ดูเหมือนช่วงนี้ จะชื่นชอบซีรีส์ที่เล่าเรื่องแนวแก้แค้นมากเป็นพิเศษ ขณะเดียวกัน Netflix ก็สร้างงานแนวๆ นี้ออกมาค่อนข้างบ่อยเป็นพิเศษด้วย แต่คราวนี้ เปลี่ยนแนวมาเป็นซีรีส์สัญชาติญี่ปุ่นกันบ้างนะครับ กับเรื่อง ‘Burn the House Down’ หรือชื่อไทย ‘ไฟแค้น ไฟอดีต’ ที่โผล่ขึ้นมาแนะนำให้ดูบนหน้ากันทุกวัน
ระหว่างเสิร์ชหาข้อมูล ก็พบหน้าปกมังงะเรื่องเดียวกันที่เป็นผลงานของ Moyashi Fujisawa/โมยาชิ ฟูจิซาวะ เลยได้รู้ว่าซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่องนี้ ดัดแปลงสร้างมาจากมังงะอีกที และกำกับโดย Yuichiro Hirakawa/ยูอิจิโร ฮิรากาวะ เขาคือคนที่กำกับซีรีส์เรื่อง ‘สลับร่าง เปลี่ยนอำมหิต’ และหนัง ‘พันธสัญญาเนเวอร์แลนด์’ ฉบับคนแสดง ขณะที่ Arisa Kaneko/อาริสะ คาเนโกะ ผู้ที่เคยเป็นคนเขียนบทซีรีส์ ‘คุณหมอขาโหดกับพยาบาลโขดหิน’
และด้วยความที่มันมีเพียง 8 ตอน สามารถดูจบได้แบบรวดเดียว ซึ่งเป็นเรื่องดี เพราะไม่ต้องรอกันทุกสัปดาห์ จะดูแบบใดก็ได้ สบายใจในการรับชมพอสมควร
เรื่องย่อซีรี่ส์ ‘Burn the House Down’
เพราะเหตุในอดีต ทำให้ครอบครัวหนึ่งซึ่งร่ำรวย เป็นเจ้าของธุรกิจโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ต้องเกิดความเปลี่ยนแปลง บ้านหลังใหญ่ถูกไฟไหม้ทั้งหลัง ความผิดตกไปอยู่ที่ภรรยาที่รับว่าตนเป็นคนทำ
ตัดมาที่เหตุการณ์ในอีก 13 ปีถัดมา อันซึ มูราตาอิ (Mei Nagano/เมอิ นางาโนะ จากหนังเรื่อง ‘แด่ภาพยนตร์ที่ฉันรัก’ และ ‘เธอสุดแสบที่แอบรัก’ ) หญิงสาวจากบริษัทรับจ้างทำความสะอาดบ้าน เดินเข้าไปยังบ้านหลังใหญ่ที่มี มิกาโกะ มิตาราอิ (Kyoka Suzuki/เคียวกะ ซูซุกิ จากหนังเรื่อง ‘ยามาโต้ พิฆาตยุทธการ’) เป็นเจ้าของอยู่และเป็นผู้ว่าจ้างเธอ ความจริงแล้ว มิกาโกะคือภรรยาคนที่สองของ โอซามุ มิตาราอิ ผู้เป็นพ่อของอันซึ
มิกาโกะได้อยู่อย่างสุขสบายในบ้านหลังใหญ่ ทำงานดูแลโรงพยาบาลมูราตาอิ ทั้งยังรับงานนางแบบและให้สัมภาษณ์ลงในนิตยสาร ในขณะที่อันซึ และน้องสาว ยูซึ (Yuri Tsunematsu/ยูริ ซึเนะมัตสึ จากซีรีส์เรื่อง ‘Alice in Borderland’ และ ‘The Naked Director’) ต้องย้ายไปอยู่อพาร์ตเมนต์ และต้องช่วยกันดูแลแม่ ซัตสึกิ (Michiko Kichise/มิจิโกะ คิชิเสะ จากซีรีส์เรื่อง ‘Nodame Cantabile’) ที่จิตใจกระทบกระเทือนและป่วยจนความจำเสื่อม การเข้ามาเป็นคนรับใช้ในบ้านหลังนี้ของอันซึจึงมีจุดประสงค์เพื่อสืบค้นหาเบาะแสที่อาจหลงเหลืออยู่ในบ้านหลังนั้น
รีวิวซีรีส์ ‘ไฟแค้น ไฟอดีต’
ถือเป็นอีกซีรีส์ที่เล่าเรื่องของการแก้แค้น เรื่องมันว่าด้วยครอบครัวหนึ่งที่ชีวิตเปลี่ยนแปลงไปมากหลังจากวันที่ไฟไหม้เผาผลาญบ้านทั้งหลังของพวกเขา ภาพของแม่ที่ก้มลงกราบกราน ขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้บ้านหลังใหญ่วอดวาย แต่หลังจากนั้น ก็กลับกลายเป็นว่า พ่อแต่งงานกับหญิงคนใหม่ คนที่ยิ้มระรื่นอยู่เบื้องหน้าเปลวไฟ ทำห้ลูกสาวทั้งสองต้องย้ายไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์ ขณะที่ผู้เป็นแม่เศร้าสะเทือนใจอย่างหนักจนกลายเป็นคนความจำเสื่อม จำอะไรไม่ได้เลยและพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล
อันซึ และ ยูซึ สองพี่น้องมีความเชื่อว่าคนที่วางเพลิงไม่ใช่แม่ของตัวเอง แต่เป็นมากิโกะ ด้วยความคิดเช่นนั้นทำให้อันซึผู้พี่เลือกจะเดินเข้ามาเป็นคนทำความสะอาดในบ้านของพ่อและมากิโกะ เพื่อหวังจะเก็บข้อมูลหาเบาะแสเพื่อเอาผิดภรรยาใหม่ของพ่อ และลบล้างบาดแผลในใจของแม่
วิธีการของอันซึ ก็คือ การเข้าไปทำงานเป็นคนทำความสะอาดในบ้านของมากิโกะ ในชื่อปลอม ยามาอุจิ ชิซุกะ ซึ่งแท้จริงเป็นชื่อของเพื่อนตัวเอง
สิ่งที่เราได้รู้เพิ่มเติมมาก็คือ มากิโกะ นั้นมีลูกติดของตัวเองอยู่แล้ว คือ คิอิจิ (Asuka Kudo/อาสึกะ คุโด้ จากหนังเรื่อง ‘วัยซนคนเมะ!’) ชายหนุ่มผู้เอาแต่หมกตัวเล่นเกมอยู่ในห้อง ไม่ยอมไปเรียนหมอ แถมยังเรียกแม่ตัวเองว่า “นังนั่น” และชินจิ (Taishi Nakagawa/ไทชิ นากางาวะ จากหนังเรื่อง ‘เพลงแรก รักแรก จูบแรก’) น้องชายที่เรียนหมออยู่ในมหา’ลัย นอกจากนี้ ก่อนที่มากิโกะจะมาแต่งงานกับพ่อ เธอเป็นเพื่อนของแม่ ก่อนที่ไฟจะลุกไหม้ครอบครัวเดิม และถูกแทนที่ด้วยครอบครัวใหม่ ภรรยาของพ่อเข้ามาพร้อมกับลูกชายทั้งสองคน
ซีรีส์เริ่มเรื่องอย่างรวบรัด เล่าเพียงสาเหตุของไฟไหม้ที่ทำลายชีวิตของพวกเธอจนต้องระหกระเหิน จนอันซึต้องปลอมตัวเข้าบ้านในฐานะคนทำความสะอาด แต่เจ้าของบ้านออกกฎห้ามไม่ให้ขึ้นไปยุ่งที่ชั้นสอง ซึ่งก็เป็นธรรมดาที่เธอจะแหกกฎนั้น เพราะต้องการหาเบาะแสที่จะบ่งชี้ว่ามากิโกะคือคนวางเพลิง ไม่ใช่แม่ของเธอ
แง่มุมในซีรีส์เรื่องนี้ มีความน่าสนใจอยู่บ้าง ตรงที่พวกเขาหยิบยกเรื่องบางเรื่องขึ้นมาพูดถึง ไม่ว่าจะเป็น การพูดถึงการตัดสินคนในโลกโซเชียล เป็นแค่คนที่ไม่รู้จัก แต่มีนิสัยตัดสินคนอื่น, การรับมือกับความคิดเห็นแย่ๆ ของคนรอบข้าง และพูดถึงคนทึีมีชีวิตท่ามกลางยากจน ทำให้รู้สึกเหลื่อมล้ำ ตั้งใจจะเรียนรู้และเลียนแบบทุกอย่าง หวังว่าวันหนึ่งจะได้มีชีวิตในแบบคนรวยๆ บ้าง
ด้วยการที่เขียนบทให้มากิโกะมีลูกสองคน ทำให้สร้างเรื่องราวในเดินไปได้มากขึ้น เช่นเดียวกับที่ อันซึ ก็มีน้องสาว ยูซึ ที่พยายามจะช่วยพี่สาวสืบข้อมูลอีกทาง ก็เลยทำให้เรื่องมันเดินไปได้อีกทางเช่นกัน ตัวละครที่เลือกใส่เข้ามาจึงถือว่าไม่เลว
แต่ถ้าจะถามหาความโหดในการแก้แค้นจากซีรีส์เรื่องนี้ คงต้องบอกว่ายากอยู่สักหน่อย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมันดัดแปลงมาจากมังงะที่เป็นแนวผู้หญิง ขณะที่เหตุผลของการแทรกซึมเข้าไปสืบค้น ก็ดูไม่ใช่การแก้แค้นอะไร จุดประสงค์ก็คือต้องการหาสิ่งของของแม่ที่ถูกมากิโกะขโมยไปเพื่อใช้เป็นหลักฐานผูกมัดให้มากิโกะรับสารภาพและปลดเปลื้องความรู้สึกผิดในใจของแม่ เอาจริงๆ เหตุผลมันดูจิ๊บจ๊อยไปหน่อย
แต่ก็เอาเถอะ ด้วยการดำเนินเรื่องที่ดูฉับไวดีในช่วงต้นเรื่อง 2-3 ตอนแรก แม้บางทีจะดูว่ารวบรัดไปบ้าง แต่ความไม่เวิ่นเว้อก็ทำให้เราสนุกกับการติดตามเรื่องไม่น้อย แต่พอมาถึงช่วงหลังเริ่มสงสัยในความสมเหตุผลของเรื่องราวมากขึ้น ความน่าติดตามของซีรีส์จึงเริ่มลดลงจน แถมการเฉลยยังชวนให้กังขา บวกกับความพยายามเล่นท่ายากให้คนดูเดาผิด สุดท้ายกลายเป็นดูให้จบเพียงเพื่อรู้บทลงเอย
อีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญก็คือ การมีนางเอกสุดน่ารักอย่าง เมอิ นางาโนะ (หรือ นางาโนะ เมอิ) นางเอกสาวที่เคยเล่นเป็น สึบาเมะ ซันโจ ในหนัง ‘Rurouni Kenshin Part I: Origins’ และล่าสุดในหนังดราม่าเรื่อง ‘My Broken Mariko’ ที่ดูดีและสะกดใจไม่ว่าอยู่ในลุคไหน (แม้จะชอบให้รวบผมมัดไว้ด้านหลังกว่าตอนปล่อยผมก็ตามเถอะ) กลายเป็นจุดดึงดูดอันทรงพลังให้ยังอยู่กับตลอดเรื่องราว ถ้าจะบอกว่า ใครกันที่แบกซีรีส์เรื่องนี้เอาไว้
ก็คงจะเป็นเธอนี่แหละ!
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | Burn the House Down / ไฟแค้น ไฟอดีต / 御手洗家、炎上する |
ผู้กำกับ | Yuichiro Hirakawa (เจ้าของผลงาน ‘The Promised Neverland’) |
ผู้เขียนบท | Moyashi Fujisawa (manga), Arisa Kaneko |
นักแสดง | Mei Nagano, Kyoka Suzuki, Asuka Kudo, Taishi Nakagawa, Yuri Tsunematsu |
แนว/ประเภท | ดราม่า, ลึกลับ, ระทึกขวัญ |
จำนวนตอน | 1 ซีซัน: 8 ตอน |
ช่องทางรับชม | Netflix |
เริ่มออกอากาศ | 13 กรกฎาคม 2023 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Kodansha, Office Crescendo, Netflix |
คะแนนซีรีส์ ไฟแค้น ไฟอดีต
พล็อตและบท - 6.3
การแสดง - 7
การดำเนินเรื่อง - 6.8
เพลงและดนตรีประกอบ - 6.5
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 7
6.7
Burn the House Down
อีกหนึ่งซีรีส์แนวล้างแค้น แต่คราวนี้เป็นการดัดแปลงจากมังงะให้กลายเป็นซีรีส์คนแสดงจากญี่ปุ่น เรื่องราวที่เริ่มต้นอย่างรวบรัด เดินเรื่องอย่างไวไม่เยิ่นเย้อ มีนางเอกที่สวยน่ารักจนกลายเป็นจุดดึงดูดให้ติดตามต่อ แม้เรื่องราวในช่วงหลังจะเริ่มไม่สมเหตุผล ชวนตะหงิดใจสงสัย และการพยายามจบในแนบที่เล่นท่ายาก ดูเป็นความพยายามจะทำให้คนดูเดาเรื่องได้ยากแต่กลับเต็มความอ่อนเบาของบทซีรีส์ไปแทน