เรื่องราวแนวลึกลับผสมสยองขวัญก็เป็นอะไรที่ผมชอบดูเช่นกัน ยิ่งเป็นผลงานจาก Mike Flanagan ผู้กำกับซีรีส์อย่าง ‘ฮิลล์เฮาส์ บ้านกระตุกวิญญาณ’, ‘บลายเมเนอร์ บ้านกระตุกวิญญาณ’ และ ‘มิดไนท์ แมส‘ ก็ยิ่งรู้สึกว่าน่าดู แล้ววันนี้ที่ซีรีส์เข้าฉายในเน็ตฟลิกซ์ ก็ได้เวลาที่นายแพทจะต้องมาเขียนถึง ‘The Midnight Club ชมรมสยองขวัญเที่ยงคืน’
ซีรีส์ความยาว 10 ตอนที่นำมาจากผลงานการเขียนของ Christopher Pike เรื่องราวของหนุ่มสาวในบ้านหลังหนึ่งที่รับเฉพาะหนุ่มสาวที่ป่วยระยะสุดท้าย การแพทย์ใดๆ ก็ไม่อาจให้การรักษาจนหายขาดได้ และความตายก็ใกล้เข้ามาเยือนทุกขณะ เพื่อให้พวกเขาได้เลือกหนทางในช่วงเวลาสุดท้ายของตนเอง ที่นี่เป็นหนึ่งทางเลือกสำหรับพวกเขา
และซีรีส์จะเล่าถึงชมรมสยองขวัญเที่ยงคืนที่ตั้งขึ้นอย่างลับๆ ในบ้านหลังนี้
เรื่องย่อซีรีส์ ‘The Midnight Club’
ทุกอย่างมันเริ่มต้นขึ้นเมื่อ อีลองก้า (Iman Benson จากซีรีส์เรื่อง ‘Alexa & Katie’ และ ‘#BlackAF’) เด็กสาวหัวไวใจดี ผู้ชื่นชอบการเล่าเรื่อง ที่อาศัยอยู่พ่อบุญธรรมอย่าง ทิม (Matt Biedel) เธอกำลังจะเปลี่ยนผ่านจากวัยไฮสกูลไปสู่วัยมหา’ลัย แต่ก็กลับพบว่าตนเองเป็นโรคร้าย มะเร็งต่อมไธรอยด์ชนิดพาพิลลารี่ระยะสุดท้าย หลังเข้ารับการรักษาแล้วก็พบว่าไม่ช่วยอะไร ได้แต่ต้องมองเพื่อนรักเดินเข้ามหา’ลัย ส่วนตัวเธอพบเจอหนทางใหม่คือการเตรียมตัวสู่ความตายที่คืบคลานเข้ามา
เธอค้นเจอข้อมูลบ้านไบรท์คลิฟฟ์ (Brightcliffe Hospice) บ้านพักพิงที่ดูแลคุณโดยคุณหมอจอร์จีนา สแตนตัน (Heather Langenkamp) ที่นี่มีคอนเซ็ปต์พิเศษรับเฉพาะหนุ่มสาวที่เป็นโรคร้ายรอวันตาย
เมื่ออีลองก้าได้เข้ามาอยู่ที่นี่ เธอก็ได้รู้จักกับชมรมเล่าเรื่องสยองขวัญหลังเที่ยงคืนที่แต่ละคนก็จะหยิบเรื่องเล่าในแบบตนเองมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ก่อนที่เธอจะเริ่มเบาะแสที่ชวนสงสัยเกี่ยวกับสัญลักษณ์พิเศษที่นำพาให้อีลองก้าได้พบเจอกับเรื่องราวครั้งในอดีต แถมยังได้พบเจอคนผู้น่าสงสัยอย่างชาสต้า (Samantha Sloyan จากซีรีส์เรื่อง ‘มิดไนท์ แมส’) ที่พักอยู่ไม่ไกลจากบ้านไบรท์คลิฟฟ์
รีวิวซีรีส์ ‘ชมรมสยองขวัญเที่ยงคืน’
บ้านไบรท์คลิฟฟ์เป็นเหมือนบ้านที่เปิดเอาไว้เพื่อดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ให้พวกเขาได้ใช้ชีวิตก่อนความตายมาเยือนในแบบที่พวกเขาเลือกเอง เพราะโลกนี้อาจจะใจร้ายก็พวกเขาไปบ้างไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ที่นี่อาจมองความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอาชนะ แต่พวกเขาและเธอจะต้องใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าที่สุดก่อนจะจากไป
ชมรมนี้มีเรื่องเล่า แต่เราชอบโหมดนักสืบมากกว่า
ซีรีส์เล่าถึงชมรมเล่าเรื่องสยองขวัญหลังเที่ยงคืนที่อีลองก้าบังเอิญติดตามรูมเมทหัวร้อนปากจัดอย่าง อันยา (Ruth Codd) และเธอก็กลายเป็นน้องใหม่ของชมรมที่ต้องร่วมเล่าเรื่องราวที่แต่งขึ้นเอง ซึ่งก็อาจจะมีเค้าโครงจากเรื่องจริงแต่แต่งเติมสีสันเข้าไป จนกลายเป็นเรื่องเล่าที่แปลกใหม่ที่ชวนให้คนอยากติดตามฟังไปจนจบ
แรกๆ นั้น นายแพทก็ยังไม่ค่อยจะเก็ตนักว่าเรื่องราวที่พวกเขาหยิบมาเล่านั้นมันจะสะท้อนอะไร จึงไม่ค่อยอินกับซีรีส์มากมายนัก เรื่องราวในนั้นก็ดูไม่ค่อยจะสยองขวัญอย่างชื่อชมรม ขณะที่ใจมันกลับชอบโหมดลึกลับที่อีลองก้าพบเจอเบาะแสน่าสงสัยและค่อยๆ สืบหาคำตอบเสียมากกว่า จนมาตอนหลังๆ นี่แหละที่รู้สึกจะอินและเข้าใจในเรื่องเล่าของพวกเขามากขึ้น อาจเพราะเข้าใจตัวละครมากขึ้นนั่นเอง
ขณะที่ช็อต Jump Scare ที่แทรกใส่เข้ามาพร้อมกับเสียงดนตรีประกอบสุดตึงตังก็กลับไม่ทำงานกับเราเท่าที่ควร เหมือนจะใส่มาประชดที่โดนบีบให้ใส่ล่ะมั้ง
ผสมผสานเรื่องพิธีกรรมโบราณ
ซีรีส์เรื่องนี้ค่อนข้างมีหลายความพยายาม หนึ่งคือ พยายามนำเสนอไอเดียการเล่าเรื่องผีที่ไม่ค่อยผีเท่าไหร่ บางเรื่องออกไปทางไซไฟด้วยซ้ำ สองคือความพยายามที่จะใสช็อตตุ้งแช่ที่ไม่ได้น่ากลัวอะไรเลยเข้ามา กับบทเฉลยที่ออกจะเหวอๆ หน่อย
นอกจากจะเล่าเรื่องของชมรมเล่าเรื่องหลังเที่ยงคืนแล้ว อีกพาร์ทหนึ่งก็เป็นส่วนของการไล่ตามเบาะแสที่สมาชิกคนหนึ่งทิ้งเอาไว้ มันพาให้อีลองก้าได้พบกับพิธีกรรมและความเชื่ออันเก่าแก่ ทั้งยังเกี่ยวข้องกับชมรมของพวกเขาอย่างแนบแน่น แถมยังดูน่าสนใจมากเสียยิ่งกว่า อีกอย่างหนึ่งคือ เบาะแสที่พบมันจะไปเจอว่าเคยมีคนทำพิธีกันที่นี่แล้วได้ผล มีคนที่จู่ๆ อาการป่วยหายเป็นปลิดทิ้งแล้วก้าวออกจากบ้านหลังนี้ไป นั่นแหละ พิธีกรรมประหลาดพรรค์นั้นจึงกลายเป็นหนทางรอดให้เธอต้องดิ้นรน
ที่น่าเสียดายเพิ่มเติมคือ แต่ละเรื่องเล่าในชมรมดูจะใส่ใจเพียงเกาะเกี่ยวกับชีวิตจริงและบ่งบอกความรู้สึกภายในของพวกเขา ไม่ได้ถูกนำมาใช้เล่าเรื่องนอกเหนือจากนั้น จนราวกับเป็นสองเส้นเรื่องแทบไม่ได้เกี่ยวข้องกัน
ถ่ายทอดมุมมองเกี่ยวกับกับความตาย
จะว่าไปแล้ว ซีรีส์ของฟลานาแกนแต่ละเรื่อง ก็มักจะเอ่ยถึงแง่มุมของการจากลาไว้อย่างอ่อนโยน เรื่องนี้ก็เช่นกัน บางตอนอาจชวนเศร้าจนน้ำตาไหล บางตอนอาจบอกเล่า ความพยายามในการยึดยื้อชีวิตและกั้นขวางความตายไม่ให้มาเยือนคนที่พวกเขารัก บางตอนเน้นหนักไปที่ความตายที่มาพร้อมโรคทางจิตใจกับบางคนที่เจอแต่สิ่งเลวร้ายจนไม่เหลือแม้แต่ความอยากจะอยู่ บางตอนก็บอกเล่าถึงความฝันที่ยังคงอยู่แม้สภาพร่างกายจะไม่เอื้ออีกแล้ว แถมความตายยังจะมาพรากชีวิตไปอีก บางตอนก็อาจพูดถึงเวลา สิ่งที่พวกเขาต้องสูญเสียไปหรืออาจได้มาอย่างแสนสั้นในวันที่ไฟฝันยังคงโชติช่วง
ในความจริงนั้น มันไม่ใช่ซีรีส์แนวผีๆ แต่มันเป็นซีรีส์แนวดราม่าที่พาเราไปทำความเข้าใจเรื่องการตายเสียมากกว่า แม้นักแสดงแต่ละคนจะดูว่าเล่นกันไว้ได้ดี แต่เหมือนบางตอน ผู้กำกับจะใช้วิธีการปล่อยให้นักแสดงได้ด้นสดแบบอิงบทออกมา ทำให้ใครที่ดูแบบพากย์ไทยยิ่งทำความเข้าใจสิ่งที่ตัวละครเอ่ยบอกได้ยากขึ้นไปอีก
จนอาจกลายเป็นซีรีส์ที่มีชื่อ ไมค์ ฟลานาแกน ที่น่าประทับใจน้อยที่สุดไปโดยปริยาย
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | The Midnight Club / ชมรมสยองขวัญเที่ยงคืน |
ผู้สร้าง | Mike Flanagan, Leah Fong |
นักแสดง | Igby Rigney, Annarah Cymone, Iman Benson, Ruth Codd, William Chris Sumpter, Adia, Aya Furukawa, Sauriyan Sapkota |
แนว/ประเภท | Drama, Horror, Mystery, Thriller |
จำนวนตอน | 1 ซีซัน: 10 ตอน |
ช่องทางรับชม | Netflix |
เริ่มออกอากาศ | 7 ตุลาคม 2022 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Intrepid Pictures, Téléfilm Canada, Netflix |
ชมรมสยองขวัญเที่ยงคืน
พล็อตและบท - 7.1
การแสดง - 6.8
การดำเนินเรื่อง - 6.8
เพลงและดนตรีประกอบ - 6.9
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 6.4
6.8
The Midnight Club
แม้จะตั้งชื่อว่าเป็นชมรมที่รวมตัวกันเล่าเรื่องสยองขวัญหลังเที่ยงคืน แต่ในความจริงนั้น มันไม่ใช่ซีรีส์แนวผีๆ เรื่องเล่าเหล่านั้นไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างใด ช็อตตุ้งแช่ก็มีมากล้นเป็นบางตอนและไม่ได้ทำให้สะดุ้งอย่างที่คิด แท้จริง มันเป็นซีรีส์แนวดราม่าที่พาเราไปทำความเข้าใจเรื่องความตายของหนุ่มสาวที่ป่วยด้วยโรคร้าย เรื่องเล่าของแต่ละคนสะท้อนชีวิตและความคิดของพวกเขา ขณะที่ตัวเอกของเราพยายามสืบเสาะหาความจริงเรื่องพิธีกรรมโบราณ แม้นักแสดงแต่ละคนจะดูว่าเล่นกันได้ดี แต่โดยรวมมันไม่น่าประทับใจเท่าที่ควรแฮะ