ถ้ามีเวลาเพียงน้อยนิดแต่อยากจะดูซีรีส์สักเรื่องให้จบลงได้ในเวลาอันสั้น วิธีหนึ่งที่อยากแนะนำก็คือการเลือกชมมินิซีรีส์ เพราะอะไรน่ะเหรอครับ? ก็เพราะว่ามินิซีรีส์มักจะมีความแต่ละตอนไม่มาก หรือถ้ายาวมากก็จะมีอยู่ไม่กี่ตอน ทำให้ดูจบเรื่องหรือซีซันให้ได้ในเพียงวันเดียว อย่างวันนี้ ผมมีมินิซีรีส์มาแนะนำกัน ‘Into the Night’ หรือ ‘อินทู เดอะ ไนท์’ นั่นเองแหละครับ
นี่คือ Belgian Netflix Original เรื่องแรกเลยนะครับ เรื่องที่เริ่มต้นเล่าจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม ก่อนจะลุกลามไปหลายต่อหลายเมือง แถมส่วนใหญ่ของเรื่องราวมันเกิดขึ้นบนเครื่องบินเสียด้วย ใครเสาะหาซีรีส์ที่เล่าเรื่องสไตล์นี้คงต้องไม่พลาด
เรื่องราวที่ค่อนข้างเหลือเชื่อแต่เล่าออกมาได้สนุก
เรื่องย่อมินิซีรีส์ ‘Into the Night’
เรื่องมันเกิดขึ้นมาจากคนบางคนที่ไปรู้เรื่องบางอย่างมา และสุดท้ายต้องมาก่อเหตุจี้เครื่องบิน แต่มันไม่ใช่เรื่องของเขาคนเดียวเท่านั้น เพราะมันยังมีอีกหลายชีวิตที่ต้องร่วมกันสู้ในเหตุการณ์เดียวกัน
แทแรนซิโอ (Stefano Cassetti) ชายชาวอิตาลีที่รู้เหตุการณ์ร้ายแรงถึงชีวิต ว่าดวงอาทิตย์กำลังสังหารมนุษย์ยามแสงแดดส่อง เขาถึงต้องหนีไปยังสถานที่อื่นของโลกที่ยังเป็นกลางคืนอยู่ หนทางนั้นก็คือ นั่งเครื่องบินไปทางตะวันตก เมื่อหาเที่ยวบินที่ต้องการไม่ได้ หนทางที่เขาคิดได้ก็คือการจี้เครื่องบินนั่นเอง
ที่นั่นเป็นสนามบินบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม แต่เครื่องบินลำนั้นที่มีจุดหมายจะไปมอสโก พวกเขาจึงต้องเปลี่ยนทิศทางไปทางตะวันตก ส่งผลให้ทั้งนักบินอย่างมาธิว (Laurent Capelluto) ต้องอาศัยอดีตทหารอากาศอย่างซิลวี (Pauline Etienne) มาเป็นนักบินผู้ช่วยจำเป็น ทั้งยังมีผู้โดยสารอีกกว่าสิบชีวิต รวมถึงลูกเรืออย่างแอร์โฮสเตจและช่างเครื่องต้องผจญภัยหนีดวงอาทิตย์ไปเรื่อยๆ
และเรื่องราวทั้งหมดใช้เวลาเล่า 6 ตอนด้วยกัน
รีวิวมินิซีรีส์ ‘Into the Night’
เป็นมินิซีรีส์ที่ใส่ความไซไฟเข้ามาแล้วเล่าด้วยวิธีการระทึกขวัญ การมีตัวละครเป็นผู้โดยสารที่แต่ละคนมีพื้นเพนิสัยที่พร้อมจะบวกกันได้ตลอดเวลา มีความ ‘อิหยังวะ’ ในบางสิ่งบางอย่างที่ก่อให้เกิดเหตุระทึกและคาดไม่ถึงได้ตลอดเวลา บางตัวละครจะมีความ ‘น่ารำคาญ’ เข้ามาปะปน แต่ไปๆ มาๆ เหมือนขาดไม่ได้ ขาดไปเหมือนเรื่องจะเล่าสนุกน้อยกว่า chaos น้อยกว่านี้ อะไรประมาณนั้น
ตรรกะความคิดของตัวละครในมินิซีรีส์เรื่องนี้ค่อนข้างประหลาดอยู่สักหน่อย หลายครั้งที่เกิดความยุ่งเหยิงของสถานการณ์ความเป็นความตาย คนบางพวกพยายามจะหันหน้าเข้าหากัน แต่ดูเหมือนเรื่องนี้ แต่ละคนพยายามจะสาดใส่ความบ้าบอเข้าหากัน ตัวละครบางตัวกลับเอาแต่คิดเล็กคิดน้อย บ้างก็อ้างโน่นอ้างนี่ทั้งที่เวลานี้ควรจะเอาชีวิตให้รอดมากกว่า
เรียกได้ว่าหนังเดินเรื่องไปได้ตลอดเวลา เพราะความ ‘น่ารำคาญ’ ของตัวละครครึ่งหนึ่ง
อีกครึ่งคือเรื่องราวทางเทคนิค ที่คาดเดาได้บ้างไม่ได้บ้าง ที่พอจะทำให้เรื่องดำเนินไปได้โดยอุปสรรคที่ผ่านเข้ามาโดยตลอด
แน่นอนว่า การจะรอดพ้นจากความตายก็คือการบินในทางตะวันตกในอัตราเร็วที่ทำให้ผู้โดยสารและลูกเรือทุกคนยังคง ‘อยู่ในความมืด’ พวกเขาจึงบินไปหาที่ลงจอดเพื่อพักเติมเสบียงและน้ำมันกันเป็นพักๆ แต่อุปสรรคนอกเหนือจากคนก็ยังคงมีเข้ามาเรื่อยๆ บางส่วนก็พอจะเข้าใจได้ แต่บางส่วนก็ดูเหมือนจะเป็นการมโนเพิ่มเพื่อต่อเติมเรื่องให้ยิ่งยากลำบากเข้าไปอีก
แต่สิ่งที่เป็นอุปสรรคมากที่สุดในภารกิจนี้กลับเป็น ‘คน’ ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไร พระเจ้าจึงได้เลือกคนกลุ่มนี้ให้ต้องรอดจากพระอาทิตย์มาหนีตายร่วมกัน
ความน่าสนใจของการเล่าเรื่องเป็น 6 ตอนของซีรีส์ตอนหนึ่งสั้นเพียง 37 นาที ก็คือ การตั้งชื่อตอนเป็นชื่อของตัวละคร 6 ตัว และการเริ่มเรื่องด้วยการเล่าภูมิหลังหรือเรื่องราวส่วนตัวของพวกเขาก่อนจะกลับมาสู่เหตุหนีพระอาทิตย์ในปัจจุบัน
โดยรวมแล้ว มันเป็นมีนิซีรีส์ที่ชวนให้ติดตามอยากรู้เรื่องราวต่อไปจนจบ ด้วยเหตุการณ์เชิงไซไฟที่เขาพยายามเล่าด้วยการมีเหตุผลอ้างอิง แต่คนดูจะต้องผ่านความวุ่นวายของเหล่าตัวละครที่เอาแน่เอานอนไม่ได้
ไปพร้อมกันด้วย!
ชื่อซีรีส์: Into the Night / อินทู เดอะ ไนท์
Creator: Jason George
นักแสดงนำ: Pauline Etienne, Laurent Capelluto, Stefano Cassetti, Mehmet Kurtulus, Jan Bijvoet
แนว/ประเภท: Drama, Sci-Fi, Thriller
จำนวนตอน: ซีซัน 1 จำนวน 6 ตอน (ตอนละ 37 นาที)
ผู้ผลิต/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย:
ช่องทางการรับชม: Netflix
อินทู เดอะ ไนท์
บทและพล็อต - 7
การแสดง - 7
เพลง/ดนตรีประกอบ - 7.5
การดำเนินเรื่อง - 7.8
งานภาพ - 7.5
7.4
Into the Night
มันเป็นมีนิซีรีส์ที่ชวนให้ติดตามอยากรู้เรื่องราวต่อไปจนจบ ด้วยเหตุการณ์เชิงไซไฟที่เขาพยายามเล่าด้วยการมีเหตุผลอ้างอิง แต่คนดูจะต้องผ่านความวุ่นวายของเหล่าตัวละครที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ไปพร้อมๆ กันด้วย