ไม่ว่าจะมีชีวิตเป็นคนในวงการบันเทิงหรือไม่ก็ตาม ที่จริงแล้ว เราต่างคนต่างก็พบว่าไม่สามารถพูดความจริงได้ตลอดเวลา บางครั้ง เราก็จำเป็นต้องพูดหรือแสดงออกบางสิ่งที่ไม่ตรงกับใจ ด้วยหลากหลายสาเหตุ เช่นอาจต้องการสร้างภาพพจน์ที่ดีในสายตาคนอื่น หรืออาจเพียงเพื่อรักษาน้ำใจคนรอบข้าง แต่ถ้าวันนึง เราเกิดอุบัติเหตุจนไม่สามารถยับยั้งคำพูดตัวเองได้ล่ะ ผลมันจะเป็นอย่างไร บทบาทของพระเอกในซีรีส์ ‘Frankly Speaking’ หรือชื่อไทย ‘พูดตรงๆ คงต้องรัก’ เรื่องนี้คงสะท้อนได้อย่างดีเลยครับ
เรื่องราวในแวดวงทีวี ข่าวและวาไรตี้ ในซีรีส์ ‘Frankly Speaking’
ในซีรีส์เกาหลีเน็ตฟลิกซ์เรื่องนี้ จะเล่าถึง ซงกีแบค (โกคยองพโย จากซีรีส์ ‘D.P. Season 2’) หนุ่มโสดวัย 33 ปีที่ทำงานเป็นผู้อ่านข่าวเที่ยง ภาพลักษณ์ดี เป็นผู้ชายที่สุภาพและนิสัยดี เขามีความมุ่งหมายอยากจะก้าวหน้าไปเป็นผู้ประกาศข่าวหลักของสถานี แต่หายนะกลางรายการสดก็ทำให้เขาต้องตกที่นั่งลำบาก จนเมื่อเขาได้มารู้จักกับ อนอูจู (คังฮันนา จากซีรีส์ ‘Start-Up’ ) หญิงสาวนักเขียนของรายการวาไรตี้จอมกระตือรือร้นที่อยู่ตึกเดียวกัน จากนั้น เขาก็พบว่าเธอดูมุ่งมั่นอยากให้เขาเข้ามาอยู่ในรายการวาไรตี้ของเธอซะเหลือเกิน
แต่การที่สองคนนี่ได้มาทำงานร่วมกัน มันได้พาให้เขาไปพบกับอุบัติเหตุอย่างไฟฟ้าช็อต และทำให้เขามีอาการที่แปรเปลี่ยนไป เขากลายเป็นคนที่ไม่สามารถยับยั้งคำพูดของตนเองได้ เขาจะหลุดพูดทุกสิ่งตรงกับที่ใจคิด แน่นอนว่ามันก็ทำให้เขาต้องเจอวิกฤตครั้งใหญ่ในชีวิตด้วย
ชีวิตของนักเขียนบทที่กำลังดิ้นรน กับผู้ประกาศข่าวที่กำลังตกกระป๋องมาเจอกัน โดยมีชายหนุ่มอีกคนเข้ามาร่วมวง คิมจองฮอน (จูจงฮยอก จากซีรีส์ ‘Extraordinary Attorney Woo’) หนุ่มนักร้องเพลงทร็อตชื่อดังที่ชีวิตกำลังรุ่งคนนี้ แท้ที่จริงเขาเป็นแฟนเก่าของนักเขียนอนอูจูนั่นเอง
พาเราไปอยู่ในชีวิตการทำงานของคนทีวี
ชีวิตการทำงานที่นั่น เอาจริง ก็คงไม่ได้ต่างกับการทำงานที่อื่นๆ มากนักหรอก ตัวเอกของเรื่องต่างก็มีปัญหาเป็นของตนเอง อนอูจู เป็นนักเขียนบทรายการวาไรตี้ที่ต้องทำทุกหน้าที่นอกเหนือจากการเป็นนักเขียนบท จนเธอมองตัวเองเป็นคนใช้ อยู่ชั้นต่ำสุดของสังคมคนทีวี ขณะที่ ซงกีแบค เขาใฝ่ฝันอยากจะเป็นผู้ประกาศข่าวหลักของช่อง ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ไปถึงจุดนั้นได้ แต่ก็เหมือนโชคชะตากลั่นแกล้งให้ต้องหลุดร่วงจากวงโคจร
ความจริงแล้วนักเขียนบทอูจู ก็มีประสบการณ์ในด้านนี้มายาวนาน 12 ปี แต่ดูเหมือนประสบการณ์จะไม่ค่อยช่วยเธอเท่าไหร่นัก ด้วยเพราะรายการวาไรตี้ทั้งหลายนั้น เรตติ้งคือตัวชี้วัด ต่อให้พยายามทำงานอย่างหนักตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบแล้วก็ตาม ถ้าเรตติ้งรายการไม่ดี ก็ต้องมีอันถูกถอดไป นอกจากนี้ โชคชะตาพาเธอไปข้องเกี่ยวกับซงกีแบคจนทำให้พฤติกรรมเขาแปรเปลี่ยน ไม่พอ ยังต้องมาเจอว่า อีฮายอง อดีตน้องเล็กในทีม เธอกลับเข้ามาและกลายเป็นนักเขียนรองแต่ดันเงินเดือนมากกว่า นี่แหละชีวิตของนักเขียนอูจู
ด้านกีแบค ใครๆ ก็มองว่าเขาโปรไฟล์ดี บ้านรวย อยู่อพาร์ตเมนต์หรูหรา แต่ที่จริงไม่ใช่เลย เขาเป็นลูกชายของครอบครัวยากจนที่อาศัยอยู่กับร้านทำผม อพาร์ตเมนต์หรูนั่นก็ไม่ใช่ของเขา เป็นของพี่คนนึงที่เพิ่งกลับมาเกาหลี และทำให้เขาต้องชิ่งกลับมาอยู่ในห้องใต้หลังคาของบ้านตัวเอง ในที่ทำงาน หลังเจอวิบากกรรมออกอากาศสด ชีวิตของการเป็นผู้ประกาศข่าวก็พังไม่เป็นท่า แถมยังกลายเป็นพวกพูดไม่คิด มีสวิตช์ในตัว โอย..น่าสงสาร
ในซีรีส์เรื่องนี้ จะพาคนดูไปเจอกับคนทีวีหน้าที่ต่างๆ ทั้งทีมทำรายการวาไรตี้ ว่าพวกเขาแบ่งหน้าที่กันยังไง ไปรู้จักกับรายการเรียลลิตี้ออกเดตที่นางเอกปลุกปั้น แคสติ้งคนมาร่วมรายการ ขับเคี่ยวกับนักเขียนรุ่นน้อง เจอหน้ากับจองฮอน นักร้องเพลงทร็อตชื่อดัง ลูกเขยแห่งชาติและแฟนเก่าที่เสนอตัวมาอยู่ในรายการของเธอ
คนเราทั้งจริงใจและโกหกอยู่ตลอดเวลา
“ผมจะรายงานข่าวด้วยความสัตย์จริงและไม่โกหกผู้ชมทุกท่านเด็ดขาดครับ”
ภาพลักษณ์ บุคลิกภาพ เป็นสิ่งที่สำคัญกับซงกีแบค เป็นเกราะชั้นดีที่ทำให้ใครต่างก็ทำดีกับเขา และนั่นก็ทำให้เขาต้องอยู่กับคำโกหกมาตลอด แต่แล้วก็เหมือนถูกทำโทษที่ต้องมาเจอไฟช็อตแล้วพฤติกรรมเปลี่ยน เขากลายเป็นคนพูดตามที่ใจคิดจนก่อปัญหาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่ความสัมพันธ์ของเขากับนักเขียนอูจูก็ค่อยๆ ก้าวหน้าไป และเธอก็ตั้งใจพาเขากลับเข้าสู่ลู่ทาง ชักชวนเขาเข้าร่วมในรายการเรียลลิตี้ออกเดตที่เธอเป็นมือเขียนบทอยู่
กีแบคเองก็พบว่าเมื่อมีอูจูอยู่ด้วย อาการของเขาจะหายไป เธอจึงเป็นเหมือนสวิตช์ให้กับเขา ข้อมูลอีกอย่างก็คือเมื่อใดที่เขาจาม อาการไม่พึงประสงค์นั้นจะกำเริบอีกครั้งทันที ทำให้การเข้าร่วมรายการเรียลลิตี้ออกเดตไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนจะอาการพูดไม่คิดที่เป็นระเบิดเวลา ไหนจะพบว่ารายการเรียลลิตี้ออกเดตมันก็คือรายการบันเทิงที่เติมไปด้วยเรื่องไม่จริง แต่ก็นั่นแหละ กีแบคก็ไม่รู้ว่าอาการนี้มันจะหายไปเมื่อไหร่ แต่สิ่งที่เขาต้องทำคือการปรับตัวอยู่กับอาการนี้ เพื่อหาจุดลงตัวให้กับตนเอง แทนที่จะเอาแต่รอให้อูจูมาปิดสวิตช์ให้แต่เพียงถ่ายเดียว
บทซีรีส์พาเราไปพบกับเบื้องหน้าและเบื้องหลังการทำรายการแนวยอดนิยมอย่าง “เรียลลิตี้ออกเดต” ที่จับเอาชายหนุ่มผู้รักในการรายงานความจริงไปออกเดตกับสาวๆ ต้องทำทีเป็นสนใจทั้งที่ไม่ได้คิดอะไร ความขัดแย้งในใจปะทะเรื่องราวภายนอก เขาต้องถ่ายทำต่อหน้านักเขียนหลักที่ต่างฝ่ายต่างมีใจให้กัน แถมยังต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เป็นแฟนเก่าของเธอ และเป็นเพื่อนสมัยเรียนของเขาอีกต่างหาก
ถ้าสังเกตดูก็จะพบว่า บทมันเล่นเรื่องการพูดจริงและโกหกในสถานการณ์ต่างๆ ตัวละครต้องรับความจริงให้ได้ว่าคนรอบข้างไม่ได้จริงใจกับพวกเขาเสมอไป แม้แต่กับตัวเอง เรามักบอกว่าไม่เป็นอะไรทั้งที่ในใจปวดร้าว อีกอย่างคือ การที่คนเราคบหาจนสนิทสนมกัน ไม่จำเป็นต้องปิดบังความรู้สึกข้างใน เราควรสบายใจที่จะพูดความจริงต่อกัน
“ถ้าคุณโอเคก็บอกว่า โอเค ถ้าไม่โอเคก็บอกว่าไม่โอเคได้นะครับ”
คือซีรีส์ที่ให้กำลังใจผู้คน
เมื่อนั่งดูไปเรื่อยๆ เราก็จะยิ่งพบว่า แต่ละตัวละครในซีรีส์เรื่องนี้ล้วนแต่มีปัญหาเป็นของตัวเอง ดูภายนอกผิวเผิน ใครก็อาจคิดว่า เขาและเธอดูมีชีวิตที่ดี ไม่ได้เจ็บปวดหรือกระเสือกกระสนอะไร แต่ที่จริงแล้ว พวกเขาต่างก็แสร้งทำเป็นไม่เป็นอะไร ซ่อนตัวอยู่ภายใต้หน้ากาก เก็บงำปัญหาไม่ให้ใครล่วงรู้ แม้จะเป็นคนใกล้ตัวใกล้ใจเพียงใดก็ตาม
นั่นแหละ ทำให้สัมผัสได้ว่ามันตั้งใจจะให้กำลังใจผู้คน ไม่ว่าพวกเขาจะเจอะเจอะอะไร ก็ไม่อยากให้สิ้นหวัง รันทด หรือท้อไประหว่างการเดินทาง อยากให้พวกเขามีพลังใจมากพอจะลุกขึ้นมาใหม่อีกครั้งได้เสมอ
บางคนอยู่ในแวดวงบันเทิง มีเรื่องภาพพจน์ที่ต้องรักษา ซึ่งบางครั้งก็ต้องปกปิดความจริง แวะไปร่วมรายการเรียลลิตี้ ผู้เข้าร่วมรายการต้องแสร้งว่าชมชอบอีกคน ทุกอย่างเหมือนจะไม่มีสคริปต์ แต่ก็ไม่ใช่จะไม่มี บ้างต้องรับมือกับความคาดหวังที่วันหนึ่งก็แปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชัง เพียงเพราะเขาไม่เป็นอย่างที่คนคาดคิด ในบางสถานการณ์ เราไม่สามารถจะพูดความจริงได้เสมอไป บางคนโด่งดังขึ้นมาจนมีแฟนคลับที่รักมากไปจนทำร้ายคนอื่น ทำให้จะพูดอะไรก็ต้องระวังปาก
ชีวิตบางคน เหมือนเดินอยู่บนเส้นด้าย มีโอกาสต้องคว้าไว้ ทำพลาดนิดเดียวมีจบเห่ อย่างชีวิตของนักเขียนอนอูจู ที่เกิดมากำพร้าเพราะแม่ที่ทิ้งไปตั้งแต่เด็ก แต่เธอก็เติบโตมากับคนที่ไม่ใช่แม่แท้ๆ ของตัวเอง
ด้านซงกีแบค เขาเติบโตมาในครอบครัวที่มีค่อนข้างยากจน บ้านก็อาศัยอยู่ชั้นบนในบ้านของแม่อูจู ประกอบอาชีพขายเครื่องสำอาง แต่เดิมพ่อก็เคยทำธุรกิจ แต่กิจการของพ่อก็เจ๊งอยู่บ่อยๆ ก่อนจะมาประสบอุบัติเหตุ ครอบครัวเลยยิ่งยากจนลง กีแบคเลยกลายเป็นคนหารายได้หลักของทั้งครอบครัว แม้จะหัวดีแต่ก็ต้องย้ายโรงเรียนหนีหนี้อยู่บ่อยๆ แต่ถึงอย่างนั้น ครอบครัวนี้ก็ไม่เคยระบายอะไรให้กันฟังอย่างเปิดอกเลยสักครั้ง
ดูละครแล้วก็ย้อนดูตัวเอง มนุษย์เป็นสัตว์สังคม ทุกวันที่เราต้องติดต่อกับผู้คน ล้วนต้องสวมหน้ากากเข้าหากันเป็นปกติอยู่แล้ว จนเราไม่อาจจะเชื่อใจใครได้อย่าง 100% ขนาดคนในครอบครัว เพื่อนที่เราคิดว่าสนิท ก็ยังถูกหลอกกันได้เลย นั่นแหละ ผมถึงได้ตั้งหัวข้อของบทความนี้ว่า
“มีใครในโลกนี้ไม่สวมหน้ากากบ้างล่ะ?”
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | Frankly Speaking / พูดตรงๆ คงต้องรัก / No Secret / 비밀은 없어 |
ผู้กำกับ | Jang Ji Yeon/จางจียอน |
ผู้เขียนบท | Choi Kyung Sun/ชเวคยองซอน |
นักแสดง | Go Kyung Pyo/โกคยองพโย, Kang Han Na/คังฮันนา, Joo Jong Hyuk/จูจงฮยอก |
แนว/ประเภท | คอมเมดี้, ดราม่า, โรแมนติก |
จำนวนตอน | ซีซัน 1: 12 ตอน |
ช่องทางรับชม | Netflix |
เริ่มออกอากาศ | 1 พฤษภาคม – 6 มิถุนายน 2024 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | JTBC, Netflix |