันสุดแสนจะหรูหราฟู่ฟ่าให้กับเบนจี้ (Billy Howle) ลูกชายคนกลาง กับอะมีเลีย แช็คส์ (Eve Hewson) ว่าที่ลูกสะใภ้จากครอบครัวที่แตกต่าง ก็กลับเหตุการณ์เลวร้ายขึ้น

เมื่อศพหนึ่งลอยอยู่ในทะเลริมหาดเพียงชั่วไม่กี่ชั่วโมงของพิธีจะเริ่มต้นขึ้น สร้างความปั่นป่วนไปทั่วทั้งเกาะ เมื่อทั้งตำรวจท้องที่และนักสืบเข้ามาสอบสวนหาความจริงเบื้องหลังการตายครั้งนี้ คนทั้งครอบครัวล้วนกลายเป็นผู้ต้องสงสัยไปในทันที

รีวิวซีรีส์ ‘กิ่งทองใบหยก’

ซีรีส์เรื่องนี้ที่เราได้ชมใน Netflix มันถูกดัดแปลงสร้างมาจากหนังสือของ Elin Hilderbrand ที่มีความยาว 6 ตอน เพียงพอจะดูได้จบรวดเดียวภายใน 1 วัน เรื่องราวของมันออกมาในแนวอาชญากรรมและการค้นหาว่าใครคือคนฆ่า โดยโฟกัสไปที่ครอบครัวคนรวยที่มีภาพลักษณ์ที่ดี สามี-ภรรยา ที่ครองคู่อยู่กินกันมายาวนาน ไม่เคยมีข่าวอื้อฉาว

ทั้งคู่มีลูกชายสามคน คนโตคือ ทอม หรือโทมัส วินเบอรี่ (Jack Reynor จากหนังเรื่อง ‘Midsommar’) ที่แต่งงานกับแอ็บบี้ (Dakota Fanning จากหนังเรื่อง ‘The Watchers’) และตอนนี้เธอกำลังตั้งท้องอยู่ คนต่อมาคือ เบนจี้ ที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์สุดหรูกับอะมีเลีย แช็คส์ หญิงสาวที่ทำงานสวนสัตว์ ส่วนลูกชายคนสุดท้อง วิล วินเบอรี่ (Sam Nivola) กำลังเป็นหนุ่มวัยรุ่นที่กำลังคบหาอยู่กับ โคลอี้ คาร์เตอร์ (Mia Isaac) ลูกสาวของผู้กำกับแดน คาร์เตอร์ (Michael Beach) นั่นเอง

งานนี้เป็นพิธีวิวาห์ จะขาดครอบครัวเจ้าสาวไปไม่ได้ ทั้งบรูซและคาเร็น แม่ที่ป่วยหนักของอะมีเลีย เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับคู่รักบ่าวสาว ซึ่งเกรียร์ คุณนายวินเบอรี่ก็แสดงให้เราเห็นอย่างชัดแจ้งว่า เธอไม่ค่อยจะชอบใจในตัวว่าที่ลูกสะใภ้เท่าไหร่นัก ด้วยพื้นเพความคิดความเชื่อที่แตกต่าง แต่ว่า… ศพที่ลอยอืดอยู่ริมหาดนั่นทำลายงานแต่งที่สวยงามซะสิ้น

นอกเหนือจากผู้กำกับคาร์เตอร์จะเข้ามาดูแลการสืบสวนแล้ว ก็ยังจะมีนักสืบสาวเฮนรี่ (Donna Lynne Champlin จากซีรีส์ ‘The First Lady’) ที่เข้ามาเป็นคนแปลกหน้าสืบหาความจริงในพื้นที่คฤหาสน์หลังใหญ่ แล้วเรื่องราวเบื้องหลังความสวยงามของตระกูลวินเบอรี่แห่งนี้ก็ถูกเปิดโปงและเปิดเผย

และเมื่อเช้าขึ้นมาหลังค่ำคืนปาร์ตี้ก่อนงานวิวาห์ ศพของหญิงสาวนาม แมร์ริตต์ โมนาโก (Meghann Fahy) ถูกพบที่ชายหาด ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับงานแต่งนี้ถูกเรียกมาสอบสวนและไม่สามารถออกไปจากพื้นที่เกาะได้ ซึ่งก็รวมทั้ง อิสซาแบล นาลเล (Isabelle Adjani) ผู้หญิงฝรั่งเศสที่แท็กรู้จัก, โกโก (Irina Dubova) แม่บ้านจอมเหยียดความจน และ ชูตเตอร์ ดิวอล (Ishaan Khattar) หนุ่มแขกเพื่อนเจ้าบ่าวที่พยายามจะหลบหนีออกจากเกาะในทันทีก็ถูกรวบตัวไว้ได้

Taglines: A life to kill for.

บทซีรีส์เริ่มต้นด้วยการเปิดให้เรารู้จักกับแต่ละตัวละครคร่าวๆ จากนั้นก็บอกผลลัพธ์ที่ลงเอยด้วยความตายของคนๆ หนึ่ง จากนั้น ตอนต่อ ๆ มา ก็เริ่มจะย้อนไปเล่าเรื่องระหว่างทางที่ยังไม่ถูกบอกเล่า ปอกเปลือกไปเรื่อยๆ เพื่อให้คนดูได้เห็นถึงความลับที่ถูกซุกซ่อนอยู่ ประหนึ่งกับคนดูอย่างเราก็เป็นนักสืบคนหนึ่งที่ค่อยๆ ได้รับรู้เรื่องราวความสัมพันธ์เบื้องหลังทั้งหมด

ความร่ำรวยระดับมหาเศรษฐีของพวกเขาเป็นแค่เปลือกนอกที่ต้องการให้พวกเราเห็น เนื้อในนั้นเน่าเฟะ ไม่ต่างจากนิยายเรื่องอื่นๆ ที่เราเคยพานพบมา ซีรีส์เรื่องนี้ทำให้รู้สึกว่า มันคงเป็นแค่เรื่องของครอบครัวคนรวยที่น่ารำคาญ และหลังฉากของพวกเขามีแต่ความความจอมปลอม การโกหก สร้างภาพ และการคบหาและมีความสัมพันธ์กับคนอื่นไปเรื่อย

ตามคอนเซ็ปต์เลย แม้เราจะสัมผัสได้ว่ามีใครน่าสงสัยบ้าง เพราะยังไงมันวนเวียนอยู่แต่กับคนกลุ่มนั้น แต่นายแพทก็ยังรู้สึกว่า บทมันวนไปวนมา ทำให้การเดินเรื่องมันค่อนข้างไม่มีน่าตื่นตาหรือโลดโผน ก่อนที่จะมีอะไรให้เซอร์ไพรส์ในตอนที่หก ตอนสุดท้าย

สิ่งที่ชวนประหลาดใจนอกเหนือจากการใส่บทตำรวจที่ไม่ค่อยฉลาด ก็คือ การที่มันใส่ฉากเต้นบนชายหาดเข้ามา ที่ชวนให้นึกไปว่ากำลังจะได้ดู ‘Mama Mia’ ทั้งที่ตลอดเรื่องมันเป็นการสืบสวนหาสาเหตุการตาย มันเลยดูไม่เข้ากันสักกะนิด

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์