รีวิวซีรีส์ Grid | ลมสุริยะ กับ ผีลึกลับนักย้อนเวลา

ดูเหมือนซีรีส์เรื่องนี้จะไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงกันสักเท่าไหร่ ที่หยิบมาเขียนถึงวันนี้ ก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนเข้ามาอ่านนักเช่นกัน แต่ด้วยความที่เห็นว่ามีแนวทางแตกต่างจากซีรีส์เกาหลีที่ตามชมอยู่ตอนนี้ เลยขอหยิบมาเขียนถึงสักหน่อย มันเป็นซีรีส์ที่มีความยาว 10 ตอน เป็นแนวไซไฟลึกลับ ชื่อสั้นว่า ‘Grid’ และมันฉายอยู่ที่ Disney+ Hotstar

ผลงานการกำกับของ Khan Lee/อีควอน ที่ไม่คุ้นชื่อเท่าไร เพราะเขาเพิ่งมีผลงานกำกับหนังไปเพียงเรื่องเดียว คือ ‘The Divine Move 2: The Wrathful’ และนี่เป็นซีรีส์เรื่องแรกของเขา แต่คนเขียนบทเรื่องนี้ คือ อีซูยอน ที่เคยฝากฝีไม้ลายมือไว้ในซีรีส์ ‘Life’ และ ‘Stranger’ ทั้งสองภาค จึงพอจะรับประกันความสนุกของเรื่องนี้ได้

เรามาเริ่มกันที่เรื่องย่อของซีรีส์เกาหลีเรื่องนี้กันก่อนเลยครับ

เรื่องย่อซีรีส์ ‘Grid’

เหตุการณ์มันเริ่มขึ้นในปี 1997 ครั้งนั้น โลกต้องรับมือกับเหตุลมสุริยะครั้งใหญ่ที่เดินทางมาถึงโลก แต่มนุษยชาติได้เตรียมการไว้แล้ว นั่นคือระบบกริด ที่เป็นเกราะขึงป้องกันโลกไว้ตามแนวเส้นรุ้งเส้นแวงไม่ให้เกิดหายนะ แต่ในเวลาเดียวกันก็เกิดเหตุประหลาด เมื่อพบว่ามีผีลึกลับ (Lee Si Young/อีชียอง จากซีรีส์ ‘Sweet Home’ และ ‘Liver or Die’) ที่ปรากฏตัวและหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ผีตนนี้แหละที่เป็นผู้ก่อตั้งกริดและเป็นผู้เตือนภัยให้มนุษยชาติรู้จักเตรียมการรับมือ และตอนนี้ทางการได้ตั้งทีมขึ้นมาเพื่อค้นหาและจับกุมตัว

คิมแซฮา (Seo Kang Joon/ซอคังจุน จากซีรีส์เรื่อง ‘When the Weather is Fine’ และ ‘Cheese in the Trap’) เขาเป็นเจ้าหน้าที่ประจำกองอำนวยการ สำนักการจัดการแห่งชาติเกาหลี ผู้มีไหวพริบด้านการสืบสวนและความสามารถพิเศษด้านการอ่านปาก ทว่าต้องมาทำงานเช็กข้อมูลข่าวเพื่อตามหาผีสาว ร่วมกับรุ่นพี่อีกคนที่ชื่อ ซงออจิน (Kim Moo Yul/คิมมูยอล จากซีรีส์เรื่อง ‘Juvenile Justice’ และหนังเรื่อง ‘Space Sweepers’) โดยมีหัวหน้าทีมเป็นชเวซอนวุล (Jang So Yeon/จางโซยอน จากซีรีส์เรื่อง ‘Forecasting Love and Weather’, ‘Crash Landing on You’ และหนังเรื่อง ‘Peninsula’)

24 ปีถัดมา เกิดเหตุคนร้ายคิมมานก (Kim Sung Kyun/คิมซองกยุน จากซีรีส์เรื่อง ‘D.P.’, ‘The Fiery Priest’ และ ‘Reply 1988’)​ พลั้งมือสังหารพนักงานร้านสะดวกซื้อตาย และเป็นคิมแซฮาที่เห็นเหตุการณ์ เมื่อตำรวจสาวนักสืบอย่าง จองแซบยอก (Kim A Joong/คิมอาจุง จากซีรีส์เรื่อง ‘Sign’, ‘The Accidental Couple’ และหนังเรื่อง ‘200 Pounds Beauty’) เข้าไปไล่ล่าหวังจับกุมตัว เธอกลับพบว่าเป็นผีสาวตนนั้นที่เข้ามาช่วยเหลือคิมมานกไว้ก่อนจะหายตัวไปต่อหน้าต่อตา เหตุการณ์ประหลาดนี้ทำให้ทั้งคิมแซฮาและจองแซบยอกต้องช่วยกันสืบหาความจริง

แม้จะต้องเจอกับการขัดขวางจากทีมอื่นก็ตาม

รีวิวซีรีส์ ‘Grid’

ความยาวของซีรีส์เรื่องนี้ดูจะแตกต่างจากซีรีส์เกาหลีเรื่องอื่นอยู่สักหน่อย เพราะมันมีความยาว 10 ตอน การมาใหม่สัปดาห์ละตอนอาจทำให้การรอคอยต้องใช้เวลา การเลือกมาดูแบบรวดเดียวจบอาจเป็นหนทางที่ดีกว่า

ซีรีส์เลือกจะเดินเรื่องด้วยการบอกเล่าชะตากรรมของโลกที่ฝากไว้กับระบบกริดที่ต้องใช้การร่วมแรงร่วมใจของทั้งโลก จุดประสงค์เพื่อปกป้องมนุษยชาติไว้จากลมสุริยะที่พัดรุนแรงสุด ช่วงนี้ อาจจะไม่แรงเท่าไหร่ ก่อนจะข้ามมาสู่เวลาในอีก 24 ปีถัดมา เรื่องราวก็เริ่มน่าสนใจมากขึ้น เมื่อเกิดเหตุฆาตกรรมและพระเอกอย่างแซฮาได้บังเอิญไปอยู่ร่วมในเหตุการณ์ ทำให้เราได้เห็นความสามารถพิเศษของชายคนนี้ นั่นคือ การอ่านปาก

และต่อมา เราก็ได้รู้ว่างานของเขาไม่ธรรมดา เขาอยู่ในองค์กรที่มีหน้าที่สืบค้นข่าวที่เกี่ยวผีสาวตนนึงที่แว้บไปแว้บมาในหลายช่วงเวลา และที่ผ่านมา ไม่เคยตามจับได้แม่สักที จนวันที่นักสืบสาวแซบยอกได้พบเจอเข้าจังๆ ต่างคนต่างก็ต้องการสืบหาผีสาวตนนี้ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เมื่อพวกเขาได้รู้ข้อมูลเหล่านี้ ก็กลับกลายเป็นว่า ทีมเขาต้องหยุดทุกอย่างและส่งต่อข้อมูลให้กับอีกทีม

หลังเริ่มต้นได้ดีในช่วงท้ายตอนแรก แต่ช่วงต่อมาก็เริ่มแผ่วไปบ้าง ทว่ายิ่งดูก็กลับยิ่งติดและอยากรู้ตอนต่อไปมากขึ้น ส่วนหนึ่งก็คงเพราะช็อตทิ้งท้ายตอนที่ทำไว้ชวนอยากรู้มากๆ อย่างที่บอกอะแหละ เรื่องนี้ต้องดูยาวๆ ตามทีละตอน ตอนละสัปดาห์ มันน่าเบื่อ

ยิ่งดูก็ยิ่งทำให้รู้ว่า เหตุผลที่แซฮามาทำงานที่นี่นั้นเป็นด้วยเพราะเหตุผลใด เส้นเรื่องที่เดินไปเริ่มจะหันเหจากกริดไปมากขึ้นจนมันกลายเป็นตัวประกอบหนึ่งของเรื่องราว และหันไปให้ความสำคัญกับการย้อนเวลาไปมาของตัวละครมากขึ้น ทั้งเล่นหนักจนบางทียังเกิดคำถามในใจถึงความสมเหตุสมผลของมัน

การย้อนเวลานั้นมันย่อมส่งผลถึงการเปลี่ยนอนาคตเสมอ แต่บางครั้งก็ชวนสงสัยว่า ถ้าเราย้อนตัวเองไปมาแล้วเข้าบ้านตัวเอง เราควรจะเจอตัวเองในเวลานั้นบ้างไหม หรือเราในช่วงเวลานั้นจะหายไปและเหลือเพียงคนเดียวงั้นหรือ? อะไรแบบนี้เป็นต้น

แต่หลายจุด ซีรีส์ก็พยายามจะตอบคำถามในใจเราอยู่เช่นกัน

บางคำถามอาจจะใช้เวลาเนิ่นนานกว่าจะรู้คำตอบ ดูท่าทางคนเขียนบทก็พยายามอยู่เช่นกันที่จะทำให้มันมีคำตอบในทุกการกระทำของตัวละคร แต่ด้วยความที่มันเล่นกับการย้อนเวลา ความละเอียดจึงต้องไปถึงขั้นสูงสุด การจะทำให้ได้แบบนั้นมันคงยากเอาการอยู่ ซีรีส์จึงมีหลุดจุดเล็กจุดน้อยไปตามรายทาง

กระนั้นก็ยังถือว่ามันดำเนินเรื่องได้น่าติดตามพอสมควร และซีรีส์ก็มีเพียง 10 ตอนเท่านั้น แถมมาสัปดาห์ละตอนจึงต้องใช้เวลา ทางที่ดี ดูตอนมันมาครบ 10 ตอนจะดีที่สุดครับ

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์

ขอขอบคุณภาพจาก: Disney+ Hotstar