รีวิวซีรีส์ Skeleton Crew ทีมซ่าตะลุยกาแล็กซี | เด็กหลงทางค้นหาดาวบ้านเกิด

ดูเหมือนว่า หลังๆ ซีรีส์ในจักรวาลสตาร์วอร์สจะไม่ค่อยเป็นที่ถูกใจสาวกสักเท่าไหร่นัก แม้จะมีที่ถูกใจบ้าง แต่เรื่องถัดมาก็มักจะแป้กอยู่เรื่อยเลย แต่ยังไง ลูคัสฟิล์มก็ยังไม่หมดหวัง ยังคงสร้างซีรีส์ออกมาให้ชมกันอยู่เรื่อยๆ และคราวนี้ เขาก็ลองหันไปเล่าเรื่องของเหล่าตัวละครวัยเด็กกันบ้าง ซึ่ง ‘Skeleton Crew’ หรือชื่อไทย ‘ทีมซ่าตะลุยกาแล็กซี’ ก็สร้างความหลากหลายได้ดีทีเดียว

คิดเห็นเช่นไรกับซีรีส์สตาร์วอร์สเรื่องนี้?

น่าสนใจดีที่จักรวาลสตาร์วอร์สหันมาเล่าเรื่องเด็กๆ บ้าง ทำให้ได้สีสันที่แตกต่างออกไป เรื่องนี้เล่าถึงกลุ่มเด็กบนดาวอันสุขสงบดวงหนึ่งที่บังเอิญไปเจอซากยานโจรสลัดแล้วดันวาร์ปออกสู่อวกาศ จนกลายเป็นการเดินทางยาวไกลเพื่อหาหนทางกลับดาวบ้านเกิด มีจู๊ด ลอว์ มาร่วมผจญภัยในฐานะพี่เลี้ยงเด็กและบุคคลน่าสงสัยว่าเขาเป็นเจไดหรือโจรสลัด สตรีมทางดิสนีย์พลัสโดยเพิ่ม 1 ตอนใหม่ทุกสัปดาห์

ซีรีส์เดินเรื่องได้สนุกน่าติดตาม แถมมีไลท์เซเบอร์ มีเอ็กซ์วิง จบตอนแล้วอยากดูต่อเลย

เรื่องย่อซีรีส์ ‘Skeleton Crew’

บนดวงดาวที่ชื่อ แอต แอตติน มีเด็กกลุ่มหนึ่งที่ยังอยู่ในวัยเรียน พวกเขากำลังเข้าทดสอบเพื่อกำหนดอนาคตของตนเอง วิม (Ravi Cabot-Conyers จากแอนิเมชัน ‘Encanto’) ลูกชายของผู้ประสานงานระบบที่อยากจะโตขึ้นไปเป็นเจได ได้ผจญภัยท่องไปที่ไหนก็ได้ในกาแล็กซี่, นีล (Robert Timothy Smith จากหนังเรื่อง ‘Dear Santa’) เพื่อนสนิทของวิม, เฟิร์น (Ryan Kiera Armstrong จากหนังเรื่อง ‘Firestarter’ และ ‘Black Widow’) สาวน้อยนักแข่งไบก์ และเคบี (Kyriana Kratter) เพื่อนหญิงของเฟิร์น แต่พวกเขากำลังจะกลายเป็นกลุ่มคนสำคัญในจักรวาลสตาร์วอร์ส

ระหว่างขี่ไบก์ไปสอบประเมินแต่ไม่ทัน วิมบังเอิญไปเจอบางสิ่งที่เขาเชื่อว่ามันเป็นวิหารเจไดร้าง แต่มันดันเป็นยานอวกาศ บนยานลำนั้นเหลือเพียง ดรอยด์ชื่อ SM-33 เท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ สุดท้าย ทั้งหมดก็มีอันได้ออกผจญภัยท่ามกลางความเวิ้งว้างและเรื่องราวสุดตื่นเต้นไปพร้อมกัน พวกเขาได้เจอกับ จ๊อด นา นาวูด (Jude Law จากหนังเรื่อง ‘The Order’) ชายผู้ควบคุมพลังได้ราวกับเจไดแต่เขาอยู่ในคราบโจรสลัด เด็กๆ ทั้งหมดต้องหาทางกลับมายังดาวบ้านเกิดของตน

รีวิวซีรีส์ ‘ทีมซ่าตะลุยกาแล็กซี’

หลังการล่มสลายของจักรวรรดิ แม้จะมีสาธารณรัฐใหม่ก็คงไม่อาจดูแลได้ทั่วถึง ดินแดนอันไกลโพ้นยังคงเต็มไปด้วยเหล่าโจรสลัด พวกสลัดอากาศที่มักออกปล้นคลังจากยานขนส่งสินค้าและปล้นเอาเครดิตมาเป็นของตน แต่กัปตันของพวกมันก็เปลี่ยนหน้าไปเรื่อย เพราะเหตุก่อกบฎหักหลังกันเองนั่นแหละ เริ่มต้นเราได้เห็นหัวหน้าโจรสลัดที่อยู่ภายใต้หน้ากาก แต่แล้วเราก็ถูกหักหลัง ก่อนมันจะกลายเป็นเรื่องราวในดวงดาวที่ใครๆ ต่างลืมเลือน

บนดาวเล็กๆ ดวงหนึ่งที่ชื่อของมันกลายเป็นเพียงตำนานเพราะผู้คนต่างคิดว่ามันสาบสูญไปแล้ว และที่นั่น เด็กวัยรุ่นทั้งสี่ได้สร้างเรื่องราวของตัวเองขึ้นมา สิ่งที่เขาค้นพบและเข้าใจว่าเป็นวิหารเจไดร้าง แท้จริงเป็นยานเก่าที่เต็มไปด้วยโครงกระดูก และเหลือรอดเพียงดรอยด์พังๆ ตัวเดียว แถมเหล่าเด็กๆ ดันบังเอิญไปเปิดระบบยานเข้า มันจึงพาพวกเขาออกไปจากดาวและวาร์ปไปจอดนิ่งท่ามกลางอวกาศอันเวิ้งว้าง และหลังจากนั้น คือการผจญภัยของเด็กๆ กับดรอยด์เน่าๆ ตัวนึง

ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ที่บอร์โก้สตาร์พอร์ต ท่าจอดยานที่เต็มไปด้วยเหล่าโจรสลัด ดาวร้างที่เต็มไปด้วยหมอกควัน หรือเผชิญหน้ากับเจ้านกนักสำรวจอวกาศบนหนึ่งดวงจันทร์ ไม่ว่าที่ไหนๆ ก็ล้วนเต็มไปด้วยอันตรายและบุคคลที่ไม่น่าไว้วางใจ ทำให้การเดินทางตามหาดาวบ้านเกิดของเหล่าเด็กเป็นการผจญภัยอันน่าตื่นเต้น โดยเฉพาะการได้เจอกับชายขี้คุกคนนึง ชายผู้ที่เด็กๆ ไม่แน่ใจว่าเขาเป็นคนดีหรือร้าย แต่ที่แน่ๆ เขาควบคุมพลังได้ จนวิมสงสัยว่า ชายคนนี้อาจเป็นเจได

ชายคนนี้มีชื่อประหลาดๆ ว่า จ๊อด นา นาวู้ด ที่ต่อมาก็ทำให้ฉงนอีกว่า เขาคือคนเดียวกันกับ กัปตันซิลโว, คริมสันแจ็ค, แดช เซนติน อะไรพวกนั้นจริงๆ ใช่มั้ย ทุกอย่างดูคลุมเคลือแต่เด็กๆ ก็ขาดเขาไม่ได้ ในเวลาคับขัน จ๊อดคนนี้แหละที่มาช่วยพวกไว้

เหล่าเด็กทั้งสี่เอาแต่บอกคนอื่นไปทั่วว่า พวกเขามาจากดาวชื่อ แอต แอตติน แต่มันเป็นดาวที่ถูกลบออกจากระบบไปแล้ว จึงไม่แปลกที่หลายคนจะไม่รู้จัก ความจริงแล้ว มันเป็นหนึ่งในกลุ่มดาวมหัศจรรย์ เป็นอัญมณีแห่งสาธารณรัฐเก่า แต่ถูกทำลายจนเหลือเพียงหนึ่งดาวและถูกเก็บซ่อนไม่ให้ใครมองเห็น พวกเขาจึงเกิดมาพบแต่ความสงบสุข ไร้ซึ่งการคุกคามหรือสู้รบ และก็ทำให้พวกเขาไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควรด้วย

นอกจาก วิม, นีล, เฟิร์น และเคบีแล้ว พวกเขาก็ยังได้พบกับเพื่อนใหม่อย่าง เฮย์น่า (Hala Finley สาวน้อยเอคโค่ในหนัง ‘Venom: The Last Dance’) ที่พบว่าเธอน่ารักดี แต่น่าเสียดายที่มีบทน้อยไปหน่อย และเมื่อมันเป็นซีรีส์ที่เดินด้วยตัวละครหลักที่เป็นเด็กแล้ว ทุกอย่างมันก็ดูจะเด็กตามไปด้วย ซึ่งเราสามารถดูมันได้เพลินๆ เพราะไม่ต้องไปเอาจริงเอาจังอะไรมากนัก อย่างเช่น เฟิร์นที่รู้สึกอยากจะเป็นผู้นำขึ้นมา ก็เลยตั้งตนเป็น “กัปตันเฟิร์น” ซะเลย แล้วก็ผลักให้จ๊อดกลายเป็นแค่ลูกเรือหรือลูกน้องให้เธอใช้งาน อะไรทำนองนั้น

ระหว่างการเดินทาง พวกเด็กๆ จะได้เรียนรู้หลายสิ่งที่อาจหลอมรวมกลายเป็นตัวตนของพวกเขาในอนาคต บางคนก็อาจได้เรียนรู้จักการใช้อาวุธและการรับมือกับสงคราม ขณะที่บางคนเรียนรู้ถึงการอยู่ร่วมกันอย่างโอบอ้อมอารีและเลือกจะเลี่ยงการปะทะ อีกด้านหนึ่ง พวกเขาก็ได้เรียนรู้ว่าตนเองเกิดมาในดวงดาวที่แสนสงบเพราะมีบาเรียปิดกั้นไว้ ขณะที่ชีวิตบนดาวดวงอื่นล้วนพบเจอแต่สงครามและการแย่งชิง จึงต้องแข็งแกร่งเพื่อต่อสู้และปกป้องพวกพ้อง

ในยามที่พวกเขาใกล้พบดาวบ้านเกิดมากขึ้นเรื่อยๆ ตัวละครที่เราคิดว่าจะไม่ได้เจอกับกลับขึ้นมาอีกครั้ง รองเลขานุการฟาร่า (Kerry Condon จากหนังเรื่อง ‘The Banshees of Inisherin’) และเวนดี้ (Tunde Adebimpe จากหนังเรื่อง ‘Twisters’) พ่อของวิมนั่นเอง แต่ไม่ต้องห่วงไป พวกเขาจะไม่อาจขโมยซีนหรือพาคนดูหันเหความสนใจไปจากการผจญภัยของแท้ที่วิมต้องการไปได้หรอก

ท่ามกลางความต้องการจะผจญภัย เขาได้พบพานความกลัว ความกังวล ความสับสนและความคิดถึงพ่อแม่ มันคือสิ่งที่ทุกคนต่างก็ต้องเผชิญยามได้พบเจออันตรายที่ไม่คาดคิด เรื่องราวในนั้น บางทีก็มองดูคล้ายดูหนังของอินเดียนน่า โจนส์ ที่กำลังเดินทางเสาะหาขุมทรัพย์สุดขอบโลก แต่อันนี้ดันเป็นสุดขอบกาแลกซี

หนึ่งตอนของซีรีส์ที่ไม่ยาวนัก เรื่องราวจึงกระชับตามสมควร แถมเมื่อจบตอนก็จะค้างคาหน่อยๆ ชวนให้อยากรู้ตอนต่อ ซึ่งต้องใช้เวลารอคอย 7 วันเต็มๆ เพราะมันมาแค่สัปดาห์ละตอนเท่านั้น ก็อาจจะรู้สึกไม่คุ้มอยู่หน่อยๆ ต้องทำใจแหละ

แต่เรื่องราวมันก็ชวนติดตามดี ถึงแม้จะมันจะเด็กๆ ไปหน่อยก็เหอะ ก็มันเป็นสตาร์วอร์สที่มีตัวละครเด็กเดินเรื่องนี่นา ถือว่าเป็นการเปิดที่ทางใหม่ๆ ให้กับซีรีส์ในจักรวาลสตาร์วอร์สแหละน่า

สุดท้ายแล้ว เราคนดูก็จะได้รู้ถึงความเชื่อมโยงของทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในซีซันแรกนี้ เหตุใดยานเก่าจึงมาซ่อนอยู่บนดาวอันแสนสงบ กัปตันที่ถูกยึดอำนาจไปเมื่อตอนต้นเรื่องแท้จริงเป็นใคร ยานเก่าที่ร่วงหล่นลงบนดาวแอต แอตติน นี้แท้จริงเป็นใคร และจ๊อด นา นาวู้ด คนนี้มีจุดประสงค์อะไรกันแน่ เขาเป็นเจไดจริงหรือเปล่า และที่สำคัญ เด็กๆ จะได้กลับดาวบ้านเกิดหรือไม่ เราต้องติดตามกันไป และมันยาวแค่ 8 ตอนเท่านั้น

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์