ช่วงปลายปีแบบนี้ ดูเหมือนจะมีซีรีส์เกาหลีให้ชมกันมากเป็นพิเศษ จนเรียกได้ว่าสลับแพลตฟอร์มไปมาเป็นว่าเล่น ของ Prime Video ก็ดูเหมือนจะค้นพบเรือธงลำแรกของตนเองแล้ว กับเรื่องนี้ ‘Death’s Game’ ชื่อไทย ‘เกมท้าตาย’ ที่สร้างจากเว็บตูน กับพล็อตคนฆ่าตัวตายแต่ความตายเอาคืน ส่งให้เขาไปตายอีก 12 ครั้ง ถ้าเลี่ยงความตายไม่ได้ เขาจะต้องไปนรก
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
เนื้อเรื่องเหมือนต้องการพุ่งประเด็นไปที่กลุ่มคนที่สิ้นหวังและคิดหาทางฆ่าตัวตาย ไถ่ถามพวกเขาว่า รู้บ้างไหมว่าเขากำลังทำบาปอะไรลงไปบ้าง อาจเพราะสถิติการฆ่าตัวตายในเกาหลีค่อนข้างสูง และมองว่าความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของอีกสิ่ง เรื่องราวมันเป็นแฟนตาซี ที่เล่าเรื่องดาร์กๆ ให้กลายเป็นแฟนตาซีลุ้นตายในหลากรูปแบบ ทั้งยังเปิดให้ชักชวนนักแสดงมาร่วมงานได้อย่างคับคั่ง เรื่องราวที่เดินไปแบบไม่เหมือนกันสักครั้ง หลากรสไม่พอ มันยังเต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์ที่พร้อมจะชวนผู้ชมให้อึ้งได้ทุกเวลา แม้จะมีเวอร์บ้างอะไรบ้าง แต่ถือเป็นความบันเทิงที่ซีรีส์เกาหลีเรื่องหนึ่งจะสร้างให้กับผู้ชมได้
และแน่นอนว่า ผู้ชมที่ผ่านครึ่งแรก ต้องรอคอยที่จะได้ดูครึ่งหลังอย่างใจจดจ่อ
เรื่องย่อซีรีส์ ‘Death’s Game’
ชเวอีแจ (Seo In Guk/ซออินกุก จากซีรีส์ ‘Doom at Your Service’ และ ‘Cafe Minamdang’) เขาคือชายหนุ่มผู้เติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน แต่ด้วยความมองโลกในแง่ดี ทำให้เขายังดำเนินชีวิตต่อไปได้ แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ นานาอย่างเช่น ติดเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา เจอปัญหาโควิด-19 ทำให้ต้องมีชีวิตที่กระเสือกกระสนตามล่าหางานยาวนานถึง 7 ปี แล้วก็มาพบว่าตัวเองกำลังหมดเนื้อหมดตัวเพราะเพื่อนเอาเงินไปลงทุนปั่นหุ้น
ส่วนสัมภาษณ์งานในบริษัทใหญ่ที่วาดหวังไว้ก็ไม่ผ่าน ถูกไล่ออกจากห้องเช่าบนดาดฟ้า แถมเขายังจำใจต้องเลิกรากับ อีจึซู (Ko Yoon Jung/โกยุนจอง จากซีรีส์ ‘Alchemy of Souls: Light and Shadow’ และ ‘Moving’) แฟนสาวที่เคยลำบากกับอีแจมายาาวนานอีก เขารู้สึกสิ้นหวังสุดกำลัง จึงเลือกที่จะโดดตึกตาย แต่กลับพบว่าความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุด
กลายเป็นว่าอีแจได้เจอกับ ความตาย (Park So Dam/พัคโซดัม จากซีรีส์ ‘Record of Youth’ และหนังเรื่อง‘Special Delivery’) ที่เสนอบทลงโทษให้เขา หลังคำพูดสุดท้ายที่ปรามาสว่า ความตายคือเครื่องมือกระจอก ความตายจึงกำหนดให้เขาต้องเล่นเกม ที่เขาจะต้องตายอีกทั้งหมด 12 ครั้ง และทุกครั้งเขาจะตื่นขึ้นมาในร่างที่กำลังจะตาย ถ้าเขาสามารถหลีกเลี่ยงความตายในครั้งไหนได้ ก็จะได้ใช้ชีวิตที่เหลือในร่างนั้น แต่ถ้ายังไม่สำเร็จอีก เขาก็จะต้องไปนรก
รีวิวซีรีส์ ‘เกมท้าตาย’
ซีรีส์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากเว็บตูน เรื่องราวมันจึงค่อนข้างหลุดโลกไปพอประมาณ แต่มันก็เป็นพล็อตที่ทำให้เรื่องราวมันใหญ่โต ต้องใช้โปรดักซันระดับบิ๊ก มีทั้งซีจีที่อลังการ และก็มีทีมนักแสดงมีชื่อเสียงจำนวนมาก มันจึงกลายเป็นโปรเจ็กต์ใหญ่ที่น่าจะทำให้สตรีมมิ่งแพล็ตฟอร์มอย่าง Prime Video ได้มีคอนเทนต์ซีรีส์เกาหลีเรือธงกับเขาสักที
หลังจากชเวอีแจเลือกจบชีวิตตนเองด้วยการดิ่งลงมาจากตึกสูง เขาได้พบกับความตายที่มาเจอเขาในร่างของหญิงสาวคนหนึ่ง และเขาก็ได้สำเหนียกว่า แท้จริงแล้ว ความตายสำหรับเขาคือจุดเริ่มต้น มันหาใช่เครื่องมือกระจอกๆ และหาใช่หนทางแห่งการหลุดพ้นจากปัญหารุมเร้าทั้งปวง และตอนนี้ กระสุนทุกเม็ดที่ความตายยิงใส่จะส่งให้เขาไปอยู่ในร่างของมนุษย์ที่ใกล้ตายทุกคน
และมันก็ทำให้แค่ 4 ตอนแรกก็เจอนักแสดงที่คุ้นหน้าคุ้นตาไปอย่างเพียบแล้ว ทั้ง คิมจีฮุน (จากเรื่อง ‘The Flower of Evil’), ชเวซีวอน (จาก ‘Love Is for Suckers’), ซองฮุน (จาก ‘Woori the Virgin’), คิมคังฮุน (จาก ‘Racket Boys’), จางซึงโจ (จาก ‘The Good Detective’), อีแจอุค (จาก ‘Alchemy of Souls’), อีโดฮยอน (จาก ‘The Glory’), โกยุนจอง (จาก ‘Alchemy of Souls’), คิมแจอุค (จาก ‘Her Private Life’) และ โอจองเซ (จาก ‘Revenant’)
ดูๆ ไปแล้ว แต่ละคาแรกเตอร์ที่ใกล้ตาย ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เผชิญกับความสิ้นหวัง ส่วนใหญ่เกิดมายากจน จนกลายเป็นว่าเงินคือเป้าหมายสำคัญที่สุดในชีวิตไป ฆ่าแกงกันก็เพราะเงิน รับผิดแทนกันก็เพราะเงิน พยายามดิ้นรนเพื่อชีวิตใหม่ก็เพราะเงิน
เริ่มต้นด้วยชีวิตแรก พัคจินแท (Choi Si Won/ชเวซีวอน) ทายาทของแทคังคอร์ปอเรชั่น บริษัทยักษ์ใหญ่ที่อีแจพากเพียรอยากจะเข้าไปทำงานซะเหลือเกิน ก่อนที่ต่อมาจะเป็น ซงแจซอบ (Sung Hoon/ซองฮุน) ชายผู้ยอมเสี่ยงตายด้วยการดิ่งพสุธาไร้ร่มชูชีพ แลกกับเงินก้อนใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนไปให้ความสนใจกับเรื่องเด็กนักเรียนที่ถูกบูลลี่ในโรงเรียน ควอนฮยอกซู (Kim Kang Hoon/คิมคังฮุน) คือเด็กมัธยมที่ทำให้เขานึกถึงชีวิตของตนเอง จากนั้นก็ไปเป็น อีจูฮุน (Jang Seung Jo/จางซึงโจ) นักเลงที่ยักยอกเงินของขาใหญ่เพื่อหนีไปมีชีวิตของตนเอง ก่อนไปอยู่ในร่างของ โจแทซัง (Lee Jae Wook/อีแจอุค) นักโทษที่ใกล้ออกจากคุก เป็นเด็กทารกที่ถูกทารุนกรรม และเป็น จางกอนอู (Lee Do Hyun/อีโดฮยอน) นายแบบชื่อดัง
ซีรีส์ยังพูดถึงการใช้ความรุนแรงและกำลังเพื่อแก้ปัญหา ไม่ว่าจะในวัยเรียน ในสังคม หรือแม้กระทั่งในคุก เล่าถึงนักเลงที่สังหารคนมานับไม่ถ้วนและต้องเผชิญกับการถูกตามล่า นักสู้เอ็มเอ็มเอที่กลายเป็นเป็นนักโทษในคุก ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำผิดแต่ยอมติดคุกเพื่อแลกกับเงิน
หนังมีความแฟนตาซีอยู่ในตัวอยู่แล้ว ตรงที่มันเล่าเรื่องของชีวิตหลังความตาย เขียนให้ความตายมีชีวิตเป็นเหมือนทูตตนหนึ่ง ที่สามารถลงโทษคนฆ่าตัวตายด้วยการให้ไปอยู่ในร่างคนใกล้ตายเพื่อจะตายได้อีก 12 ครั้ง ทั้งยังมีความเป็นเกม ตรงที่เมื่อเข้าไปอยู่ในร่าง ก็จะเด๋อด๋าไม่รู้อะไรเลย จนได้พบกับ “อัญมณีอัปสกิล” ที่จะมีข้อมูลและความสามารถของร่างนั้นแถมมาให้ แต่ก็นั่นแหละ ดูเหมือนอัญมณีจะชอบกั๊กบอกไม่หมด ทำให้อีแจไม่พ้นต้องตายแบบคาดไม่ถึงไปซะทุกที
นอกจากนี้ ก็ยังเขียนบทได้สร้างสรรค์ เมื่อเขาจับให้ตัวอีแจได้พบเจอกับโจทย์เก่าที่เคยเจอกันตอนอยู่ในร่างก่อน บวกกับการเดินเรื่องที่ไม่อ้อยอิ่งหรือรีรอ ทำให้การรับชมซีรีส์เรื่องนี้สนุกเกินหน้าซีรีส์เกาหลีทั่วไปได้อีก
ด้วยเรื่องราวที่เล่าแต่เรื่องของตัวละครในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต ทำให้มีแต่ฉากมันๆ มากำนัลคนดู ไม่ว่าจะเป็นฉากเครื่องบินลำหรูแต่เกิดอุบัติเหตุกลางอากาศ(ซะงั้น) ถัดมาก็เป็นการดิ่งพสุธาไร้ร่มชูชีพก็ทำได้ตื่นเต้นดี พอมาถึงช่วงอีจูฮุนที่เป็นนักเลงนี่ เรียกได้ว่า แม้จะโม้สะบัด แต่ก็มันสุดติ่งเช่นกัน มุมกล้องโดรนที่ฉวัดเฉวียนพาคนดูเวียนหัวแต่ไม่มาก ก่อนจะพาไปดูตัวละครต่อสู้กันในคุก ฉากแอ็คชันเปลี่ยนจากซีจีอลังการ กลายเป็นบู๊กันด้วยหมัดลุ่นๆ กลับมาอีกที บททั้งตอนอุทิศให้กับพาร์ทดราม่าน้ำตาพรั่งพรู แตกต่างไปจากตอนก่อนๆ หน้าอย่างมากมาย
ระหว่างทางก่อนจะเข้าร่างใหม่ อีแจจะได้รับกติกาเพิ่มเติมเกือบทุกครั้ง เช่น เขาต้องหาให้เจอด้วยว่า บาปมหันต์ที่ทำให้พระเจ้าพิโรธคืออะไร ยิ่งมากครั้งเข้า อีแจก็เหมือนจะได้บทเรียนและสกิลการเอาตัวรอดที่มากขึ้นเป็นเงาตามตัวเช่นกัน แต่ก็เหมือนจะยังมีอะไรอีกมากที่เขาไม่คาดคิดรอเขาอยู่
บทซีรีส์ มีความครบรส ได้ทั้งพาร์ทดราม่าและแอ็คชัน แม้ว่าพาร์ทดราม่าจะเพิ่งมาทำงานได้ดีในตอนที่สี่ แต่ก็เล่นเอาร้องไห้หนักหน่วงเอาการ ขณะที่พาร์ทแอ็คชัน ซีรีส์ทำได้อย่างโดดเด่น ทั้งมุมกล้อง การตัดต่อที่ชวนระทึกเร้าใจ บทอาจจะไม่เม้กเซ้นส์บ้าง แต่ก็พอให้มองข้ามมันไปได้
ส่วนในด้านของการสะท้อนสังคม บทซีรีส์ค่อนข้างพูดเรื่องการด้อยโอกาสของคนฐานะยากจน เรื่องอื่นๆ ที่ถูกพูดถึงก็อย่างเช่น นักเลงที่มักใช้กำลังในการแก้ปัญหา ความรุนแรงในโรงเรียน และที่น่าสนใจก็คือ มันยังแอบแซะกฎหมายที่ลงโทษสถานเบาต่อเยาวชนผู้กระทำผิดเข้ามาด้วย
ในเมื่อครึ่งแรก ทำออกมาดีขนาดนี้ คงสร้างกระแสได้ไม่น้อย และทุกคนก็คงรอคอยการมาของครึ่งหลังอย่างใจจดจ่อแน่นอน
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | Death’s Game / เกมท้าตาย / Yi-Jae, Will Die Soon / 이재, 곧 죽습니다 |
ผู้กำกับ | ฮาบยองฮุน/Ha Byung Hoon (เจ้าของผลงาน ’18 Again’, ‘Go Back Couple’ และ ‘The Sound of My Heart’) |
ผู้เขียนบท | Lee Won Sik/อีวอนซิก (webcomic), Ggoolchan (webcomic), ฮาบยองฮุน/Ha Byung Hoon |
นักแสดง | Seo In Guk/ซออินกุก, Park So Dam/พัคโซดัม, Yoo In Soo/ยูอินซู, Kim Kang Hoon/คิมคังฮุน, Choi Si Won/ชเวซีวอน, Sung Hoon/ซังฮุน, Ko Yoon Jung/โกยุนจอง, Lee Do Hyun/อีโดฮยอน, Oh Jung Se/โอจองเซ |
แนว/ประเภท | ดราม่า, แฟนตาซี |
จำนวนตอน | ซีซัน 1: 8 ตอน |
ช่องทางรับชม | Prime Video |
เริ่มออกอากาศ | Part I: 15 ธันวาคม 2023 (4 ตอน) Part II: 5 มกราคม 2024 (4 ตอน) |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | TVING |
คะแนนรีวิวซีรีส์ เกมท้าตาย
พล็อตและบท - 8.5
การดำเนินเรื่อง - 8.2
การแสดง - 8.5
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.7
งานภาพและโปรดักชั่น - 8
8.2
Death's Game
เนื้อเรื่องเหมือนต้องการพุ่งประเด็นไปที่กลุ่มคนที่สิ้นหวังและคิดหาทางฆ่าตัวตาย ไถ่ถามพวกเขาว่า รู้บ้างไหมว่าเขากำลังทำบาปอะไรลงไปบ้าง อาจเพราะสถิติการฆ่าตัวตายในเกาหลีค่อนข้างสูง และมองว่าความตายไม่ใช่จุดสิ้นสุด แต่เป็นจุดเริ่มต้นของอีกสิ่ง เรื่องราวมันเป็นแฟนตาซี ที่เล่าเรื่องดาร์กๆ ให้กลายเป็นแฟนตาซีลุ้นตายในหลากรูปแบบ ทั้งยังเปิดให้ชักชวนนักแสดงมาร่วมงานได้อย่างคับคั่ง เรื่องราวที่เดินไปแบบไม่เหมือนกันสักครั้ง หลากรสไม่พอ มันยังเต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์ที่พร้อมจะชวนผู้ชมให้อึ้งได้ทุกเวลา แม้จะมีเวอร์บ้างอะไรบ้าง แต่ถือเป็นความบันเทิงที่ซีรีส์เกาหลีเรื่องหนึ่งจะสร้างให้กับผู้ชมได้ และแน่นอนว่า ผู้ชมที่ผ่านครึ่งแรก ต้องรอคอยที่จะได้ดูครึ่งหลังอย่างใจจดจ่อ