มันเป็นเรื่องของคน 6 คนที่ติดอยู่ในบ่วงกรรม ฟังดูเหมือนเป็นละครไทยทำ แต่ที่จริงเป็นซีรีส์เกาหลีที่เล่าเรื่องกฎแห่งกรรมของเหล่าคนที่มีชะตากรรมร่วมกันโดยไม่ได้ตั้งใจ เรื่องราวที่น่าติดตามจนไม่สามารถหยุดดูได้ ‘Karma’ หรือชื่อไทย ‘อุบัติกรรม’ วังวนแห่งกรรมที่เกี่ยวข้องกับการฆ่ากันครั้งแล้วครั้งเล่าที่เราอยากแนะนำให้คุณดู
source: Netflix
คิดเห็นเช่นไรกับซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้?
เป็นซีรีส์ที่ควรดูจบแบบรวดเดียว 6 ตอน เพราะมันสร้างมาเพื่อการดูแบบนั้น แม้จะบอกเล่าเรื่องราวของตัวละครทั้งหกที่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่มันเลือกเล่าไปทีละมุม ทำให้ชวนสงสัยตั้งแต่ในตอนแรก ตัวละครที่มีตั้งแต่เทาไปจนถึงดำ ก่อกรรมต่างกัน และต่างได้รับผลกรรมที่ตัวเองก่อ บทของซีรีส์ที่พัฒนามาจากเว็บตูนนั้นเดินเรื่องได้สนุก ทุกตอนทิ้งท้ายด้วยฉากที่ชวนอยากดูต่อในทันที
เป็นซีรีส์เกาหลีที่พลาดไม่ได้ อยากแนะนำให้เปิดดูกัน
เรื่องย่อซีรีส์ ‘Karma’
เราสามารถเล่าเรื่องย่อของซีรีส์เรื่องนี้ได้แบบง่ายๆ ว่า มันเล่าถึงคน 6 คนที่ไม่รู้ว่าโชคชะตาหรือกฎแห่งกรรมที่นำพาให้พวกเขาต้องมาข้องเกี่ยวกัน อีจูยอน (Shin Min A/ชินมินอา จากซีรีส์ ‘No Gain No Love’) ศัลยแพทย์สาวผู้มีบาดแผลฝังใจ, ฮันซังฮุน (Lee Kwang Soo/อีกวางซู จากซีรีส์ ‘The Divorce Insurance’) หมอแพทย์แผนโบราณที่คั่วอยู่กับ อียูจอง (Gong Seung Yeo/กงซึงยอน จากซีรีส์ ‘The First Responders’), จางกิลรยง (Kim Sung Kyun/คิมซองกยุน จากซีรีส์ ‘Divorce Attorney Shin’) ชายเกาหลีเชื้อสายจีน แล้วก็ยังมี พยานผู้เห็นเหตุการณ์ (Park Hae Soo/พัคแฮซู จากซีรีส์ ‘Squid Game’) และชายหนุ่มที่ติดหนี้นอกระบบ (Lee Hee Jun/อีฮีจุน จากซีรีส์ ‘Blood Free’)
ทั้งหมดต่างต้องมาเกี่ยวข้องกันด้วยพันธะแห่งโชคชะตาอันเลวร้ายที่ไม่อาจหลีกได้พ้น ถักทอเป็นเรื่องราวอาชญกรรมสุดระทึกของผู้ติดอยู่ในวังวนแห่งความโชคร้าย
รีวิวซีรีส์ ‘อุบัติกรรม’
อีกเรื่องนึงแล้วสินะ ที่เน็ตฟลิกซ์เลือกให้ออกฉายแบบรวดเดียว ซึ่งมองให้ลึกลงไป ก็คงเป็นเพราะมันเหมาะที่จะดูต่อกันรวดเดียว และได้อรรถรสกว่าที่จะดูตอนใหม่ไปสัปดาห์ 1-2 ตอน ซึ่งมันจะขาดความต่อเนื่องและคนดูคงไม่รู้สึกสนุกที่ต้องรอคอยนั่นแล
เรื่องราวของมันเริ่มต้นขึ้นเพราะชายคนหนึ่งที่ติดหนี้นอกระบบ และเจ้าหนี้สุดโหดของเขาก็ใช้ภาพคนถูกตัดอวัยวะมาเป็นคำขู่ให้เขาชดใช้ภายใน 30 วัน ก่อนที่ตัดมาอีกทีก็พบว่า มีร่างหนึ่งรอดตายจากกองเพลิงในตึกร้างนั้น แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องเล่าแบบรวบรัดของคนๆ เดียวเท่านั้น เพราะต่อมา มันก็เล่าถึงเหตุการณ์ในช่วง 30 วัน ที่เกี่ยวพันกับคนที่ไม่ได้รู้จักมักจี่กันอีก 5 คน
source: Netflix
บทซีรีส์บอกเล่าถึงตัวละครนำที่ส่วนใหญ่มีพฤติกรรมเลวร้าย ลูกชายสารเลวที่ต้องการชดใช้หนี้ที่สร้างไว้ท่วมหัว แต่แล้วก็ทุกสิ่งที่มันทำก็ล้วนเป็นอาชญากรรม โดยเฉพาะการจ้างวานคนไปฆ่าพ่อตัวเองเพื่อหวังจะเอาเงินประกัน จากนั้นตัวละครอื่น ๆ ก็ทะยอยผุดกันขึ้นมา หนุ่มแว่นที่พบว่าขับรถชนคนตายและพบว่ามีพยานเห็นเหตุการณ์จึงต้องหากลบเกลื่อนร่องรอย เรื่อยไปถึงหมอหญิงผู้มีบาดแผลในใจกับแฟนหมอที่พยายามประคับประคองจิตใจของเธอ
เมื่อดูไปตอนแรก ๆ คนดูอย่างเราก็ได้แต่สงสัย เพราะข้อมูลที่ให้ยังเหมือนจิ๊กซอว์ที่ใส่มาไม่ครบ ต้องดูไปเรื่อย ๆ จึงจะเริ่มพบว่าทั้งหกคนมีความเกี่ยวข้องกัน ต้องชื่นชมคนเขียนบทจริง ๆ ที่เล่าทุกตอนได้อย่างติดตาม อันที่จริง ต้องถอยหลังกลับไปชื่นชม Choi Hee Sun/ชเวฮีซอน เจ้าของคนเขียนเว็บตูนด้วยแหละ เขาคือผู้สร้างสารตั้งต้นที่ดี จนผู้กำกับอย่าง Lee Il Hyeong/อีอิลฮยอง มองเห็นและหยิบมาแปลงเป็นบทและกำกับมันออกมานั่นแหละ
ทุกตอนจะมีอะไรให้รู้สึก “เอ๊ะ ยังไงนะ!” อยู่ตลอด ซึ่งก็ในใจเราก็เชื่อว่าเดี๋ยวเขาคงกลับมาเฉลย ถึงแม้ว่าบทบางส่วนจะดูไม่เม้กเซ้นส์ พอคิดว่ามันสร้างมาจากเว็บตูน เราก็จะพอเข้าใจได้ บทมีความโหดและใส่ความรุนแรงเข้ามาในหลายจุดเหมือนกันนะ แถมแต่ละตอนยังทิ้งท้ายไว้อย่างชวนอยากติดตามตอนต่อมาในที ส่งผลให้มันเป็นซีรีส์ที่คุณจะหยุดดูไม่ได้เลย
Taglines: Twisted by Fate, Doomed by Destiny
source: Netflix
จะเล่ามากก็ไม่ได้ เดี๋ยวจะกลายเป็นสปอยล์ แต่สิ่งที่บอกได้ก็คือ บทซีรีส์เหมือนเล่าทีละมุมมองตัวละคร ทำให้ต้องอาศัยการเก็บข้อมูลเพิ่มเติมที่ได้จากตัวละครอื่น ๆ มาปะติดปะต่อ จากที่เริ่มต้นสงสัย ดูไปก็เริ่มได้คำตอบ ก่อนจะประสมรวมกันกลายเป็นเรื่องราวทั้งหมดเมื่อมันจบลง
ถ้าพูดถึงบทบาทที่ประทับใจที่สุดเลยก็คงเป็น พัคแฮซู เขาคนนี้เล่นได้ทุกระดับจริง ๆ ซึ่งคงต้องให้ไปสัมผัสกันเอาเอง และนอกจากทั้ง 6 คนแล้ว ซีรีส์เรื่องนี้ก็ยังเต็มไปด้วยนักแสดงคุ้นหน้าคุ้นตา ไม่ว่าจะเป็น ฮวังชอลมก เจ้าของสำนักงานนักสืบใสใสที่เล่นโดย พัคโฮซาน (จากหนัง ‘Project Silence’) พัคดงซิก พ่อของพัคแจยองที่เล่นโดย ชเวฮงอิล (จากซีรีส์ ‘Now, We Are Breaking Up’) และโดยเฉพาะ ยุนจองมิน ที่เล่นโดย คิมนัมกิล (จากซีรีส์ ‘Song of the Bandits’) แฟนหนุ่มผู้เป็นกำลังใจอันสำคัญสำหรับหมอจูยอน
อีกคนที่โผล่มาแบบรับเชิญ เขาคือ โจจินอุง (จากซีรีส์ ‘The Good Bad Mother’) เขาเป็นใครในเรื่องก็ให้ดูกันเอาเอง ส่วนอีกคนที่ชอบ ก็คือ ชินโดฮยอน (จากซีรีส ‘Doom at Your Service’) ที่เล่นเป็นอีจูยอนสมัยเด็กก็น่ารักนะ
อาจดูเหมือนเป็นซีรีส์ที่ค่อนข้างซีเรียส แต่จริง ๆ ก็ช็อตอยู่หลายจุดเหมือนกันนะ แต่ฉากไหนที่เล่นโหดก็โหดจริงจังเลยแหละ ขณะที่เรื่องราวยิ่งถูกบอกเล่า ก็ยิ่งเริ่มเห็นความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร และยิ่งช่วงท้าย บทซีรีส์ก็เริ่มเฉลยหลายอย่างที่รู้สึกสงสัยตะหงิดๆ มาตลอด และสุดท้าย คนดูก็จะรู้สึก “อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง” เรียกได้ว่า เก็บงำบางสิ่งไว้ได้ดี ชวนให้อยากติดตาม และเก็บไว้เพื่อเฉลยในตอนท้าย
จัดเป็นซีรีส์แนวอาชญากรรม-ระทึกขวัญที่เดินเรื่องน่าติดตามเรื่องหนึ่งเลย
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
| ชื่อซีรีส์ | Karma / อุบัติกรรม / 악연 |
| ผู้กำกับ | Lee Il Hyeong/อีอิลฮยอง (ผู้กำกับหนัง ‘Remember’ และ ‘A Violent Prosecutor’) |
| ผู้เขียนบท | Choi Hee Sun (webcomic), Lee Il Hyeong/อีอิลฮยอง |
| นักแสดง | Park Hae Soo/พัคแฮซู, Shin Min A/ชินมินอา, Lee Hee Jun/อีฮีจุน, Kim Sung Kyun/คิมซองกยุน, Lee Kwang Soo/อีกวางซู, Gong Seung Yeo/กงซึงยอน |
| แนว/ประเภท | อาชญากรรม, ระทึกขวัญ |
| จำนวนตอน | 1 ซีซัน: 6 ตอน |
| ช่องทางรับชม | Netflix |
| เริ่มออกอากาศ | April 4, 2025 |
| ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Baram Pictures, Moonlight Film |
คะแนนรีวิวซีรีส์ อุบัติกรรม
พล็อตและบท - 8
การดำเนินเรื่อง - 8.5
การแสดง - 8
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชั่น - 7.5
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.5
7.9
Karma
เป็นซีรีส์ที่ควรดูจบแบบรวดเดียว 6 ตอน เพราะมันสร้างมาเพื่อการดูแบบนั้น แม้จะบอกเล่าเรื่องราวของตัวละครทั้งหกที่มีความเกี่ยวข้องกัน แต่มันเลือกเล่าไปทีละมุม ทำให้ชวนสงสัยตั้งแต่ในตอนแรก ตัวละครที่มีตั้งแต่เทาไปจนถึงดำ ก่อกรรมต่างกัน และต่างได้รับผลกรรมที่ตัวเองก่อ บทของซีรีส์ที่พัฒนามาจากเว็บตูนนั้นเดินเรื่องได้สนุก ทุกตอนทิ้งท้ายด้วยฉากที่ชวนอยากดูต่อในทันที เป็นซีรีส์เกาหลีที่พลาดไม่ได้ อยากแนะนำให้เปิดดูกัน
