เรื่องราวเกี่ยวกับความรักในครอบครัวนั้นถือเป็นสิ่งธรรมดาที่ถูกนำมาบอกเล่าในหนังและซีรีส์ส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะด้วยความใกล้ตัว จับต้องง่าย หรืออะไรก็ตาม แต่ละเรื่องก็มีจุดเด่นเป็นของตนเอง อย่างเช่นลิมิตซีรีส์เรื่องนี้ ‘Eric’ หรือชื่อไทย ‘เอริค’ ที่บอกเล่าเรื่องของครอบครัวหนึ่งและลากดึงเอาเรื่องอื่นข้องเกี่ยวในสังคมเข้ามาด้วย
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
ลิมิเต็ดซีรีส์ความยาว 6 ตอน ที่เล่าเรื่องของนิวยอร์กในยุค 80’s ที่เต็มไปด้วยปัญหาสารพัน โดยหยิบเอาปัญหาลูกชายที่หายตัวไปของนักเชิดหุ่นมาเป็นแกนกลาง และเปิดโปงทุกปัญหาสังคมในเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็น เรื่องการทะเลาะของคู่สามีภรรยา เรื่องสุขภาพจิต ปัญหาเด็กหาย-ใคร่เด็ก การเหยียดผิว-เหยียดเพศ รวมไปถึงปัญหาเรื่องแหล่งเสื่อมโทรมที่ฝ่ายบริหารเมืองเลือกจะกวาดล้างแทนที่จะฟื้นฟู ทุกอย่างอัดแน่นรวมอยู่ในซีรีส์เรื่องเดียว
นอกจากนี้ ยังมีแฟนตาซีที่ให้ตัวเอกที่เป็นพ่อนักเชิดหุ่น เกิดสติหลุดมองเห็นเอริค สัตว์ประหลาดตัวใหม่ที่ได้ไอเดียมาจากลูกชายที่หายตัวไป มันกลายเป็นซีรีส์ที่เดินเรื่องและมีหลากหลายแง่มุมให้ชวนติดตาม และบางช่วงเวลาก็ยังพาน้ำตาซึมได้อีกด้วย
เรื่องย่อซีรีส์ ‘Eric’
วินเซนต์ แอนเดอร์สัน (Benedict Cumberbatch จากหนังเรื่อง ‘The End We Start From’) นักเล่นหุ่นเชิดในรายการทีวี กู๊ดมอร์นิ่งซันไชน์ รายการที่ยอดคนดูกำลังลดลงทุกวัน และเขาก็กำลังร่วมมือกับเลนนี่หาทางปรับปรุงรายการอยู่ เพียงแต่มันเกิดเหตุการณ์ร้ายแรงบางอย่างขึ้นกับเขาและแคสซี่ (Gaby Hoffmann จากหนังเรื่อง ‘C’mon C’mon’) ภรรยาของเขา
หลังคืนที่สองผัวเมียมีปากเสียงกันอย่างหนัก เช้าวันต่อมา สองคนเกี่ยงที่จะเดินไปส่ง เอ็ดการ์ (Ivan Morris Howe) ลูกชายวัยเก้าขวบที่โรงเรียน ก่อนที่จะพบว่า เอ็ดการ์ ได้หายตัวไป ส่งผลให้พวกเขาได้เจอกับ ไมเคิล ‘ไมกี้’ เลอดรอยด์ (McKinley Belcher III จากซีรีส์ ‘Ozark’) ตำรวจสายสืบผิวดำที่มาตามสืบคดี
วินเซนต์และแคสซี่เริ่มจะตามหาลูกชายกันคนละทาง ในขณะที่แคสซี่แอบมีความสัมพันธ์แบบลับๆ กับชายหนุ่มอีกคน วินเซนต์ก็เริ่มสติหลุด และเขาก็พยายามจะสร้าง เอริค สัตว์ประหลาดตัวใหม่ตามไอเดียของเอ็ดการ์ลูกรัก ด้วยหวังว่าถ้าลูกได้เห็นมัน เขาจะกลับมาบ้านอีกครั้ง
รีวิวซีรีส์ ‘เอริค’
เราไม่รู้หรอกนะว่าความสัมพันธ์ของผัวเมียที่เลวร้าย จะกลายเป็นสาเหตุให้บ้านแตกได้หรือไม่ในซีรีส์เรื่องนี้ แต่สัญญาณหลายๆ อย่างที่ปรากฏออกมา มันไม่ค่อยจะดีเลย ไหนจะเรื่องที่ผัวเมียชอบทะเลาะกันให้ลูกเห็นอยู่บ่อยๆ ไหนจะเรื่องเมียที่แอบมีความสัมพันธ์อดีตลูกศิษย์ แล้วไหนจะผัวที่เคยมีอาการสติหลุดจนมองเห็นเจ้าตัวประหลาดที่ชื่อเอริคนั่นอีก
เริ่มต้นเราได้รู้จักกับ วินเซนต์ ชายวัยกลางคนที่เป็นตัวหลักในการสร้างรายการทีวีแนวเชิดหุ่นขวัญใจเด็กๆ แต่ก็ดูเหมือนเรตติ้งที่ชักจะตกต่ำ จนรายการเริ่มจะอยู่ไม่รอด ทีมงานต้องร้อนคนหาทางปรับเปลี่ยน สร้างจุดขายใหม่ไปพรีเซนต์เจ้าของทุน ขณะเดียวกัน วินเซนต์ก็ได้ไอเดียของหุ่นตัวใหม่จากเอ็ดการ์ผู้เป็นลูกชาย แต่ทว่าเพียงหนึ่งวันหลังทะเลาะกันหนักหน่วงกับภรรยา วันต่อมา เอ็ดการ์ก็หายตัวไป
แต่มันก็ไม่ได้มีแค่เรื่องครอบครัวผสมแฟนตาซีเท่านั้น เพราะมันยังเล่าไปถึงแง่มุมทางสังคมของยุค 80’s ในนิวยอร์กด้วย
ในช่วงเวลานั้น เทคโนโลยีอะไรก็ยังได้ก้าวหน้าเท่ายุคปัจจุบัน การสืบหาคนหายจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ตำรวจหนุ่มผิวดำอย่างไมกี้ ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการสืบค้นหาความจริง ก่อนจะพบว่า มันมีอะไรที่ซับซ้อนกว่าผุดตามออกมา
ลิมิเต็ดซีรีส์ความยาว 6 ตอน อัดรวมทุกปัญหาในยุค 80’s เข้าไว้ด้วยกัน ทั้งเรื่องความคิดอคติต่อคนผิวดำ ปัญหากลุ่มคนพวกใคร่เด็ก ชุมชนคนจรจัดที่อาศัยอยู่ใต้ดิน แหล่งเสื่อมโทรมและการกวาดล้างเมืองหรือที่เรียกอีกอย่างว่า “จัดระเบียบเมือง” พฤติกรรมรักร่วมเพศที่กลายเป็นที่รังเกียจ ไม่ก็เป็นหัวข้อให้ซุบซิบและล้อเลียนขำๆ กัน แล้วก็ยังมีเรื่องยาเสพติด เรื่องสุขภาพจิต รวมทั้งรายการทีวีหุ่นเชิดที่บุคคลต้นคิดและสร้างสรรค์มันขึ้นมาถูกเตะกระเด็นจนมีสภาพเหมือนคนจรจัด
ใช่แล้ว ซีรีส์แนวดราม่าเด็กหายเรื่องนี้ มันมีความแฟนตาซีก็ต้องตรงที่ วินเซนต์มองเห็นเอริค สัตว์ประหลาดตัวโตขนฟูเสียงต่ำ เขาพูดคุยและทะเลาะกับมันอยู่คนเดียว คนอื่นไม่เห็น ซึ่งที่จริงมันก็คือตัวของเขาเองนั่นแหละ ความจริงอีกด้านคือเขาต้องการสร้างหุ่นตัวนี้ขึ้นมาตามจินตนาการของเอ็ดการ์ ด้วยความหวังว่า เมื่อลูกเห็นเอริคในทีวีแล้ว ลูกจะกลับมา แต่เขากลับกลายเป็นคนขี้เหล้าไปแทน
อีกด้านหนึ่ง มันก็เป็นซีรีส์แนวสืบสวน มีตัวละครเป็นสายสืบผิวดำอย่างไมกี้ ที่ชอบจะสืบคดีด้วยการแอบบันทึกเทป เขาพยายามสืบความจริงของเด็กผิวดำอีกคนที่หายไปเมื่อ 11 เดือนก่อนเช่นกัน บทซีรีส์พาเรื่องการเหยียดผิวใส่เข้ามาตรงนี้ แม่ของเด็กผิวดำคนนั้นถึงกับตัดพ้อเลยว่า ข่าวและคดีเด็กผิวขาวหายได้รับความสนใจมากกว่า สะท้อนการตอบรับของสังคมอเมริกันในเวลานั้นได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ก็ยังเล่าถึงหน่วยปกครอง เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ดูจะไม่แข็งขันในการทำงานเพื่อสังคมสักเท่าไหร่ พวกเขาคิดจะกวาดล้างพื้นที่ใต้ดิน ด้วยคำว่า ‘จัดระเบียบ’ แต่ไม่ได้ตั้งใจจะแก้ไขหรือช่วยเหลือพวกเขาสักเท่าไหร่ แถมยังมีพฤติกรรมย่ำแย่ด้วยซะอีก
เบเนดิกต์ แปรเปลี่ยนตัวเองเป็นผู้ชายปากแซ่บที่เริ่มจะแปรเปลี่ยนเป็นพวกขี้เหล้าเมายา สติหลุดจนมองเห็นเอริค แถมคุยกับมันได้จนคล้ายเป็นคนบ้า เรื่องความสามารถทางการแสดงนั้นโดดเด่นไม่มีใครเถียงกันอยู่แล้ว แต่กลับพบว่า ตัวละครสายสืบผิวดำที่ แมคคินลีย์ เบลเชอร์ ที่ 3 สวมบทบาทนั้นกลับเป็นตัวละครที่มีหลายเลเยอร์น่าสนใจยิ่งกว่า เพราะนอกจากเขาจะเป็นตำรวจผิวดำที่ตามสืบคดีเด็กหายแล้ว เขาก็ยังเป็นหนุ่มผิวดำที่มีพฤติกรรมเป็นเกย์ด้วย ด้านเรื่องราว มันออกไปทางสืบสวน ทำให้คนดูก็อยากรู้เหมือนกันว่า ตกลงแล้ว เด็กหายไปไหน และจะหาเด็กได้ในสภาพที่ยังมีลมหายใจอยู่หรือไม่
พร้อมกับบทที่ลากมาหมดทุกปัญหาสังคมในช่วงเวลานั้น (ซึ่งมันก็ยังไม่ได้หายไปในกาลปัจจุบันหรอกนะ) ทุกอย่างเล่าจนจบได้ใน 6 ตอน ถือว่า กำลังพอดี ไม่ต้องมีเวลาในเยิ่นเย้อกัน ถือเป็นอีกหนึ่งซีรีส์ใน Netflix ที่น่าติดตาม
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | Eric / เอริค |
ผู้สร้าง | Abi Morgan |
ผู้กำกับ | Lucy Forbes |
ผู้เขียนบท | Abi Morgan |
นักแสดง | Benedict Cumberbatch, Gaby Hoffmann, Ivan Morris Howe, McKinley Belcher III, Dan Fogler |
แนว/ประเภท | อาชญากรรม, ดราม่า, ระทึกขวัญ |
จำนวนตอน | ซีซัน 1: 6 ตอน |
ช่องทางรับชม | Netflix |
เริ่มออกอากาศ | 30 พฤษภาคม 2024 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Atlantic Pictures, BCD Travel, Little Chick |