รีวิวซีรีส์ Because This Is My First Life | ฉันกำลังจะแต่งงานกับหนุ่มทาสแมว

หลายครั้ง ชีวิตของเราก็มักจะโคจรมาเจอกับซีรีส์เกาหลีรอมคอมที่สนุกกับมันเมื่อมันผ่านไปหลายขวบปีแล้ว อย่างเช่นเรื่องนี้ เรื่องของชายหญิงคู่หนึ่งที่โชคชะตาพาให้พวกเขาได้มาอยู่ร่วมแชร์ห้องกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ‘Because This Is My First Life’ ที่ใช้ชื่อไทยแบบตรงไปตรงมาว่า ‘รักแรกตั้ง(ครอบครัว)’ พอเปิดดูแค่ตอนแรกเท่านั้นแหละติดใจ และคิดไปว่าทำไมเราเพิ่งมาดูวะ เรื่องนี้

แท้จริงแล้ว ในชีวิตของแต่ละคนก็ล้วนแต่มีครั้งแรกเกิดขึ้นกับเราหลายต่อหลายครั้ง ทั้งยังเกิดขึ้นครั้งเดียวในชีวิตอีกต่างหาก เช่น เรามีอายุ 30 ปีครั้งแรกในชีวิต จูบครั้งแรกในชีวิต มีคนขอแต่งงานครั้งแรกในชีวิต และอีกนับร้อยนับพันอย่างที่เกิดขึ้นกับเราทั้งดีและร้ายที่ผ่านเข้ามา

ซีรีส์เรื่องนี้จะพูดถึงชีวิตของคนสองคนที่ชีวิตและนิสัยค่อนข้างแตกต่าง แต่กลับเหมาะเจอพอดีที่จะอยู่ร่วมกันครับ

ซีรีส์ ‘Because This Is My First Life’ มันเกี่ยวกับอะไรนะ?

มันเป็นเรื่องราวของ นัมเซฮี (Lee Min Ki/อีมินกิ จากซีรีส์เรื่อง ‘My Liberation Notes’, ‘The Beauty Inside’ และ ‘Oh! Master’) หนุ่มหล่อวัย 30 ต้นๆ ที่ค่อนข้างใช้ชีวิตอย่างมีกฎเกณฑ์และมีแบบแผน งานของเขาคือควบคุมโปรเจกต์ทำแอปจับคู่ อุปนิสัยออกจะตรงไปตรงมาและเย็นชาอยู่นิดๆ แถมยังเป็นทาสแมว หลังกู้ซื้อบ้านสภาพดีจนหนี้บานตะไท ไม่ได้อยากแต่งงานแม้แม่จะคะยั้นคะยอเสียเหลือเกิน และที่สำคัญ เขากำลังต้องการเพื่อนร่วมห้อง และคนก่อนๆ ไม่ผ่าน…ซักคน

และมันก็เป็นเรื่องราวของ ยุนจีโฮ (Jung So Min/จองโซมิน จากซีรีส์เรื่อง ‘Alchemy of Souls’, ‘My Father is Strange’ และ ‘Monthly Magazine Home’) สาวสวยวัย 30 ต้นๆ ที่ทำตามฝันด้วยการเป็นมือเขียนบท แต่เธอยังเป็นได้แค่นักเขียนผู้ช่วยรายได้ต่ำ ที่จำเป็นต้องออกจากบ้านมาหาที่อยู่ใหม่หลังน้องชายกำลังจะมีลูกกับภรรยา อุปนิสัยชอบทำงานบ้านเวลาเขียนงานไม่ออก ซึ่งดูจะตรงกับที่เซฮีต้องการเพียงแค่เธอเป็นผู้หญิง…นี่แหละ

คนหนึ่งต้องการเพื่อนร่วมหารค่าเช่าที่สามารถดูแลจัดการได้ทุกอย่างในเวลาที่เขาไม่อยู่ กับอีกคนที่ต้องการที่ซุกหัวนอนในราคาที่ต่ำสุด แถมยังมีนิสัยชอบทำงานบ้านระหว่างเครียดคิดบทไม่ออกอีกด้วย ทั้งสองคนจึงเป็นเพื่อนร่วมห้องที่เพอร์เฟกต์ลงตัว และเมื่อเขาเอ่ยปากชวนเธอแต่งงาน เธอก็ตกปากรับคำซะด้วยซี่!

รีวิวซีรีส์ ‘รักแรกตั้ง(ครอบครัว)’ มันดียังไง?

เป็นซีรีส์ที่ไม่คาดคิดว่าจะติดใจอะเรื่องนี้ เห็นผ่านตาไปมามานานละ แต่ก็ไม่ได้เปิดดูสักที จนเมื่อคนข้างๆ ไปได้ข้อมูลมาว่าสนุกจึงเลือกจะเปิดดู กลายเป็นว่าชอบซะงั้น ด้วยความมันเป็นซีรีส์แนวรอมคอม มีแก๊กฮาๆ พาอารมณ์ดี แถมจองโซมินที่เคยคุ้นจาก ‘เล่นแร่แปรวิญญาณ’ ยอมรับว่าไม่ได้หลงเสน่ห์เธอสักเท่าไหร่ แต่พอมาเจอในเรื่องนี้ พบกับด้วยการแต่งหน้าและทรงผม รวมถึงการแต่งตัว ยอมรับเลยว่าน่ารักมาก ในที่สุดก็ติดลมและติดใจ อยากจะดูยาวๆ ไปจนจบอย่างไม่อยากจะเชื่อตัวเอง

เอาจริงๆ แล้ว คนเราจะอยู่ด้วยกันได้เนี่ย มันแทบจะไม่มีอะไรที่ 100% ว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้หรอกนะ แม้จะชอบอะไรเหมือนๆ กันอย่างคู่พระนางคู่นี้ ที่ต่างก็ชอบดูบอล ชอบทีมอาร์เซนอลเหมือนๆ กัน ก็ไม่ได้บ่งบอกว่า เขาและเธอจะอยู่กันยืดได้อย่างแน่นอนเสมอไปหรอก ว่าแต่ซีรีส์เรื่องนี้ นอกจากความคอมิดี้พาคนดูให้อารมณ์ดีหัวเราะเอิ๊กอ๊ากแล้ว เขามีอะไรน่าสนใจกันบ้างล่ะ

สะท้อนสิ่งที่ผู้หญิงต้องเจอในสังคมชายเป็นใหญ่

เริ่มต้นเราจะได้รู้จักกับเบื้องหลังชีวิตของนางเอกอย่าง ยุนจีโฮ ที่สร้างสรรค์โอกาสให้กับตนเองจนสามารถเข้าเรียนในวิชาที่ใฝ่ฝันในมหาวิทยาลัยโซล แม้ที่บ้านจะตั้งใจให้เรียนในมหาวิทยาลัยในเมืองที่อาศัยอยู่ จบออกมาได้ทำงานเป็นนักเขียนบทละครแหละ แต่เป็นแค่นักเขียนผู้ช่วย ไม่เคยได้เลื่อนชั้นเป็นนักเขียนหลักสักที รายได้ก็น้อย ได้แต่อยู่กับพ่อแม่ที่คอยแต่เอาอกเอาใจลูกชายที่ไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพาย แถมยังพาแฟนเข้าบ้าน พอบอกกำลังจะมีลูกชายก็ยอมให้แต่งงานจนเธออึดอัดจำเป็นต้องออกมาหาที่อยู่เอง

เธอมีกลุ่มเพื่อนซี้ที่สนิทกันอย่าง ซูจี (Esom/อีซม จากซีรีส์ ‘Taxi Driver’) และโฮรัง (Kim Ga Eun/คิมกาอึน จากซีรีส์ ‘Into the World Again’) ที่เข้าใจเธอเป็นที่สุดแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะสามารถเล่าระบายให้ฟังไปได้ซะทุกเรื่อง อีกอย่าง แต่ละคนต่างก็มีปัญหาของตัวเอง เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมชายเป็นใหญ่ อย่างซูจี เธอมีหน้าที่การงานค่อนข้างดีแต่ความฝันที่จะได้เป็นเจ้านายยังคงริบหรี่ เธอจำต้องทำงานร่วมกับผู้ชายที่ตำแหน่งใหญ่โตกว่าแถมไม่เคยให้เกียรติผู้หญิง เธอเลยจำเป็นต้องแสร้งทำตัวเข้มแข็งต่อหน้าพวกเขาตลอดเวลา

ส่วนโฮรัง เธอคบกันแฟนและอาศัออยู่ด้วยกันในบ้านที่คับแคบบนชั้นดาดฟ้ามานานหลายปี เธออยากให้เขาขอเธอแต่งงานสักทีแต่กลับไม่กล้าจะพูดตรงๆ จนเกิดความเข้าใจจนต้องทะเลาะและงอนไปช่วงใหญ่ แม้กลับมาดีกันแล้วแต่ปมนั้นก็ยังคงอยู่ไม่จางหาย

การแต่งงานที่ปราศจากความรัก… มันจะเป็นไปได้หรือเปล่า?

ความต้องการของคนสองคนที่เหมาะเจาะพอดีกัน ทำให้พวกเขาเลือกจะที่จะแต่งงานทั้งที่ไม่ได้รักกัน มันอาจจะดูเป็นเรื่องแปลก แต่มันน่าสนใจที่ซีรีส์กำลังจะบอกเล่าไอเดียใหม่ๆ ของการแต่งงาน ครั้งนี้ พวกเขาไม่ได้แต่งเพราะรักแต่แต่งเพราะต้องการบ้าน

คนหนึ่งเป็นแค่นักเขียนบทผู้ช่วย รายได้น้อย กู้ธนาคารไม่ได้ จำเป็นต้องออกจากบ้าน ต้องการที่ซุกหัวนอนที่ไม่ต้องจ่ายมัดจำและค่าเช่าถูก ขณะที่อีกคนเป็นหนี้เพราะชอบบ้านอยู่สบาย จึงต้องการคนมาร่วมแบ่งเบาจ่ายค่าบ้าน เพิ่งไล่คนเก่าออกไป ด้วยนิสัยที่เคร่งกฎ คนมาอยู่ด้วยต้องทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ แถมต้องเป็นทาสแมว ถามจริง จะเอาคนแบบไหนมาร่วมแชร์ค่าห้องได้หว่า ก็บังเอิญว่าได้คนรู้จักช่วยหาให้แถมพบว่าเข้ากันได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เธอเป็นผู้หญิง อีกข้อคือแม่ของเขาเร่งเร้าให้แต่งงาน ผลมันจึงออกมาว่า เขาตัดสินใจขอเธอแต่ง และเธอก็อึกอักอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะตัดสนใจ “ตกลงค่ะ”

คาแรกเตอร์ของพระเอกถูกวางให้เขาพูดและคิดเหมือนโรบ็อต มีความเถรตรงและคิดอะไรแบบเป็นเหตุเป็นผล แต่ก็เหมือนว่า การได้อยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์ผู้หญิงทำให้โรบ็อตทาสแมวอย่างเขาเริ่มหวั่นไหว ภรรยาของเขาไม่เหมือนใคร เธอชอบทำงานบ้านเวลาที่คิดบทไม่ออก ไม่รังเกียจแมว และรักอาร์เซนอลเหมือนกัน ทุกอย่างดูเหมาะเจาะลงตัวยิ่งนัก

ขณะที่เธอเอง การตัดสินใจแต่งงานกับเขาเพียงต้องการมีบ้านอยู่ในโซลในราคาที่คนจนๆ อย่างเธอจ่ายไหว และคิดว่าก็แค่อยู่ร่วมบ้าน แต่สิ่งที่ดีไปกว่านั้นคือ เขาคือคนที่ปล่อยให้เธอทำตามใจไม่ขัดขวางความต้องการ ทำให้รู้สึกว่าเป็นไอเดียที่ดีในการครองคู่นะ สัญญาที่ว่าจะทำให้เขามีความสุขตลอดเวลามันอาจจะได้แค่ลมปาก แต่ถ้าเราบอกว่ายินดีสนับสนุนในทุกการตัดสินใจของอีกฝ่าย มันน่าจะสร้างความสบายใจให้กับอีกฝ่ายได้ไม่น้อยเลยแหละ

นำเสนอมุมมองชีวิตได้น่าสนใจ

แน่นอนว่า ซีรีส์เรื่องนี้ต้องมีเหตุให้เกิดรักสามเส้าสี่เส้าอยู่แล้ว และคนเขียนบทก็ใส่ ยอนบ๊กนัม (Kim Min Kyu/คิมมินกยู สุดหล่อจากซีรีส์เรื่อง ‘Business Proposal’ และ ‘Snowdrop’ นั่นแหละ) เป็นตัวสอดแทรกที่เข้ามาทดสอบใจของทั้งเซฮีและจีโฮ เขาคือหนุ่มหล่อที่ทำพาร์ตไทม์ในร้านกาแฟที่จีโฮเข้าไปทำหลังตกงาน ภาพลักษณ์ที่ดูดีแต่ก็มีเรื่องให้ค่าใจว่า แท้จริงแล้วเขามีพฤติกรรมร้ายๆ แนวสตอล์กเกอร์จริงหรือเปล่านั่นเอง

เมื่อดูซีรีส์เรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ก็จะพบว่าในแต่ละตอนเขาสอดแทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเอาไว้ในนั้น ตั้งแต่สาระความรู้เรื่องสมองของแมว ไปจนถึงแง่มุมความคิดเกี่ยวกับการใช้ชีวิตคู่ ซึ่งผมว่าไม่เลวเลยนะ บางครั้งบางหนก็อดจะคล้อยตามไม่ได้

นางเอกที่ดูมีบุคลิกเป็นสาวหอยทาก ชีวิตของเธอก้าวไปอย่างเชื่องช้า ดูต้องใช้ความอดทนอย่างสูงในโลกที่ให้ความสำคัญกับผู้ชาย มุ่งมั่นทำตามฝันที่อยากเป็นนักเขียนขนาดไม่ทำตามความต้องการของพ่อ แต่โชคชะตายังดีอยู่ ในวันที่เธอตกอับยังได้ชายที่ดูเย็นชาหน้านิ่งรับเธอไว้เป็นเพื่อนร่วมห้องแถมยังเอ่ยปากขอแต่งงานกับเธออีก ก่อนที่เหตุการณ์ต่างๆ จะนำพาให้สองคนที่ไม่ได้รักกันแต่แรกกลายเป็นรักกันขึ้นมา พร้อมกับมุมมองของความรักและการครองคู่ที่แทรกใส่มาในตัวละคร 3 คู่และในหลายๆ มุมมอง

ขณะเดียวก็รู้สึกว่า คนเขียนบทนี่เขาเขียนได้ว่า บางช็อตนี่กาวมากเลย เล่นเอาขำก๊าก บทจะจริงจังก็เล่นเอาอินไปด้วยซะนี่ แถมเรื่องนี้พระเอกยังเป็นทาสแมวอีก เจ้าเหมียวที่ชื่อ “แมว” นั่นก็น่ารักดีไม่หยอก อยากจะขอยืมมากอด อุ้ม ลูบหลัง ดูบ้างเหมือนกันนะ

รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์

ขอบคุณภาพประกอบจาก: Korseries, Netflix, tvN