หลังรอคอยมาหลายเดือน ในที่สุด ก็ได้ฤกษ์พบกับซีรีส์ที่สปินออฟแยกย่อยออกมาจากจักรวาล Star Wars กันอีกที ซีรีส์ในภาคแรกที่เล่าเรื่องของนักล่าค่าหัวที่อยู่ในภาคีแมนดาโลเรียน ในซีซันที่แล้ว เขาได้รับภารกิจรับตัวเด็กน้อยไปส่งแต่เขากลับเลือกจะขัดขืนและดูแลเสียเอง สุดท้ายจึงมีคนจากจักรวรรดิเข้ามาแย่งตัว เรื่องราวใน ‘The Mandalorian Season 2’ จึงน่าจะเข้มข้นขึ้นไม่น้อย
ซีซันแรก ผู้คนได้รู้จักกับคาร์โกที่น่ารักน่าเอ็นดู Yoda Baby ที่อายุได้ 50 ขวบ ยังเป็นแค่เบบี๋อยู่เลย เดินเตาะแตะ มีความซุกซน แต่ก็มีพลังในการเคลื่อนย้ายวัตถุแล้วนะ ด้วยความสามารถเหล่านี้จึงอาจเป็นที่สนใจของจักรวรรดิ
ความตั้งใจในการดูแลเด็กของแมนโด้คนนี้อาจต้องพบเจอกับอุปสรรคมากมายหน่อยแหละ
เรื่องย่อซีรีส์ ‘The Mandalorian Season 2’
แมนโด้นักล่าค่าหัว (Pedro Pascal จากหนังเรื่อง ‘Wonder Woman 1984’) ผู้นี้ฝ่าฝืนกฏของสมาคม เขามุ่งมั่นจะเก็บโยดาตัวน้อยเอาไว้จน Greef Karga (Carl Weathers) ยอมใจอ่อน เขาถูกมอฟ กีเดียน (Giancarlo Esposito) ไล่ตามมาแย่งชิง แม้มอฟจะเพลี่ยงพล้ำและแมนโด้หนีรอดมาได้ แต่เมื่อมอฟยังไม่ตาย เขาคงไม่หยุดตามล่าแน่นอน
ไม่ใช่เพียงแค่โยดาตัวน้อยที่ถูกรุมแย่งจากจักรวรรดิ แม้แต่ยานเรเซอร์ เครส และชุดเกราะที่หลอมขึ้นจากโลหะเบสการ์ของเขาก็เป็นสิ่งที่มีค่าที่หลายคนตามหาเช่นกัน ศัตรูของแมนดาโลเรียนคนนี้จึงมีอยู่มากมาย ก้าวไปเหยียบย่างที่ใดก็เจอะเจอ
จากซีซันที่แล้วอีกเช่นกัน ที่เหล่าชาวแมนดาโลเรียนต้องพลีชีพไปจนไม่เหลือหลอ ตอนนี้ มองเห็นแค่เพียงเขาคนเดียว จึงจำเป็นต้องค้นหาแมนโด้คนที่ยังหลงเหลืออยู่ พร้อมทั้งดูแลโยดาตัวน้อย
ในที่สุด แมนโด้ผู้นี้ก็ได้พบอีกภารกิจหนึ่ง นั่นคือ การพาเจ้าตัวน้อยไปพบกับ ‘เจได’ เพื่อส่งต่อให้เขาได้ฝึกเพื่อเป็น ‘เจได’ ที่เก่งกาจรุ่นต่อไป
การเดินทางและการต่อสู้เพื่อให้ภารกิจต่างๆ สำเร็จยังคงดำเนินต่อ…
รีวิวซีรีส์ ‘เดอะแมนดาโลเรียน มนุษย์ดาวมฤตยู’ ซีซัน 2
เอาแค่ตอนแรกของซีซันที่สองก็น่าสนใจละ เพราะตามเบาะแสที่เขาได้มา ทำให้สุดท้าย เขาต้องกลับไปยังดาวทาทูอีนอีกครั้งเพื่อตามหาชาวแมนดาโลเรียนที่เหลืออยู่ แต่กลับได้เจอเพียง คอบบ์ แวนธ์ (Timothy Olyphant) และได้กลับมาเพียงชุดเกราะ แล้วเรื่องราวก็ค่อยๆ ไล่ทีละขั้นทีละตอน จากตามหาชาวแมนดาโลเรียน ขยายไปสู่การตามหาเจได
ตัวซีรีส์ดำเนินเรื่องอย่างสนุก เวลาส่วนใหญ่ให้กับฉากแอคชันผจญภัยของแมนโด้ที่พบเจอกับมนุษย์กลุ่มต่างๆ การที่แมนโด้จะได้อะไรมา ก็จะต้องช่วยเหลือเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน จนทำให้แมนโดต้องเจอกับอุปสรรคหลายอย่าง
ที่น่าสงสารสุดก็คงจะเป็นยานเรเซอร์ เครส ของเขานี่แหละ
ชาวแมนดาโลเรียนที่เหลือน้อยเต็มที ดาวบ้านเกิดของเขาแตกกระจาย และแมนดาโลเรียนที่เจอก็ดูเหมือนจะมีแนวคิดที่แตกต่างจากที่เขาเคยถูกสั่งสอนถ่ายทอดมา เป็นจุดเปลี่ยนทางความคิดที่แมนโด้ต้องก้าวข้ามผ่าน ไม่พอ ในซีซันนี้ เขาจะต้องได้พบกับจอมยุทธเจไดที่มีพลังและใช้ดาบเรืองแสงเป็นอาวุธ
เราได้พบกับอาโซกา ทาโน่ อีกครั้ง หลังเราได้พบเจไดผู้นี้ตามซีรีส์แอนิเมชันสตาร์วอร์ส ได้เห็นการต่อสู้ด้วยดาบไลท์เซเบอร์กันอีกครั้ง ทั้งยังได้เซอร์ไพรส์กับเจไดผู้รับดูแลเจ้าตัวน้อยจอมซนในบทลงเอยอีกด้วย
แต่ละตอนมีความยาวเพียง 35-40 นาที มันจึงสั้นกระชับ ดำเนินเรื่องด้วยการทำภารกิจช่วยเหลือต่างๆ แทรกด้วยการพูดคุยซึ่งก็ไม่มากนักแค่ช่วยทำให้เข้าใจเจตนาของแต่ละตัวละคร แถมยังมีมุกตลก มุกน่ารัก แทรกให้หัวเราะคิกคักได้เป็นระยะ
กลายเป็นซีรีส์ที่ชวนติดตาม น่าประทับใจ ได้เห็นความสัมพันธ์ของแมนโด้กับโยดาตัวน้อย (ที่ในซีรีส์ เราจะได้รู้ชื่อของเขาแล้วล่ะครับ) จนทำให้ตอนสุดท้ายของซีซัน ผมถึงกับน้ำตารื้นเลยทีเดียว
ชื่อซีรีส์: The Mandalorian Season 2 / เดอะแมนดาโลเรียน มนุษย์ดาวมฤตยู ซีซัน 2
Creator: Jon Favreau
เขียนบท: Jon Favreau, Dave Filoni, Rick Famuyiwa, Christopher Yost
กำกับ: Dave Filoni, Rick Famuyiwa, Bryce Dallas Howard, Taika Waititi, Carl Weathers, Robert Rodriguez, Peyton Reed
นักแสดง: Pedro Pascal, Giancarlo Esposito, Misty Rosas, Timothy Olyphant, Amy Sedaris, Gina Carano
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Space Western
สตูดิโอ/ผู้สร้าง: Lucasfilm, Fairview Entertainment, Golem Creations, Disney Media Distribution
จำนวนซีซัน: 2
ซีซัน 1: 8 ตอน (เริ่มสตรีม Nov 12, 2019)
ซีซัน 2: 8 ตอน (เริ่มสตรีม Oct 30, 2020)
ช่องทางการรับชม: Disney+
เดอะแมนดาโลเรียน มนุษย์ดาวมฤตยู ซีซัน 2
บทและพล็อต - 8
การแสดง - 7.7
เพลงและดนตรีประกอบ - 8.5
การดำเนินเรื่อง - 8.7
การถ่ายภาพ - 7.8
8.1
The Mandalorian Season 2
ซีรีส์ทางดิสนีย์พลัสของจักรวาลสตาร์วอร์สที่แยกย่อยมาเล่าเฉพาะแมนโด้ แต่ซีซันสองนี่เริ่มขยายไปเล่าถึงเจได ดาบไลท์เซเบอร์ นิวรีพับลิก และจักรวรรดิใหม่ ภารกิจของแมนโด้มีมาในทุกตอน เขาต้องเจออุปสรรคต่างๆ มากมายกว่ามันจะลุล่วงได้ มีช็อตเซอร์ไพรส์ มีช็อตน่ารัก เปิดเผยชื่อจริงๆ โยดาน้อยที่ยังคงมีนิสัยแบบเด็กๆ ทำให้กลายเป็นซีซันสองที่ดูสนุกมาก จนอยากจะดูซีซันสามต่อเลย