รีวิวซีรีส์ The 8 Show เกมโชว์เลือดแลกเงิน | เกมชนชั้น ยื้อเวลาล่ารางวัล

เหมือนช่วงนี้ แพทโซนิคจะซาๆ เรื่องซีรีส์เกาหลีลงไป ก็จริงแต่ไม่ใช่ครับ แค่อาจจะไม่รีบเขียนถึงเท่านั้นเอง แต่เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องรอ เพราะมันมาทีเดียว 8 ตอนรวด สามารถจะดูจบได้ภายใน 1-2 วัน แถมไอเดียในนั้นก็นับว่าน่าสนใจ น่านำมาเขียนถึง วันนี้จึงได้เวลาเขียนถึงซีรีส์เกาหลีกันสักที ‘The 8 Show’ หรือชื่อไทย ‘เกมโชว์เลือดแลกเงิน’ ครับผม

ชอนอูฮี ในซีรีส์เกาหลีเรื่อง ‘The 8 Show’ ทาง Netflix

ความเห็นส่วนตัวของนายแพท

ซีรีส์เกาหลีความยาว 8 ตอนที่ดัดแปลงมาจากเว็บตูน เรื่องเล่าในสไตล์เรียลลิตี้ของคนทั้งแปดที่ถูกชวนมาเล่นเกมประหลาดชิงเงินรางวัลที่อาจเปลี่ยนชีวิต ด้วยการจับทุกคนมาอยู่ในสถานที่ปิดที่ทุกคนจะต้องช่วยกันยื้อเวลาให้ยาวนานที่สุดเพื่อจะได้เงินรางวัลจำนวนมากที่สุด แต่ราคาของใช้จำเป็นและไม่จำเป็นที่พวกเขาจะซื้อหา จะมีราคาเป็น 10 เท่าของข้างนอก แถมยิ่งอยู่ โลกที่เหมือนจะบันเทิง ก็กลับยิ่งโหดร้ายขึ้นเรื่อยๆ จากเกมชิงเงินรางวัล ก็กลับกลายเป็นการเกมแห่งชนชั้นที่ต้องใช้เลือดแลกมา

จำลองชีวิตจริงแบบเสียดสีแสบสันต์ น่าติดตาม ไม่อยากจะหยุดดูเลยล่ะครับ


เรื่องย่อซีรีส์ ‘The 8 Show’

เรื่องราวของมันไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า ซีรีส์ที่เล่าเรื่องราวในแบบเรียลลิตี้ ด้วยกฎกติกาบางอย่าง โดยผู้จัดเกมมุ่งเน้นเลือกผู้เล่นที่กำลังเผชิญปัญหาชีวิตโดยเฉพาะด้านการเงิน พวกเขาทั้ง 8 คน ถูกเชื้อเชิญมาอย่างจงใจ สืบรู้โปรไฟล์ว่ากำลังจนตรอกถึงขั้นที่บางรายคิดฆ่าตัวตาย ผู้จัดจะส่งลิมูซีนสีขาวคันหรูไปรับถึงที่ แล้วนำพวกเขามาส่งที่โรงละครแห่งหนึ่งซึ่งปูพรมแดงไว้รอรับ

โรงละครถูกดัดแปลงให้กลายเป็นพื้นที่เล่นเกม เต็มไปด้วยกล้องวงจรปิด มีบันไดและประตูที่มีหมายเลขกำกับไว้ ผู้เล่นที่สุ่มเลือกเลขจะได้เป็นเจ้าของห้องตามชั้นที่เลือก พร้อมมีกติกาวางเอาไว้ให้ กฎของเกมนี้ เงินรางวัลของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตามระยะเวลาที่อยู่ในเกม

ตัวอย่างอย่างเป็นทางการของซีรีส์เกาหลี ‘The 8 Show’

แต่ในห้องจะไม่มีอะไรเลย หากพวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ในนั้นก็จำเป็นต้องซื้อหาข้าวของเครื่องใช้ ซึ่งราคาก็จะแพงเป็น 100 เท่าของข้างนอก และข้าวของเหล่านั้นจะไม่สามารถนำออกไปภายนอกได้ ถ้าผู้เล่นต้องการซื้อของภายนอกห้องก็ทำได้เช่นกัน โดยใช้เวลาซื้อมา เมื่อซื้อของ เวลาของทุกคนจะลดลงตามมูลค่าของ

ถ้าเวลาเหลือ 0 เมื่อไหร่ เกมจบ ถ้ามีผู้เล่นเสียชีวิตเมื่อไหร่ เกมจบ พวกเขาจึงต้องยื้อเวลาให้เกมยาวนานที่สุด เพื่อที่จะได้เงินรางวัลมากสุดตอนกลับออกไปสู่โลกภายนอกนั่นเอง


รีวิวซีรีส์ ‘เกมโชว์เลือดแลกเงิน’

อีกครั้งที่มีซีรีส์เกาหลีแนวเกมเรียลลิตี้มาฉายใน Netflix และอีกครั้ง ซีรีส์เรื่องนี้ดัดแปลงสร้างจากเว็บตูนที่ชื่อ ‘Money Game’ และ ‘Pi Game’ ผลงานของ Bae Jin Soo เดิมก็เลยตั้งชื่อซีรีส์ว่า ‘Money Game’ ก่อนที่จะเปลี่ยนชื่อนี้ และเดิมทีก็เลือกให้ ไอยู ได้รับบทนำ แต่ต่อมาก็เปลี่ยนตัวเป็น ชอนอูฮี แทน

8 คนในบ้านแห่งชนชั้น

แต่ละคนเข้ามาในบ้านหลังนี้จะเลือกหมายเลขเอาเอง โดยที่พวกเขาไม่รู้ว่า หมายเลข 1-8 หมายถึงห้องและชั้นที่พวกเขาต้องเข้าไปอยู่ คนที่เลือก 1 จะได้อยู่ชั้น 1 (ชั้นล่างสุด) ขณะที่คนเลือก 8 ก็จะได้อยู่ชั้น 8 (ชั้นบนสุด) ทุกคนเลือกจะไม่รู้ชื่อจริงของกันและกัน เพราะคิดว่าออกจากเกมนี้ไปก็คงแยกย้ายไม่ต้องมาเจอกันอีก เลยเรียกชื่อเป็นชั้นที่พวกเขาอยู่ ซึ่งก็จะพบว่า ทีมงานผู้จัดเกมเลือกผู้เล่นมาได้หลากหลายในเชิงอุปนิสัยใจคอดีนะครับ

เริ่มกันที่ชั้น 1 (Bae Sung Woo/แบซองอู จากหนังเรื่อง ‘Metamorphosis’) ชายหนุ่มพิการ ที่เป็นคนถ่อมตน ขี้ยอมคนและขี้เกรงใจ ไม่อยากเป็นภาระของคนอื่น แต่มีความเชี่ยวชาญด้านเล่นละครใบ้ ประสบความยากลำบากในชีวิตที่มากถึงขั้นสิ้นหวังพาเขามาอยู่ในเกมนี้

ชั้น 2 (Lee Joo Young/อีจูยอง จากหนังเรื่อง ‘Believer 2’) หญิงผมสั้นสีทองที่มีนิสัยห้าวๆ ขี้โมโห ค่อนข้างเลือดร้อน ขี้บ่น และออกกำลังอยู่บ่อยๆ จึงมีร่างกายที่แข็งแรง ต่อสู้เก่ง เธอเกลียดชังชั้น 6 อย่างแรงกล้า

มาถึงชั้น 3 (Ryu Jun Yeol/รยูจุนยอล จากหนังเรื่อง ‘Alienoid’) เขาเคยทำงานร้านสะดวกซื้อ จึงรู้ราคาของ เป็นคนคำนวณเก่ง และมีนิสัยเห็นอกเห็นใจคนรอบตัว ขณะเดียวกันก็เป็นพวกไม่ค่อยกล้าตัดสินใจอะไรเท่าไหร่

ส่วนสาวสวย ชั้น 4 (Lee Yul Eum/อียอลอึม จากซีรีส์ ‘Nevertheless’) เธอเป็นสาวขี้กังวล ขี้กลัว แต่ท่าทางแบ๊วๆ ของเธอก็ซ่อนไว้ซึ่งความเป็น “นังโรคจิต”

นักแสดงทั้งแปด ในซีรีส์เกาหลี ‘เกมโชว์เลือดแลกเงิน’
source: Netflix

ชั้น 5 (Moon Jeong Hee/มุนจองฮี จากซีรีส์ ‘When the Weather is Fine’) หญิงที่เคยมีชีวิตที่ดี เธอเป็นพยาบาลผู้อ่อนไหวที่เผชิญกับเรื่องหนักหนาทางด้านการเงิน จนต้องหันเหมาเล่นเกมด้วยความหวังเพื่อจะเปลี่ยนชีวิต ร้องเพลงเก่ง และมองโลกในแง่ดีเกินไปหน่อย

มาชั้นน 6 (Park Hae Joon/พัคแฮจุน จากซีรีส์ ‘Arthdal Chronicles: The Sword of Aramun’) บ้าง เขาเป็นชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้า มีนิสัยค่อนข้างหัวรุนแรง จนถูกมองว่าเป็นพวกป่าเถื่อน

ส่วนผู้ชายชั้น 7 (Park Jeong Min/พัคจองมิน จากซีรีส์ ‘Smugglers’) หนุ่มแว่นผู้มีบุคลิกนิ่งๆ จนคาดเดาสิ่งที่อยู่ในใจได้ยาก เขามีสมองปราดเปรื่องที่สุด เขามักจะเสนออะไรใหม่ๆ ให้กับผู้ร่วมเล่นเกม

และสาวชั้น 8 (Chun Woo Hee/ชอนอูฮี จากซีรีส์ ‘The Atypical Family’) สาวสวยที่ดูเผินๆ เป็นคนหัวอ่อน ชื่นชมในความสวยและร่ำรวยของตนเองยามที่อยู่ในบ้านหลังนี้ มีนิสัยไม่แคร์ใคร จึงกลายเป็นคนที่ทำตัวน่ารำคาญอย่างที่สุด

เกมโชว์เลือดแลกเงิน เป็นเกมที่สะท้อนชนชั้นและทุนนิยม

การเล่าของซีรีส์นั้นถือว่าเฉียบคมมาก เขาเริ่มต้นด้วยตัวละครตัวเดียวที่สิ้นหวังจนได้พบกับลิมูซีนที่เชื้อเชิญให้เขานั่งมาจากถึงพรมแดงหน้าโรงละคร ทำให้คนดูได้เห็นขั้นตอนต่างๆ ของการเข้ามายังเกม ได้รู้จักกับกติกาที่ตัวละครจะค่อยๆ รู้เมื่อผ่านเข้าไปอีกขั้น แต่ก็นั่นแหละ ต่อให้ผ่านเข้ามาถึงในห้องของพวกเขาแล้ว กติกาก็ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยจนหมด และทำให้ทั้งคนดูและตัวละครต่างก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรถัดจากวินาทีนั้น

เหล่าตัวละครที่กลายเป็นผู้เล่นเกม จึงต้องสังเกตและลองผิดลองถูกกันไประหว่างเล่นเกม ก่อนจะพบว่า คนคิดเกมนี้ช่างโรคจิตโดยแท้ หยิบเกมจริงของโลกแห่งชนชั้นมาย่อให้เหลือเพียงคน 8 คนที่พักอยู่คนละชั้นในอาคารเดียวกัน

สิ่งที่พวกเขามีคือ ห้องอันว่างเปล่า กับเงินรางวัลที่เพิ่มขึ้นในอัตราเดิมตามเวลาที่พวกเขาอยู่ในนั้น แต่เงินรางวัลก็มีอันลดได้เมื่อพวกเขาโทรหาคอลเซ็นเตอร์เพื่อขอซื้อของใช้ ที่ก็ราคาแพงลิบลิ่วเป็นสิบเท่าของข้างนอก สิ่งนี้สะท้อนถึง “ค่าครองชีพ” ของแต่ละบุคคล พวกเขาจึงต้องจำกัดความฟุ่มเฟือยเพื่อจะได้เหลือเงินให้มากที่สุดในวันที่เดินออกไปจากเกม

โปสเตอร์เวอร์ชันไทยของซีรีส์เกาหลี ‘เกมโชว์เลือดแลกเงิน’
source: Netflix

พวกเขาถูกบีบให้ต้องอยู่แต่ในห้องในยามวิกาลและห้ามทำลายกล้องวงจรปิดเพราะเงินรางวัลจะลดลงเหลือครึ่งนึง แต่เมื่อออกมานอกห้อง พวกเขาจะได้พักผ่อนในพื้นที่ส่วนกลาง การซื้อของใช้ภายนอกห้องนั้น ไม่ต้องจ่ายเป็นเงินแต่จ่ายเป็นเวลา ซึ่งทุกคนก็จะต้องจ่ายไปเท่ากันแม้ว่าคนที่ใช้ของชิ้นนั้นจะมีเพียงคนเดียวก็ตาม สะท้อนไปถึงโลกภายนอกที่ทุกคนต่างมี “เวลา” เท่ากัน เพียงแต่ “ค่า” ของมันนั่นแหละที่ไม่เท่ากัน มี “สิ่งสาธารณะ” ที่เป็นของส่วนรวม แต่คนในสังคมจะเลือกฉกฉวยเอาไปใช้เพื่อประโยชน์ตนเอง

คอนเซปต์ของเรียลลิตี้ คือ การถูกคนดูเฝ้ามองผ่านกล้องที่ติดอยู่ทั่วทั้งพื้นที่ และมีสกอร์บอร์ดบอกเวลานับถอยหลังที่คอยกำหนด หากพวกเขาต้องการจะได้เงินรางวัลมากขึ้น ก็ต้องยื้อให้เวลาบนสกอร์บอร์ดมันเพิ่มขึ้นในทุกวัน บีบทำให้ทั้งแปดต้องหาวิธีต่างๆ มาเพื่อเพิ่มเวลาและให้เกมยังคงดำเนินต่อไป

แง่มุมอันมากมายที่สะท้อนสังคมแห่งชนชั้น

ในระหว่างเกม เราจึงได้เห็นแง่มุมต่างๆ ของการอยู่ร่วมกันในสังคมย่อยๆ ที่มีทั้ง เรื่องการออกแรงร่วมกัน การทำตัวให้เป็นประโยชน์ ความร่ำรวยและยากจน ต้นทุนที่ไม่เท่ากันตั้งแต่จุดสตาร์ท คนรวยลงทุน-คนจนลงแรง ความสามัคคี การแบ่งปัน ความรู้สึกใจเขาใจเรา ความเห็นอกเห็นใจหรือเห็นแก่ตัว ความอดทนและการปรับตัวเพื่อความอยู่รอด ประชาธิปไตยและเผด็จการ รวมถึงการตั้งคำถามว่า คนรวยควรจะรับผิดชอบต่อสังคมมากกว่าคนที่จนกว่าหรือเปล่า? เป็นต้น

ต้นทุนที่ไม่เท่ากันตั้งแต่จุดสตาร์ท

ต้นทุนของคนรวย มีมากกว่าคนที่จนกว่า คนรวยสามารถจะใช้จ่ายเพื่อความสะดวกสบายของตนเองโดยไม่รู้สึกเดือดร้อนเมื่อมองเห็นว่ามันยังเหลือเงินอีกมาก ขณะที่คนจนต้องเจือดเงินมาใช้เพื่อให้เพียงพอจะจับจ่ายปัจจัย 4 ให้กับตนเอง

คนรวยสามารถกอบโกยได้ในหลากหลายทาง ทางหนึ่งก็คือ การใช้ประโยชน์จากความร่ำรวย ทำทีเป็นแบ่งปันในสิ่งที่ควรจะเป็นของทุกคนให้กับคนยากจนที่กำลังหิวโหย และคนที่หิวโหยจำเป็นต้องยอมตามเพื่อให้พ้นจากความอดอยากและอยู่รอดไปวันๆ โดยคนร่ำรวยเอาแต่ยิ้มเยาะชอบใจ ทั้งคนรวยจะมีอำนาจมากขึ้นเมื่อมีอันธพาลมาเป็นพันธมิตร พวกเขาจะไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น

โปสเตอร์คาแรกเตอร์เวอร์ชัน ชอนอูฮี ในบท ‘ชั้น 8’ ของซีรีส์ ‘The 8 Show’
source: Netflix

เมื่อคนรวยได้รับพลังอำนาจ

อันธพาลหรือคนพวกที่เก่งในการใช้กำลังในการแก้ปัญหา เมื่อเขาเป็นพันธมิตรกับคนร่ำรวย เขาจะกลายเป็นเห็บที่คอยดูดเลือดคนชั้นล่าง และชนชั้นที่ใช้แรงงานก็จะถูกชนชั้นสูงที่ใช้เป็นเครื่องมือในการเพิ่มเวลา สุดท้าย พวกเขาก็ต้องทำร้ายกันเอง ทำให้ยิ่งรู้สึกว่า ยิ่งอยู่ในเกมนานเท่าใด ก็ยิ่งน่าเวทนาสงสารมากเท่านั้น

การปฏิวัติของชนชั้นล่าง

สังคมแห่งทุนนิยม ที่เชิดชูความร่ำรวยจนมากเกินพอดี บีบคั้นคนที่จนกว่าให้ต้องอดทนและรองรับ ทำให้คาดไว้ไม่ผิด ว่าจะต้องได้เห็นการปฏิวัติของคนชั้นล่างที่ยึดเอาความสุขสบายแบบคนชั้นบนคืนมา แต่บทของซีรีส์มันก็เล่าต่อไปว่า ถ้าชนชั้นล่างได้มีชีวิตแบบชนชั้นบนแล้ว พวกเขาจะทำสิ่งใดได้บ้าง

สิ้นหวังในสิ้นหวัง

มันคงเป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่มันก็เป็นเรื่องที่พบเห็นกันอยู่ในชีวิตจริง และก็มีหนังบางเรื่องเล่าอะไรทำนองๆ นี้มาแล้ว เรื่องราวของคนชั้นล่างที่พยายามแค่ไหนก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงชนชั้นของตัวเองให้สูงขึ้นไปกว่าเดิมได้ และซีรีส์เรื่องนี้ก็หยิบมันมาเล่าขยี้ให้ยิ่งเจ็บปวดใจกันอีกครั้ง

เอาจริงๆ ก็อดสงสารคนชั้นกลางๆ ไม่ได้เหมือนกันนะ พวกเขากลายเป็นพวกที่ต้องปรับตัวแบบสุดๆ วันนึงอาจกลายเป็นคนดีของชนชั้นล่าง อีกวันก็ต้องกลายเป็นผู้รับใช้ชนชั้นบน เมื่อเหตุการณ์กลับตาลปัตร พวกเขาต้องเจ็บปวดใจและพูดได้แค่คำว่าขอโทษ

สิ่งที่น่าสนใจของซีรีส์แนวเรียลลิตี้โชว์เรื่องนี้

มันเริ่มต้นด้วยการไม่เปิดเผยกติกาทั้งหมด ผู้เล่นก็แทบจะไม่รู้ว่าพวกเขาจะเจอกับอะไร เริ่มต้น พวกเขาก็มองเห็นว่าตัวเองจะได้เงินจากเกมนี้ แต่เมื่อเล่นเกมไป ก็ยิ่งได้รับรู้ถึงความชั่วร้ายของเกมนี้มากขึ้น ใช่แล้ว ต้องบอกว่าคนคิดเกมมันช่างโรคจิตซะจริงๆ แต่ก็นั่นแหละ มันก็หยิบเอาความเป็นจริงของสังคมมนุษย์มาจำลองเอาไว้ คนดูนั่งดูไปก็จะพบว่า มันเริ่มจะเป็นเกมที่น่าเศร้ามากขึ้นทุกที จนบางขณะต้องหยุดเพราะรู้สึกเครียดกันเลยทีเดียว

อีกส่วนนึง ด้วยความที่เป็นเรียลลิตี้โชว์ มันจึงมีเรื่องของผู้เล่นที่ต้องสร้างความบันเทิงให้กับผู้ชมที่ไม่ชอบความน่าเบื่อและจำเจ ผู้เล่นจำต้องแสวงหาสิ่งใหม่ที่นำพาความตื่นเต้นเร้าใจผู้ชมให้มากยิ่งกว่าเก่า จากความสนุกสนาน วันนึงมันก็กลายเป็นความบ้าคลั่ง กระทั่งชวนให้รู้สึกสูญเสียความเป็นมนุษย์ไป ความรุนแรงในเกมก็เพิ่มมากขึ้นทุกที จนเลือดกลายเป็นส่วนประกอบในการสร้างความบันเทิงไปซะได้

ซีรีส์แต่ละตอนนั้น ไม่ถือว่ายาวมากนัก เพราะไม่ถึงชั่วโมงกันสักตอน ขณะที่ตอนสุดท้ายจะค่อนข้างยาวเป็นพิเศษ เป็นตอนเดียวที่ยาว 1 ชั่วโมงเศษๆ ถ้าจะดูกันจริงจัง วันเดียวก็น่าจะจบได้อยู่

ภาพจากซีรีส์ ‘เกมโชว์เลือดแลกเงิน’
source: Netflix

ในเรื่องของบท ถือว่าเขาเกลี่ยให้ทั้ง 8 ตัวมีความสำคัญและนำพาเรื่องราวไปสู่วิกฤตครั้งใหม่ได้อย่างไม่หยุดหย่อน ในเรื่องนี้ เราจะได้เห็น ชอนอูฮี ในภาพลักษณ์ที่เซ็กซี่เบาๆ กับบทที่ชวนรู้สึกหมั่นไส้และน่ารำคาญ ซึ่งเธอก็ทำได้ถึงอยู่ไม่น้อย

ดูมาจนถึงตอนสุดท้าย เกือบจะคิดว่าบทมันจะหลงลืมไม่เล่าที่มาที่ไปของตัวละครให้ครบงั้นเหรอ แต่ก็ไม่ ในที่สุด ก็บอกเล่าได้ครบ ใส่ไคล์แมกซ์สุดบ้าคลั่งเข้ามา แถมยังมีฉากต่อกลางเครดิตอีก โดยรวมจึงน่าว่าสนุก น่าติดตาม ใส่แง่มุมมาครบครันดี แต่จะมีภาคต่อหรือไม่ ถึงตอนี้ก็ยังไม่รู้หรอกนะครับ


รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์

ชื่อซีรีส์The 8 Show / เกมโชว์เลือดแลกเงิน / 더 에이트 쇼
ผู้กำกับHan Jae Rim/ฮันแจริม (ผู้กำกับหนัง ‘Emergency Declaration’)
ผู้เขียนบทHan Jae Rim/ฮันแจริม
นักแสดงBae Sung Woo/แบซองอู, Park Jeong Min/พัคจองมิน, Chun Woo Hee/ชอนอูฮี, Lee Joo Young/อีจูยอง, Ryu Jun Yeol/รยูจุนยอล, Lee Yul Eum/อียอลอึม, Park Hae Joon/พัคแฮจุน, Moon Jeong Hee/มุนจองฮี
แนว/ประเภทคอมเมดี้,​ ดราม่า, ลึกลับ, ระทึกขวัญ
จำนวนตอน1 ซีซัน: 8 ตอน
ช่องทางรับชมNetflix
เริ่มออกอากาศ17 พฤษภาคม 2024
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์Lotte Entertainment, Magnum9, Studio N

คะแนนรีวิวซีรีส์ เกมโชว์เลือดแลกเงิน

พล็อตและบท - 8
การแสดง - 8.5
การดำเนินเรื่อง - 8.1
การถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษ และโปรดักชั่น - 7.9
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.5

8

The 8 Show

ซีรีส์เกาหลีความยาว 8 ตอนที่ดัดแปลงมาจากเว็บตูน เรื่องเล่าในสไตล์เรียลลิตี้ของคนทั้งแปดที่ถูกชวนมาเล่นเกมประหลาดชิงเงินรางวัลที่อาจเปลี่ยนชีวิต ด้วยการจับทุกคนมาอยู่ในสถานที่ปิดที่ทุกคนจะต้องช่วยกันยื้อเวลาให้ยาวนานที่สุดเพื่อจะได้เงินรางวัลจำนวนมากที่สุด แต่ราคาของใช้จำเป็นและไม่จำเป็นที่พวกเขาจะซื้อหา จะมีราคาเป็น 10 เท่าของข้างนอก แถมยิ่งอยู่ โลกที่เหมือนจะบันเทิง ก็กลับยิ่งโหดร้ายขึ้นเรื่อยๆ จากเกมชิงเงินรางวัล ก็กลับกลายเป็นการเกมแห่งชนชั้นที่ต้องใช้เลือดแลกมา จำลองชีวิตจริงแบบเสียดสีแสบสันต์ น่าติดตาม ไม่อยากจะหยุดดูเลยล่ะครับ

User Rating: Be the first one !
Exit mobile version