
ปล่อยเอาไว้ตั้งหลายปี กว่าจะได้มาอัปเดตจักรวาลซูเปอรืฮีโร่แบรนด์มาร์เวลอีกครั้ง เรื่องราวหลังคนครึ่งโลกหายไปเพราะทานอสดีดนิ้ว แต่แล้ว 5 ปีผ่านไป ผู้คนที่หายกลับมามีชีวิต แต่นั่นก็กลายเป็นจุดสิ้นสุดของภาคีซูเปอร์ฮีโร่ด้วยเช่นกัน จากนั้นเกิดอะไรขึ้นอีก ก็แทบจะไม่ได้ตามต่อแล้ว บัดนี้ ถึงเวลาหวนคืนสู่ MCU ซะที กับซีรีส์เรื่องนี้ ‘The Falcon and the Winter Soldier’
คิดเห็นเช่นไรกับซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่เรื่องนี้?
ก่อนจะได้ดูหนังมาร์เวลเรื่องล่า ‘Captain America: Brave New World’ ซีรีส์เรื่องนี้คือคอนเทนต์สำคัญที่ต้องพบพานเสียก่อนจึงจะเข้าใจหนังได้มากที่สุด เพราะรวมทุกตัวละครสำคัญในหนังเอาไว้ด้วยกัน เล่าถึงการเดินทางในฐานะซูเปอร์ฮีโร่ที่ยังเหลืออยู่หลังคนหายไปครึ่งโลก แซม วิลสัน ในฐานะฟัลคอน และ บัคกี้ บาร์นส์ ในฐานะ วินเทอร์โซลเยอร์ ที่ต้องเผชิญกับความยุ่งเหยิง และการต้องตัดสินใจว่าจะรับหน้าที่เป็น “กัปตันอเมริกาผิวดำคนแรก” ดีหรือไม่นั่นเอง
ด้วยสไตล์การเล่าแบบหนังคู่หูสายลับ ผสมผสานเนื้อหาเชิงการเมืองให้อยู่ในซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่ได้อย่างกลมกลืน
เรื่องย่อซีรีส์ ‘The Falcon and the Winter Soldier’
โลกหลังดีดนิ้ว ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ยังคงวุ่นวายเหมือนเดิม มีแต่เหล่าพันธมิตรนั่นแหละที่ล่มสลายไป ขณะที่ แซม วิลสัน (Anthony Mackie จากหนังเรื่อง ‘Captain America: The Winter Soldier’) เขากลับมาเป็นฟัลคอนอีกครั้ง แต่ยังไม่ยินดีจะรับช่วงต่อการเป็นกัปตันอเมริกาแม้ได้รับโล่มาจากสตีฟ โรเจอร์ส เขายังคงพยายามจะกอบกู้ครอบครัวที่กำลังลำบาก
ตอนนี้ โลกมีการจัดตั้งสภาการคืนถิ่นโลก หรือ GRC ขึ้นมา แต่ว่าก็มีคนบางกลุ่มที่เคลื่อนไหวเพื่อหวังเห็นโลกที่ดีกว่า
ขณะที่ บัคกี้ บาร์นส์ (Sebastian Stan จากหนังเรื่อง ‘Dumb Money’) วัย 106 ขวบที่คิดว่าตนล้างหนี้กรรมหมดแล้วแต่เขาก็ยังคงฝันร้ายอยู่ เขาเข้าคอร์สฟื้นฟูจิตใจมาจากวาคานด้า ทำให้รหัสใดๆ ก็ไม่มีผลต่อตัวเขาอีก ตอนนี้ วินเทอร์โซลเยอร์กลับมาร่วมประสานมือกับฟัลคอนอีกครั้ง เพื่อรับมือกับกลุ่มซูเปอร์โซลเยอร์ที่ใช้ชื่อว่า แฟลกสแมชเชอร์
รีวิวซีรีส์ ‘The Falcon and the Winter Soldier’
ในฐานะของซีรีส์ที่ออกสตรียมฉายทางดิสนีย์พลัสตั้งแต่ 2021 คงไม่ต้องกระมิดกระเมี้ยนอะไรมาก อยากจะเขียนเล่าเอาไว้เป็นบันทึกความทรงจำ เผื่อวันไหนลืมเลือนจักรวาลนี้อีก ก็จะได้กลับมาทบทวน งั้นมาเริ่มกันเลยแล้วกันนะ
มาจะกล่าวบทไป เริ่มที่บัคกี้สุดหล่อ พ่อไซบอร์กหัวร้อนตาขวาง เขาอาจจะสลัดการถูกควบคุมจากรหัสได้แล้ว แต่ก็ยังมีฝันร้ายตามหลอกหลอนอยู่ เขาเป็นเพื่อนกับ โยริ คุณลุงที่เสียศูนย์หลังลูกชายตายจากไป ก็เดาได้ไม่ยากว่ามันคงเป็นผลงานของเขานั่นเอง
ขณะที่ แซม วิลสัน เขากำลังขอกู้เงินเพื่อนำมาใช้ในกิจการของครอบครัว แต่เพราะการหายไป 5 ปีโดยไม่มีรายได้ ส่งผลให้กู้ไม่ผ่าน แซมรู้สึกผิดที่ไม่ได้ดูแลเรื่องของที่บ้าน จึงหวนกลับไปหาอยู่เป็นระยะ ซ่อมแซมเรือเก่าของพ่อ เริ่มต้นกิจการขายอาหารที่น่าจะทำให้พี่น้องของเขามีรายได้ ขณะที่ตัวเองก็ยังคงทำหน้าที่ซูเปอร์ฮีโร่อย่างไม่เปลี่ยนแปลง แต่เขายังไม่ยอมรับช่วงต่อความเป็นเจ้าของโล่และชื่อ “กัปตันอเมริกา” เขาคืนโล่ให้รัฐบาลและยังคงเป็น “ฟัลคอน” ซูเปอร์ฮีโร่ผู้มากับปีกและเร้ดวิง
อีกคนหนึ่งที่เราได้เห็น ฮัวคิน ทอร์เรส (Danny Ramirez จากหนัง ‘Top Gun: Maverick’) ทหารหนุ่มที่ทำงานคอยเป็นกำลังเสริมให้กับแซมตลอดมา (และเขาจะมีบทบาทต่อไปในอนาคตด้วยนะเออ)
ซีรีส์เรื่องนี้ ไม่ได้มีตัวร้ายที่แท้จริงนัก กลุ่มคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวร้ายในซีซันนี้ก็คือ พวกแฟลกสแมชเชอร์ คือกลุ่มซูเปอร์โชลเยอร์ที่ใส่หน้ากากและแรงโคตรเยอะ พวกเขามักก่อเหตุ ขโมยเงินและยา แถมยังกำลังค้นหาเซรุ่มเพิ่มพลัง คงต้องการเพิ่มแนวร่วมให้มากขึ้นประมาณนั้น กลุ่มนี้นำโดยหญิงสาวหน้ากระผมหยิกที่ชื่อ คาร์ลี มอร์เกนธาว (Erin Kellyman จากหนัง ‘The Gren Knight’) เธอทั้งขโมยยาและจัดหาที่พักพิงให้กับคนพลัดถิ่น
ด้านรัฐบาลก็เดินหน้าประกาศกัปดันอเมริกาคนใหม่ พวกเขาส่งมอบโล่ให้ จอห์น วอล์คเกอร์ (Wyatt Russell จากซีรีส์ ‘Monarch: Legacy of Monsters’) กัปตันทีมฟุตบอลมาสานต่อหน้าที่ซูเปอร์ฮีโร่ความหวังของคนทั้งประเทศ เขาต้องเดินสายโชว์ตัวและกล่าวสุนทรพจน์ไม่เว้นวัน คุณสมบัติที่เขามีคือใจสู้ เขาจะทำงานนี้ร่วมกับคู่หูแบทเทิลสตาร์อย่าง เลมาร์ (Clé Bennett) ซึ่งแน่นอนว่ามันยังความไม่พอใจให้กับทั้ง ฟัลคอน และ วินเทอร์โซลเยอร์ อย่างมาก
ตัวละครในซีรีส์ความยาว 6 ตอนเรื่องนี้ ถือว่าเยอะทีเดียว ขนาดเล่าไปหลายตัวแล้วแต่ก็ยังไม่หมด อะ งั้นมาว่ากันต่อ
อีกหนึ่งตัวละครในซีรีส์ ไอเซอาห์ แบรดลีย์ (Carl Lumbly จากซีรีส์ ‘Obliterated’) ชายผิวดำสูงวัยที่รู้จักกันบัคกี้ตั้งแต่ตอนสงครามเกาหลี เขาเคยเป็นฮีโร่ เป็นหนึ่งในคนที่ไฮดร้ากลัวที่สุดนอกเหนือจากสตีฟ เคยถูกรัฐบาลจับขังคุกอยู่นานถึง 30 ปี ถูกจับไปทำการทดลองจนเขากลายเป็นซูเปอร์โซลเยอร์ผิวดำ ทำให้เขารู้สึกเกลียดชังซูเปอร์ฮีโร่ผิวขาวอย่างมาก และไม่ค่อยเห็นด้วยถ้ากัปตันอเมริกาจะเป็นคนผิวดำ
อีกคนที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ เขาคือ บารอน ซีโม่ (Daniel Brühl จากหนังเรื่อง ‘7 Days in Entebbe’) คนที่เคยพบกับบัคกี้เพราะไฮดร้า และเคยโค่นล้มกษัตริย์วาคานด้า ในซีรีส์นี้ เขามีบทบาทมากมายเพราะฟัลคอนและวินเทอร์โซลเยอร์ต้องการพึ่งพา เลยต้องออกปฏิบัติภารกิจสามประสานอยู่บ่อยๆ
เมื่อรู้ว่ามีคนทำเซรุ่มซูเปอร์โซลเยอร์ขึ้นมาใหม่ บัคกี้จึงต้องการหาว่ามันเป็นใคร จึงสร้างสถานการณ์เพื่อให้ซีโม่แหกคุกออกมา แล้วทั้งสามก็ข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังมาดริพัวร์ (พื้นที่อิสระในเขตประเทศอินโดนีเซียที่จะมีแต่คนผู้กลับมาหลังเหตุดีดนิ้ว) เพื่อสอบถามเริ่องเซรุ่มซูเปอร์โซลเยอร์
แล้วก็มีตัวละครโผล่มาอีกหนึ่ง เธอคือ ชารอน คาร์เตอร์ (Emily VanCamp จากหนัง ‘Captain America: Civil War’) หญิงสาวที่ตกลงจะช่วยเหลือแก๊งสามหน่อ โดยขอแลกกับการล้างคดีเก่าให้หมดสิ้น และในที่สุด ทั้งหมดก็สืบสาวไปต้นตอคนผลิตเซรุ่ม เขาคือวิลเฟรด เนเกิล ที่ทำงานให้กับพาวเวอร์โบรกเกอร์
จะเห็นว่า ตัวละครในซีรีส์นี้มีหลายกลุ่มมาก ไม้พ้นมีชาววาคานด้าเข้ามาร่วมแจมด้วย ซึ่งมีส่วนร่วมหลายด้าน ทั้งช่วยฟื้นฟูบัคกี้ จับมือซีโม่ พัฒนายุทโธปกรณ์ให้กับแซม
โลกไม่เคยหยุดยิ่งเหยิงวุ่นวาย คนที่กลับมาใน 5 ปีให้หลังกลายเป็นปัญหาที่แก้ไม่ออก สุดท้าย คาร์ลีที่ถูกมองว่าเป็นผู้นำ เป็นคนที่ผู้คนศรัทธา แต่ตัวเธอเองมองว่าคนแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นคนดี ขอแค่มันเปลี่ยนให้โลกดีขึ้นได้ก็พอ และแม้ว่าแซมเห็นด้วยกับคาร์ลี แต่ก็ไม่เห็นดีเห็นงามกับวิธีการของเธอ ทุกคนล้วนมีความคิดเป็นของตนเอง แม้แต่ในกลุ่มตัวเอกด้วยกัน ก็ยังคิดไม่เหมือนกันเลย นั่นทำให้บทซีรีส์มีทางพลิกผันไปได้ตลอด
สิ่งที่แตกต่างระหว่างกัปตันอเมริกาคนใหม่กับ แซม วิลสัน ก็คือ วอล์คเกอร์เลือกจะฉีดเซรุ่มเพิ่มพลัง แถมเมื่อมีอำนาจก็เริ่มเหิมเกริม พลั้งมือฆ่าคนต่างชาติกลางที่ชุมชนจนกลายเป็นปัญหาใหญ่ จนทางการต้องริบคืนทุกอย่าง
แต่แซม วิลสัน เลือกจะฉกฉวยโล่กัปตันไปเจอหน้าเอไซอาห์ที่เล่าความหลังจนหมดเปลือก เอไซอาห์ยังบอกด้วยว่า หลังถูกหลอกให้ฉีดเซรุ่มแล้วส่งไปรบ จะถูกทิ้งบอมบ์เพื่อปกปิดหลักฐาน แต่เขากลายเป็นคนเดียวที่เหลือรอด จนต้องถูกจับไปทดลองเพื่อหาว่าทำไมเซรุ่มถึงได้ผลยาวนาน เล่าถึงชะตากรรมที่คนผิวดำได้พบเจอ ชาติที่แซมจงรักภักดี พวกเขาจะไม่มีวันยอมให้คนดำเป็นกัปตันอเมริกา และก็ไม่มีคนดำที่มีศักดิ์ศรีคนไหนที่ยินดีจะเป็น
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่เรื่องนี้ทำออกมาได้น่าประทับใจกว่าอีกหลายเรื่องก่อนหน้า มีแง่มุมที่จริงจังจนชวนคล้อยตาม เผยให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่าแซมกับบัคกี้ที่เปลี่ยนจากคู่กัดมาเป็นมิตรสหาย เล่าถึงคนที่ถูกมองว่าเป็นผู้ก่อการร้ายแต่ถูกกดขี่สารพัด และสุดท้าย เล่าถึงเหตุผลของการที่ แซม วิลสัน เลือกที่จะเป็น “กัปตันอเมริกาผิวดำคนแรก” โดยไม่ยอมฉีดเซรุ่มเข้าร่างกาย
คำพูดสุดท้ายของแซม วิลสัน กลายเป็นสุนทรพจน์ที่ดีที่สุด น่าฟัง และน่าคิดตามเป็นที่สุด คนผิวดำที่ไม่ถูกยอมรับและถูกกดขี่เรื่อยมาบนแผ่นดินอเมริกา แต่เลือกจะเข้ามารับหน้าที่กัปตันถือโล่ที่มีสีธงชาติอยู่บนนั้น
ปิดท้ายซีซันแรกด้วยคำถามที่ว่า “เราจะใช้อำนาจที่มียังไง?”
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | The Falcon and the Winter Soldier |
ผู้กำกับ | Kari Skogland |
ผู้เขียนบท | Michael Kastelein, Dalan Musson, Malcolm Spellman, Derek Kolstad, Josef Sawyer |
นักแสดง | Anthony Mackie, Sebastian Stan, Wyatt Russell, Erin Kellyman, Daniel Brühl, Danny Ramirez |
แนว/ประเภท | แอ็คชัน, ผจญภัย, ดราม่า, ไซไฟ |
จำนวนตอน | 1 ซีซัน: 6 ตอน |
ช่องทางรับชม | Disney+ Hotstar |
เริ่มออกอากาศ | 19 มีนาคม 2021 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Marvel Studios |
คะแนนรีวิวซีรีส์ The Falcon and the Winter Soldier
พล็อตและบท - 7.5
การแสดง - 7.5
การดำเนินเรื่อง - 7.5
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 7
เพลงและดนตรีประกอบ - 7
7.3
The Falcon and the Winter Soldier
ก่อนจะได้ดูหนังมาร์เวลเรื่องล่า 'Captain America: Brave New World' ซีรีส์เรื่องนี้คือคอนเทนต์สำคัญที่ต้องพบพานเสียก่อนจึงจะเข้าใจหนังได้มากที่สุด เพราะรวมทุกตัวละครสำคัญในหนังเอาไว้ด้วยกัน เล่าถึงการเดินทางในฐานะซูเปอร์ฮีโร่ที่ยังเหลืออยู่หลังคนหายไปครึ่งโลก แซม วิลสัน ในฐานะฟัลคอน และ บัคกี้ บาร์นส์ ในฐานะ วินเทอร์โซลเยอร์ ที่ต้องเผชิญกับความยุ่งเหยิง และการต้องตัดสินใจว่าจะรับหน้าที่เป็น "กัปตันอเมริกาผิวดำคนแรก" ดีหรือไม่นั่นเอง ด้วยสไตล์การเล่าแบบหนังคู่หูสายลับ ผสมผสานเนื้อหาเชิงการเมืองให้อยู่ในซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่ได้อย่างกลมกลืน