รีวิวซีรีส์ Crash Course in Romance โรแมนซ์ฉบับเร่งรัด | ติวเตอร์กับแม่ค้าเครื่องเคียง

โลกยุคนี้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นการแข่งขัน แข่งกันเรียน แข่งกันสอบ เรียนจบก็แข่งกันหางาน ได้งานก็แข่งกันไต่เต้าและอัปเงินเดือน แข่งกันไปเรื่อยๆ จนวันหมดสิ้นลมหายใจ คงไม่แปลกอะไรที่ซีรีส์เกาหลีแต่ละเรื่องจะหยิบยกเรื่องนี้มาบอกเล่ากันตลอกมา อย่างเช่นนี้เรื่องนี้ ‘Crash Course in Romance’ หรือชื่อไทย ‘โรแมนซ์ฉบับเร่งรัด’ เมื่อระบบการศึกษาไม่ว่าชาติไหนก็เน้นให้เด็กต้องแข่งขันกันเรียน

และแน่นอนว่า มันก็ไม่ใช่แค่เด็ก แต่กระทบชิ่งมาถึงวัยผู้ใหญ่อย่างพ่อแม่ที่ต้องดิ้นรนเพื่อให้ลูกได้รับการศึกษาที่ดีที่สุด อันจะนำไปสู่ผลการเรียนที่ดีที่สุด ได้เข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำและจบออกมาเพื่อหางานที่จะให้ชีวิตหลังจากนั้นของพวกเขาก้าวหน้าและมั่นคง เปลี่ยนจากการเป็นชนชั้นยากจนสู่ชนชั้นกลาง เปลี่ยนฐานะของคนรุ่นลูกได้ดีกว่าคนรุ่นพ่อแม่ ทำให้การศึกษาในโรงเรียนมันไม่พอจะตอบโจทย์ พ่อแม่และเด็กต้องขวนขวายหาสถานที่กวดวิชาดังๆ แม้จะไม่ค่อยมีกะตังค์เท่าคนรวยๆ เขาก็ตาม

แต่ภายในพล็อตของการแข่งขันนั้น เรื่องความรักก็ไม่พ้นต้องถูกพูดถึงเช่นเดียวกัน

เรื่องย่อซีรีส์ ‘Crash Course in Romance’

นัมแฮงซอน (จอนโดยอน/Jeon Do Yeon จากหนังเรื่อง ‘A Man and A Woman’ และ ‘Emergency Declaration’) เธอเคยเป็นนักกีฬาทีมชาติ ที่ละทิ้งความฝันและความสำเร็จมาเป็นเถ้าแก่เนี้ยของกิจการร้านขายเครื่องเคียง ร่วมกับเพื่อนรัก คิมยองจู (อีบงรยอน/Lee Bong Ryun จากซีรีส์เรื่อง ‘Hometown Cha-Cha-Cha’ และ ‘Extraordinary Attorney Woo’) 

เธอเป็นคนที่ทุ่มเทและแข็งแกร่งอย่างไร้ขีดจำกัด ต้องเลี้ยงดูปากท้องของ 2 ชีวิต หนึ่งคือนัมแจอู (โออึยชิก/Oh Eui Sik จากซีรีส์เรื่อง ‘Hometown Cha-Cha-Cha’ และ ‘Hi, Bye Mama!’) น้องชายที่มีอาการออทิสติก กับอีกคน นัมแฮอี (โนยุนซอ/Roh Yoon Seo จากซีรีส์เรื่อง ‘Our Blues’ และหนังเรื่อง ’20th Century Girl’) ลูกของพี่สาวที่ทิ้งไว้ให้และแฮงซอนกลายเป็นแม่คนใหม่ จากเดิมที่ไม่เคยสนใจการเรียนกวดวิชา แต่ชะตาชักพาให้เธอต้องเข้าไปข้องเกี่ยวกับ ชเวชียอล (จองคยองโฮ/Jung Kyong Ho จากซีรีส์เรื่อง ‘Crash Landing on You’, ‘Prison Playbook’ และ ‘Hospital Playlist’) หลังจากนัมแฮอีเอ่ยปากอยากเรียนกวดวิชา

ชเวชียอล เป็นครูสอนกวดวิชาคณิตศาสตร์เบอร์หนึ่งของวงการ เขาเป็นเหมือนพระเจ้าของเด็กนักเรียนที่มุ่งหวังในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เขาเป็นชายผู้ทำงานอย่างหนัก สร้างความมั่งคั่งร่ำรวยให้กับตนเองอย่างมหาศาล แต่ก็มุ่งเน้นรักษาะระดับความดังมากเกินไปจนมันมีผลต่อความเครียดและสุขภาพ เขากลายเป็นคนอ่อนไหว ขี้ระแวงและกินข้าวปลาไม่ค่อยได้จนร่างกายผ่ายผอม เขาได้พบว่าอาหารของร้านแฮงซอนมีรสชาติคุ้นเคยอย่างประหลาด และมันกลายเป็นอาหารร้านเดียวที่เขากินได้ในตอนนี้ ก่อนที่ความสัมพันธ์ของคนทั้งสองจะเริ่มก่อตัวและพัฒนาขึ้น

รีวิวซีรีส์ ‘โรแมนซ์ฉบับเร่งรัด’

แม้เคยคิดตั้งใจว่าจะแยกแยะออกมาเขียนสัก 3 หัวข้อ แต่ก็พบว่าซีรีส์เรื่องนี้มันมีมากหัวข้อเกินกว่าจะเขียนได้แค่นั้น โดยคร่าวๆ แล้วซีรีส์เรื่องนี้มันเป็นรอมคอมแหละ ขายเรื่องรักของอดีตนักแฮนด์บอลทีมชาติที่ผันตัวมาเป็นเจ้าของร้านเครื่องเคียงตัวแทนประเทศ กับชายหนุ่มติวเตอร์สอนคณิตศาสตร์สอนคณิตศาสตร์ชื่อดัง ที่มีปัญหากินอาหารอื่นไม่ได้นอกจากของร้านนางเอกเท่านั้น แต่ซีรีส์มันกลับเล่าหลากเรื่องหลากมุมประกอบกันไปด้วย

ตั้งใจจะวิพากษ์ระบบการศึกษาแหละ

ในโลกของการศึกษาที่มีการแข่งขันทำให้เกิดโรงเรียนกวดวิชาขึ้นมาแข่งกับโรงเรียนปกติ สถาบันที่สอนแบบเร่งรัดเน้นให้นักเรียนเอาไปใช้สอบแข่งขัน วัดกันที่ความสำเร็จในผลลัพธ์ของการสอบเข้า ทำให้นักเรียนต้องเรียนทั้งในโรงเรียนปกติและโรงเรียนกวดวิชา จนครูในโรงเรียนปกติก็รู้สึกว่าตนเองกำลังถูกหมางเมินและถูกลดความสำคัญในระบบการศึกษาลง ครูหลายคนก็ย้ายจากโรงเรียนปกติเข้าสู่แวดวงกวดวิชา ขณะเดียวกัน เหล่าพ่อแม่ผู้ปกครองทั้งหลายก็ต้องขวนขวายหาที่เรียนกวดวิชาให้ลูกๆ ด้วยหวังจะให้พวกเขาได้ศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยและคณะที่วาดหวัง เพื่อที่จบมาจะได้ถีบตัวขึ้นไปอีกระดับ ทำให้คนที่ฐานะไม่ร่ำรวยบางคน จำต้องกระเสือกกระสนดิ้นรนหาเงินทองมาเพื่อให้ลูกๆ ได้เรียน เช่นเดียวกันกับแฮงซอนที่ทั้งชีวิตมุ่งมั่นขายอาหารและเครื่องเคียงเพื่อดูแลแฮอี ทั้งที่นั่นไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเธอด้วยซ้ำ

ขณะที่คนรวยที่มีเงินมีทองและคอนเนคชันต่างก็ใช้ทั้งสองอย่างสร้างพลังขับเคลื่อนทุกอย่างเพื่อให้ลูกของตนได้รับโอกาสเต็มที่ ไม่เว้นแม้แต่การเหยียบหัวเด็กที่บ้านจนกว่าที่ถึงจะเรียนเก่งกว่าให้ต้องหลุดวงไป

เล่าถึงคนที่ต้องละทิ้งความฝันและมีชีวิตเพื่อคนอื่น

เป็นแง่มุมที่น่าเศร้าอยู่พอสมควรสำหรับชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งที่เผชิญกับโชคชะตาที่ซัดพาให้หักเห เธอเคยเป็นนักกีฬาแฮนด์บอลตัวแทนทีมชาติ แต่เพราะภาระที่ครอบครัวทิ้งไว้ให้ ทั้งน้องชายที่เป็นเด็กพิเศษ แล้วก็ยังมีลูกสาวของพี่สาวที่ทิ้งไว้ให้ ไม่พอ เธอยังเจอเหตุสูญเสียคุณแม่ไปอย่างไม่คาดฝันอีก ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลทำให้นัมแฮงซอน ที่ควรจะได้ดีทางกีฬาแฮนด์บอลเลือกจะเดินออกมาจากเส้นทางนั้น มุ่งหน้าทำมาหากินด้วยการเป็นเจ้าของร้านขายเครื่องเคียงเลิศรสกับเพื่อนรัก

กับนัมแฮอี แฮงซอนควรจะเป็นน้าของเธอ แต่ด้วยถ้อยคำของแฮอี เธอรับปากจะเป็นแม่ให้ คำๆ นั้นทำให้เธอเปลี่ยนท่าทีของตนเองใหม่ ทำทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่คนนึงควรจะทำให้กับลูกคนหนึ่งได้ เธอต้องวิ่งไปต่อแถวหน้าสถาบันกวดวิชาเพื่อจะได้บัตรคิวสมัครเรียน วิ่งไปต่อแถวเพื่อที่นั่งดีๆ ของแฮอี ออกโรงเมื่อเห็นว่าลูกสาวถูกตัดสิทธิ์อย่างไม่เป็นธรรม

ไม่พอ เธอยังต้องเผชิญหน้ากับเกมการเมืองระหว่างแม่ๆ ด้วยกันที่เธอเป็นแม่ที่มีฐานะด้อยกว่าทุกคนอีกด้วย

ความรู้สึกของคนเป็นแม่

การแข่งขันขับเคี่ยวกันในด้านการศึกษาไม่ได้อยู่แค่ในโรงเรียน ไม่ได้อยู่แค่กับเด็กเท่านั้น แต่ยังลามไปเป็นสงครามระหว่างพ่อแม่อีกด้วย ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้จะให้ความสำคัญกับเหล่าแม่ๆ มากเป็นพิเศษ หลายคนเป็นแม่บ้านจึงค่อนข้างให้เวลากับโอกาสด้านการศึกษาและอนาคตของลูกตนเป็นสำคัญ นอกจากต้องคอยวิ่งไปต่อคิวแต่เช้าแล้ว บางคนก็ยังสามารถขับเคลื่อนความต้องการผ่านคอนเน็คชันที่ตนมีกับประธานโรงเรียนกวดวิชาได้ จับกลุ่มประชุมเหล่าแม่เพื่อให้โน้มน้าวสร้างความร่วมมือ แต่ก็มีบางทีที่ตบตีด้วยความหมั่นไส้อะไรบ้าง

ในเรื่องนี้ก็มีแม่อยู่หลายแบบที่ต่างก็ชักพาให้เรื่องราวดำเนินไป แม่อย่างแฮงซอน ชะตาพาให้เธอกลายเป็นแม่ที่ทุ่มเททำเพื่อลูก มีอาชีพค้าขายฐานะไม่ดี โอกาสจึงน้อยกว่าใครเขา แต่ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับครูติวเตอร์มือหนึ่งก็สร้างโอกาสกับแฮอีจนได้ ขณะที่แม่บางคนอย่างทนายจางซอจิน (จางยองนัม/Jang Young Nam จากซีรีส์เรื่อง ‘Find Me in Your Memory’) ก็คล้ายจะแยกกันอยู่กับสามี เธอไม่ชอบหน้าแฮอีที่ซอนแจ (อีแจมิน/Lee Chae Min จากซีรีส์เรื่อง ‘High Class’) ลูกชายของเธอแอบชอบ ส่งผลให้โอกาสของแฮอีต้องตีบตัน ขณะเดียวกัน ลูกชายของเธออีกคน อีฮีแจ (คิมแทจอง/Kim Tae Jung) ก็ดูเหมือนจะต่อต้านบางอย่างในระบบการศึกษาอยู่

หรืออย่าง โจซูฮี (คิมซอนยอง/Kim Sun Young) แม่ของบังซูอา (คังนาอน/Kang Na Eon จากซีรีส์เรื่อง ‘Blind’) เธอเป็นแม่ผู้ทรงอิทธิพล เป็นอินฟลูเอนเซอร์ ต่อรองกับสถาบันกวดวิชาได้ ทำทุกอย่างเพื่อลูกสาวที่เกลียดชังแฮอีในฐานะคู่แข่ง เป็นต้น

แง่มุมของติวเตอร์มือหนึ่งก็น่าสนใจนะ

ส่วนครูอย่างชียอล ที่ยักย้ายตัวเองมาเป็นส่วนหนึ่งของโรงเรียนกวดวิชา แม้จะดูว่าเขาเป็นพวกทะเยอทะยาน แต่ที่จริง เขาก็เป็นคนอ่อนไหวและรักความยุติธรรม เขามีอาการวิตกกังวลที่ต้องรักษามาตรฐานทั้งในระดับการสอนและต้องเผชิญกับการแข่งขันกับติวเตอร์คนอื่นๆ จนมีปัญหาด้านการกิน กลายเป็นคนเลือกกินในสายตาคนอื่น และกินได้เฉพาะอาหารจากร้านเครื่องเคียงของแฮงซอนเท่านั้น เขาอดรนทนไม่ได้กับการที่สถาบันกวดวิชาที่ตนสังกัดเลือกจะตัดทิ้งเด็กสาวคนหนึ่งออกไปจากลิสต์ห้องติวเข้ม เพื่อเปิดให้ลูกคนรวยอีกคนเข้ามาแทน แต่เขาก็ทำได้แค่การประท้วงจะไม่เข้าสอน สิ่งที่เขาทำได้คือการเลือกจะติวส่วนตัวให้กับเด็กที่ถูกไล่ออกจากห้องติวเข้มอย่างไม่เป็นธรรม

ความสัมพันธ์ที่เริ่มจากไม่ชอบหน้า กลายเป็นความรัก

แต่ละตอนของซีรีส์เรื่องนี้ ตั้งชื่อได้ยาวเฟื้อยแต่ใส่กิมมิกความเป็นคณิตศาสตร์เข้าไปอย่างสร้างสรรค์ ส่วนเรื่องราวก็เริ่มต้นจากความเข้าใจผิดทำให้เกิดฉากทะเลาะชวนหัวของสองตัวเอก ก่อนที่จะเริ่มต้นความสัมพันธ์แบบไม่ทันตั้งตัว ผสมกับเหตุการณ์วันเก่าที่วางเป็นเบาะแสเอาไว้ให้ติดตาม

ด้วยความที่มันเป็นซีรีส์แนวรอมคอม บทจึงพาเรื่องตลกๆ ให้คนดูหัวเราะกันได้เรื่อยๆ ด้วยความสามารถทางการแสดงของแต่ละคนก็ดูจะเข้าขาและเข้าทางกันอยู่ไม่น้อย กลายเป็นซีรีส์ที่มีเรื่องราวจริงจังวิพากษ์ระบบการศึกษาผสมกันไปกับเรื่องรักของคุณแม่เจ้าของร้านเครื่องเคียงกับหนุ่มติวเตอร์ชื่อดัง แถมก็มีเรื่องความรักของตัวละครวัยเรียนมาผสมด้วยอีก

ทั้งหมดมี 16 ตอน จะรีบดูตามวันฉาย หรือจะเก็บไว้แล้วค่อยมาไล่ดูก็ได้ทั้งนั้น เอาที่สะดวกเลย

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์