มันเคยเป็นซีรีส์ฮิต และทุกวันนี้ มันก็ยังเป็นซีรีส์ที่ผู้คนเอ่ยปากชมและแนะนำให้คนรู้จักลองเปิดเข้าไปดู ด้วยคอมเมนต์ที่ว่า ดูแล้วจะติด หยุดดูไม่ได้ ใช่แล้ว! มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ สำหรับซีรีส์ฝรั่งเรื่องนี้ ‘Prison Break’ หรือชื่อไทย ‘แผนลับแหกคุกนรก’ ที่ใครๆ ต่างก็รู้ว่า มันบอกเล่าเรื่องของน้องชายผู้หาเรื่องติดคุกเพื่อไปช่วยพี่ชายแหกคุกออกมา
คิดเห็นอย่างไรก็ซีรีส์เรื่องนี้?
ซีรีส์ดังที่สร้างซีซันแรกไว้ตั้งแต่ปี 2005 เรื่องราวที่เดินเรื่องสนุกน่าติดตาม ของน้องชายผู้เป็นอัจฉริยะที่ต้องการจะช่วยพี่ชายที่ถูกกล่าวหาว่าสังหารน้องชายของรองประธานาธิบดีแหกคุกออกมาทันก่อนกำหนดประหารชีวิต จึงจัดฉากปล้นแบงก์จนได้ไปอยู่คุกเดียวกัน ก่อนจะดำเนินการตามแผน แต่ก็กลับต้องพบอุปสรรคต่างๆ นานา ซีรีส์โด่งดังจนถูกสร้างมาถึงซีซั่นที่ 4 ก่อนจะเว้นไปแล้วกลับมาสร้างต่อซีซัน 5 ในปี 2017
เมื่อได้ดูของจริงก็พบว่ามันเดินเรื่องสนุกสมคำร่ำลือ แม้ซีซันแรกจะยาวถึง 22 ตอนก็ตาม
เรื่องย่อซีรีส์ ‘Prison Break’
มันเป็นเรื่องของสองพี่น้องที่เอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการแหกคุก หนึ่งคือ ไมเคิล สกอฟิลด์ (Wentworth Miller ที่ต่อมาได้เล่นซีรีส์ ‘The Flash’) วิศวกรโครงสร้างผู้เฉลียวฉลาด แต่เขาเลือกจะทำให้ตัวเองติดคุกฟ็อกซ์ริเวอร์ด้วยการปล้นธนาคาร นั่นเพราะเขามีเป้าหมายที่จะเข้าไปในอยู่คุกเดียวกับ ลินคอล์น ‘ลิงก์’ เบอร์โรว์ (Dominic Purcell ที่ต่อมาได้เล่นซีรีส์ ‘DC’s Legends of Tomorrow’) พี่ชายที่ติดคุกด้วยข้อหาฆ่าน้องชายรองประธานาธิบดีและอีก 1 เดือนจะถึงกำหนดประหารชีวิต เขาต้องการจะพาพี่ชายแหกคุกออกมา เพราะเขารู้ว่ามีคนใส่ความและพี่ชายไม่ได้เป็นคนฆ่า
เขาได้พบกับ ซารา แทนเครดี้ (Sarah Wayne Callies ที่ต่อมาได้เล่นซีรีส์ ‘The Walking Dead’) คุณหมอคนสวยที่ทำงานในคุก เธอเป็นลูกสาวของผู้ว่าการรัฐ และเธอก็เป็นส่วนหนึ่งในแผนการอันแยบยลของเขา
ขณะที่ภายนอกคุก เวโรนิก้า โดโนแวน (Robin Tunney จากหนัง ‘Empire Records’) ผู้เป็นทั้งแฟนเก่าและทนายของลินคอล์น ก็กำลังพยายามเต็มที่ในการหาหลักฐานเพื่อจะช่วยหักล้างให้ลินคอล์นพ้นผิดทันก่อนกำหนดประหาร แล้วก็ยังมี แอลเจ (Marshall Allman ที่ต่อมาได้เล่นซีรีส์ ‘True Blood’) ลูกชายของลินคอล์นที่พฤติกรรมของเขามีสิทธิ์จะติดคุกได้อยู่เหมือนกัน
รีวิวซีรีส์ ‘แผนลับแหกคุกนรก’
เริ่มเรื่องด้วยภาพของ ไมเคิล สกอฟิลด์ ผู้เฉลียวฉลาด เขาพยายามทำทุกสิ่งเพื่อให้ภารกิจพาพี่ชายออกจากคุก ลงทุนเลิกเป็นวิศวกร ศึกษาแผนที่และจดจำ ทั้งสักข้อมูลสำคัญไว้ทั่วร่าง แล้วจัดฉากปล้นธนาคารเพื่อจะได้ถูกจับกุมไปคุมขังยังคุกเดียวกัน แต่ก็ดูเหมือนจะต้องเจอกับอุปสรรคมากมาย ทั้งจากเพื่อนผู้ถูกคุมขังตัวร้ายหรือจากผู้คุม และก็ไม่ใช่คนเดียวที่เขาเข้าไปมีปัญหาด้วยหรอก นอกจากนี้ ก็ยังถูกเพ่งเล็งของเพื่อนร่วมคุกจากพฤติกรรมน่าสงสัยของตัวเขาเองอีกด้วย
ซีรีส์แหกคุก ในซีซันแรก
เรื่องราวที่เดินไปพร้อมกับปัญหาน่าปวดหัวที่เข้ามาอย่างไม่รู้จักหยุดหย่อน ซีซันแรกของซีรีส์ในสมัยนั้น ปาเข้าไป 22 ตอน แต่กลับเล่าได้สนุก น่าติดตาม
ภารกิจเดียวของสกอฟิลด์ที่จะพาลินคอล์นพี่ชายแหกคุกฟอกซ์ริเวอร์ กลับกลายบานปลาย เมื่อเขาจำเป็นต้องใช้ จอห์น อะบรูซี (Peter Stormare) มาเฟียตัวเอ้ที่มีเครื่องบินส่วนตัวเป็นคนช่วยพาหนีหลังออกไปได้แล้ว และคนที่รู้เห็นด้วยแน่ๆ ก็คือเพื่อนร่วมห้องขังอย่าง เฟอร์นันโด ซูเคร (Amaury Nolasco) ชายหนุ่มคลั่งรักที่คบหาอยู่กับมารีครูซ เมียรักที่อยู่นอกคุก
แต่เอาไปเอามา ก็กลายเป็นว่าพลพรรคที่รู้เรื่องและอยากร่วมก๊วนด้วยมันขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ หลักๆ ก็จะเป็น ธีโอดอร์ ‘ที-แบก’ แบกเวลล์ (Robert Knepper), เบนจามิน ไมลส์ ‘ซี-โน้ต’ แฟรงคลิน (Rockmond Dunbar) ทหารที่ถูกไล่ออกและใส่ความเพราะไปรู้เรื่องชั่วของเจ้านาย, ชาร์ลส์ เวสต์มอร์แลนด์ (Muse Watson) ชายสูงวัยที่ติดคุกมานาน 30 ปี, เฮย์ไวร์ พาโทชิค (Silas Weir Mitchell) หนุ่มสภาพจิตผิดประหลาด และรวมไปถึงเดวิด ‘ทวีนเนอร์’ อะโพลสกีส์ (Lane Garrison) หนุ่มน้อยตัวเล็กที่ติดคุกเพียงเพราะขโมยบัตรเบสบอล
แต่ที่จะลืมไปไม่ได้เลยก็คือ คุณหมอคนสวยลูกสาวผู้ว่าการรัฐอย่าง ซารา แทนเครดี้ ที่ไมเคิลดึงเธอเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างช่วยไม่ได้ แถมทั้งสองคนยังใกล้ชิดจนมีความรู้สึกดีๆ ต่อกันอีกต่างหาก และในเวลาต่อมา เราก็ได้รับรู้เรื่องเบื้องหลังของคุณหมอคนสวยคนนี้
ซีรีส์เล่าเรื่องสลับกันไประหว่างเรื่องในคุก และเรื่องนอกคุกที่เป็นพาร์ทของเวโรนิกา โดโนแวน เพื่อนของไมเคิลแต่เป็นแฟนเก่าของพี่ชาย เธอกำลังคร่ำเคร่งในการหาหลักฐานมาหักล้างข้อกล่าวหา แต่ก็ต้องเผชิญกับการขัดขวางทุกทางจากคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหารตัวจริง ซึ่งก็มีชื่อของตำรวจลับเจ้าหน้าที่พอล เคลเลอร์แมน (Paul Adelstein) จากเดอะคอมปานี กับนิค ซาฟรินน์ (Frank Grillo จากหนังเรื่อง ‘Hitman’s Wife’s Bodyguard’) และบทซีรีส์ก็พาเราไปรู้เห็นถึงเหตุสมคบคิดทางการเมือง อันเกี่ยวข้องกับ แคโรไลน์ เรย์โนลด์ (Patricia Wettig) รองประธานาธิบดี ที่มุ่งหมายจะขึ้นเป็นประธานธิบดีในการหาเสียงครั้งล่าสุด
ได้ข่าวว่าทีแรกจะทำ 13 ตอน แต่เพราะเรตติ้งดีเลยเพิ่มอีก 9 กลายเป็น 22 ตอนด้วยกัน มันจึงมีตัวละครมากมายเกินจะเขียนถึงได้หมด อีกกลุ่มสำคัญ ก็คือ พัศดีคนดีของคุกฟอกซ์ริเวอร์ ที่ไมเคิลได้เข้าไปช่วยสร้างทัชมาฮาลจำลอง กับผู้คุมสุดโหดคนสำคัญ แบรด เบลลิก (Wade Williams ที่ต่อมาก็ได้ไปเล่นหนัง ‘Venom’ กะเขาด้วย) ที่เคยเสียท่าและเก็บสะสมความคั่งแค้นจนถึงกับจัดการเอาคืนในซีซันถัดมา
ช่วงท้ายของซีซัน อุทิศตอนนึงไปเลยให้กับที่มาและแรงจูงใจของแต่ละตัวละคร ในใจหนึ่ง นายแพทก็คิดสงสารไมเคิล สกอฟิลด์ เหมือนกันนะ ในเมื่อคิดจะทำการใหญ่และต้องทำให้ทุกสิ่งเป็นไปตามแผน แต่มันก็แลกมาด้วยหลายสิ่ง อย่างเช่นเขาต้องปวดใจที่จำทนนิ่งเฉยไม่อาจช่วยเหลือใครอันจะส่งผลต่อแผน หรือแม้แต่อยากจะมีความรักความสัมพันธ์ แต่ด้วยสถานการณ์ มันทำให้ไปได้เพียงแค่นั้น
เขียนบทให้เรื่องมันไหลไปได้เรื่อยๆ จบอุปรรคนี้ได้ ก็เจอปัญหาใหม่เข้ามา เรื่องราวพลิกผันทั้งฝั่งนอกและในเรือนจำ ต่างคนต่างก็มีเหตุผลของตนเองที่อยากจะออกไปจากคุกแห่งนี้ ทำให้สมาชิกที่ร่วมก่อการแห่คุกครั้งนี้มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้น่าติดตามมากว่า พวกเขาจะแหกคุกได้สำเร็จหรือไม่ และกลายเป็นว่า คนดูอย่างเราต้องมาลุ้นให้ตัวนำของเรื่องทำผิดซะอย่างนั้น แม้จะมีจำนวนถึง 22 ตอนในซีซันแรก แต่ก็ต้องบอกว่า มันเดินเรื่องชวนให้ลุ้นได้ในทุกนาที โดยเฉพาะตอนที่ 21-22
ซีรีส์แหกคุก ในซีซันที่ 2
พูดตรงนี้ไปก็เหมือนเป็นสปอยล์สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูซีซันแรก แต่สำหรับคนที่ผ่านมันมาได้แล้ว ก็คงจะได้รู้ว่า ในซีซันแรกนั้น พวกเขาแหกคุกได้สำเร็จ ทำให้ซีซัน 2 กลายเป็นเรื่องราวการหลบหนีนอกคุก และในตอนนี้ ก็มีตัวละครใหม่ เพราะแก๊งแหกคุกต้องรับมือกับ อเล็กซานเดอร์ มาโฮน (William Fichtner จากหนังเรื่อง ‘Black Hawk Down’ และ ’12 Strong’) เอฟบีไอผู้เก่งกาจราวกับเป็นโพรไฟเลอร์ ที่คอยไล่ล่าพวกเขา และทำให้เสน่ห์ของการเป็นซีรีส์แหกคุกมันหดหายไปแม้จะยังเดินเรื่องได้สนุกน่าติดตามอยู่ก็ตาม
“Fox River 8” กลายเป็นชื่อแทนพวกเขา ซีรีส์เดินเรื่องสลับกันไปมา เพราะพวกเขาแยกกันหลบหนี ก่อนจะกลับไปรวมตัวกันอีกทั้งเพราะต่างก็มีเป้าหมายร่วมกันที่ยูทาห์ ต่างแค่เฟอร์นันโด ซูเคร หนุ่มคลั่งรักที่สนใจแต่เรื่องเมียผู้ตัดสินใจแต่งงานกับชายอื่นเท่านั้น
ซีซันนี้มีบางตัวละครที่ต้องตายจากไป บางตัวก็กระเสือกกระสนหาที่ทางใหม่ในชีวิต อย่างเช่น คุมหมอซาร่า ที่ต้องไปอยู่ในกลุ่มคนเคยติดยา โดยที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังถูก พอล คอลเลอร์แมน เกาะติดอยู่
ได้แต่เศร้าใจแทนตัวละครหลัก เหมือนคนที่คิดผิดมาตั้งแต่ต้น แม้จะแหกคุกได้สำเร็จ แต่ก็ต้องเจอกับด่านถัดมาอย่างการถูกตามล่าของเอฟบีไอ พวกเขาหวังจะเริ่มต้นใหม่ในเม็กซิโก แต่ก็ดันมุ่งหน้าไปขุดเงินที่ตาแก่ชาร์ลส์ฝังไว้ กลายเป็นคนที่ทำความผิดที่ซ้ำๆ
แม้จะเดินเรื่องสนุก แต่ก็ยังไม่ต่างจากซีซันแรก ที่คงต้องตัดความไม่สมเหตุผลเล็กๆ น้อยๆ ที่ปรากฏอยู่ตามรายทาง บางอย่างอาจจะชวนสงสัยว่าเป็นไปได้ไง หรืออาจจะรู้ว่า เฮ้ย เวอร์ไปหรือเปล่า นั่นแหละ เพื่อให้สามารถติดตามเรื่องได้อย่างไม่ติดใจ
ที่เหลือ ก็คงต้องมานั่งลุ้นกันว่า จะดูต่อไปได้ถึงตอนไหนของซีซันไหน ก็มันตั้ง 6 ซีซันแน่ะ
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | Prison Break / แผนลับแหกคุกนรก |
ผู้สร้าง | Paul T. Scheuring |
นักแสดง | Dominic Purcell, Wentworth Miller, Robin Tunney, Sarah Wayne Callies, Amaury Nolasco, Robert Knepper, Wade Williams |
แนว/ประเภท | แอ็คชัน, อาชญากรรม, ดราม่า, ลึกลับ, ระทึกขวัญ |
จำนวนตอน | 5 ซีซัน: 90 ตอน – ซีซัน 1: 22 ตอน – ซีซัน 2: 22 ตอน – ซีซัน 3: 13 ตอน – ซีซัน 4: 24 ตอน – ซีซัน 5: 9 ตอน |
ช่องทางรับชม | Netflix, Prime Video |
เริ่มออกอากาศ | 29 สิงหาคม 2005 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Adelstein-Parouse Productions, Dawn Olmstead Productions, Adelstein Productions |
คะแนนรีวิวซีรีส์ แผนลับแหกคุกนรก
พล็อตและบท - 8.5
การแสดง - 8.4
การดำเนินเรื่อง - 8.6
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษ และโปรดักชั่น - 8
เพลงและดนตรีประกอบ - 8
8.3
Prison Break
ซีรีส์ดังที่สร้างซีซันแรกไว้ตั้งแต่ปี 2005 เรื่องราวที่เดินเรื่องสนุกน่าติดตาม ของน้องชายผู้เป็นอัจฉริยะที่ต้องการจะช่วยพี่ชายที่ถูกกล่าวหาว่าสังหารน้องชายของรองประธานาธิบดีแหกคุกออกมาทันก่อนกำหนดประหารชีวิต จึงจัดฉากปล้นแบงก์จนได้ไปอยู่คุกเดียวกัน ก่อนจะดำเนินการตามแผน แต่ก็กลับต้องพบอุปสรรคต่างๆ นานา ซีรีส์โด่งดังจนถูกสร้างมาถึงซีซั่นที่ 4 ก่อนจะเว้นไปแล้วกลับมาสร้างต่อซีซัน 5 ในปี 2017 เมื่อได้ดูของจริงก็พบว่ามันเดินเรื่องสนุกสมคำร่ำลือ แม้ซีซันแรกจะยาวถึง 22 ตอนก็ตาม