แม้จะเคยได้ยินชื่อแต่ก็ยังไม่เคยได้สัมผัส แม้จะพอรู้จักแต่เพียงพบเจอเพียงผ่านๆ เรื่องราวของเณรน้อยที่มีลูกศรบนหน้าผาก มีพลังควบคุมสี่ธาตุ ไม่ทันนั่งดูแอนิเมชัน มันก็กลายเป็นซีรีส์คนแสดงให้เราดูในเน็ตฟลิกซ์ไปเรียบร้อยแล้ว ‘Avatar: The Last Airbender’ หรือชื่อไทย ‘เณรน้อยเจ้าอภินิหาร’ คือสิ่งที่เราจะหยิบมาเขียนถึงในบทความหน้านี้นั่นเองครับ
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
นี่คือซีรีส์คนแสดงที่สร้างจากคอมมิกและแอนิเมชันที่มีใน Netflix เรื่องราวที่อ้างอิงมาจากความเชื่อของคนเอเชียตะวันออก นักแสดง การออกแบบฉากบ้านเมือง อะไรต่างๆ ก็จะดูมีกลิ่นเอเชียอยู่แทบทั้งหมด เรื่องราวของสี่แคว้นที่ระส่ำระสายเพราะหนึ่งในนั้นคิดรวบเป็นหนึ่งเดียว เลยออกรุกรานชาวบ้านไปทั่ว และมีเพียงเดอะวันเท่านั้นที่จะชวยคืนสมดุลให้ได้ เริ่มต้น อาจจะค่อนข้างเด็กน้อยนิดหน่อย ทั้งด้านบทและซีจี แต่เมื่อมันดำเนินไปถึงตอนสุดท้าย มันกลับกลายเป็นซีรีส์ที่เข้มข้นพอตัว
ถือเป็นการเปิดตัวที่ไม่เลวนัก และคงทำให้หลายคนจดจ่อรอดูซีซันถัดไปแล้วล่ะ
เรื่องย่อซีรีส์ ‘Avatar: The Last Airbender’
โลกที่ อัคคี ปฐพี วารี และ วายุ แคว้นทั้งสี่เคยอยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง ก่อนที่แคว้นอัคคีจะทำให้มันยุ่งเหยิงเพราะความปรารถนาจะรวมโลกเป็นหนึ่ง ยามนี้ พวกมันกำลังไล่ตามผู้อวตารที่มีความสามารถในการควบคุมได้ทั้ง 4 ธาตุอย่างเอาจริงเอาจัง และผู้อวตารคนล่าสุดนั้นยังเป็นเพียงเด็กผู้ชายชื่อ แอง (Gordon Cormier จากซีรีส์ ‘Lost in Space’) เขาคือผู้ควบคุมลมอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่ยังต้องเรียนรู้อีกมากกว่าจะก้าวขึ้นเป็นผู้อวตารตามความคาดหวังของผู้คน
แต่ในวันที่เขายังเป็นเพียงเด็กน้อย ภายใต้การขัดเกลาของอาจารย์กียัตโซที่วิหารวายุใต้ ทั้งเมืองก็ถูกเผาจนย่อยยับไม่เหลือใครเพราะกองทัพแคว้นอัคคีเข้าจู่โจม แต่ทว่า ผู้อวตารกลับหายตัวไป
เวลาผ่านไป 100 ปี กลับปรากฏว่าผู้อวตารไปอยู่ในน้ำแข็งก้อนใหญ่ เขากลับมาได้ด้วยการช่วยเหลืออย่างบังเอิญของสาวน้อยนาม คาทาร่า (Kiawentiio จากซีรีส์ ‘Anne with an E’) สาวน้อยที่กำลังฝึกในการเป็นผู้ควบคุมน้ำและเป็นน้องสาวของ ซ็อกกา (Ian Ousley จากซีรีส์ ’13 Reasons Why’) บัดนี้ แองกลายเป็นผู้ควบคุมลมคนสุดท้ายของโลก
แต่ในระหว่างนั้น เจ้าชายซูโก (Dallas Liu จากหนังเรื่อง ‘Shang-Chi and the Legend of the Ten Rings’) จากแคว้นอัคคี ก็กำลังมุ่งมั่นตามหาร่องรอยผู้อวตารเพื่อพิสูจน์ว่าตนเองคู่ควรในการกลับบ้านอีกครั้งและสืบทอดบัลลังก์ เดินทางเคียงข้าง ท่านลุงไอโรห์ (Paul Sun-Hyung Lee จากซีรีส์ ‘Ahsoka’ และ ‘The Mandalorian’) เชษฐาของเจ้าอัคคี ผู้ที่เชื่อว่าการจับผู้อวตารได้จะเป็นการจบสงคราม
รีวิวซีรีส์ ‘เณรน้อยเจ้าอภินิหาร’
ซีรีส์ที่สร้างขึ้นมาจากนิยาย คอมมิก และแอนิเมชันเรื่องนี้ บอกเล่าโลกที่ถูกเซ็ตขึ้นมาโดยใช้แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมของเอเชียตะวันออก บอกเล่าเรื่องราวของแคว้นต่างๆ บนโลกที่จำแนกไปตามธาตุทั้งสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ โดยที่กำหนดให้แคว้นแห่งไฟ หรือแคว้นอัคคี ที่กำลังเข้าสู่ด้านมืด มีเจ้าอัคคีจอมเผด็จที่ต้องการรุกรานแคว้นอื่นด้วยหวังจะรวมทั้งโลกเป็นหนึ่งเดียว และแต่ละแคว้นก็จะมีคนบางกลุ่มที่มีความสามารถในการควบคุมธาตุได้ แต่ก็ลดจำนวนลงไปเยอะเพราะถูกแคว้นอัคคีรุกรานนี่แหละ
แต่ในโลกนั้น ก็มีคนผู้มีความสามารถในการควบคุมได้ทั้งสี่ธาติ ซึ่งจะถูกเรียกว่า “ผู้อวตาร” ในกาลปัจจุบัน เขาดูจะยังไม่พร้อมเท่าไหร่นัก ทั้งยังเป็นเด็กน้อย ที่ยังต้องเรียนรู้ในการควบคุมพลังอื่นนอกเหนือจากวายุอยู่ เขาเองก็ไม่รู้สึกว่าตนนั้นพร้อม ขณะที่ผู้คนทั้งโลกต่างคาดหวังในตัวเขามากมายนัก
ทำให้ผู้อวตารวัยเด็กคนนี้ต้องเรียบรู้ทั้งด้านวิชาการ ความคิดและจิตใจด้วยตนเอง หลังอยู่ในก้อนน้ำแข็งมาร้อยปี ออกมาก็ยังเป็นเด็กอยู่เหมือนเดิม แต่ต้องพบความจริงอันน่าเศร้า เพราะคนที่รู้จักล้วนตายจากไปนานแล้ว ไม่เหลือใครที่จะสั่งสอนให้ได้อีก
แต่ก็ดูเหมือนโลกจะไม่ใจร้ายกับเขาเกินไปนัก เพราะเขาได้เจอมิตรภาพดีๆ จากทั้ง คาทาร่า สาวน้อยที่กำลังเรียนรู้การควบคุมน้ำและบังเอิญปลดปล่อยเขาออกมาจากก้อนน้ำแข็ง, ซ็อกกา พี่ชายของเธอที่เป็นนักรบเผ่าวารีหลังสูญเสียพ่อแม่ไปจนหมด แม้เขาจะไม่มีพลังอะไรเลยแต่ก็มีความสามารถบางอย่างซ่อนอยู่ นอกจากนี้ ก็ยังมี อัปปา เจ้าไบซันเวหาที่พาบินไปทุกที่ พร้อมด้วยเจ้าโมโม ลีเมอร์หูยาว แม้มันจะตัวเล็กแต่ก็น่ารักและมีประโยชน์
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจ ก็คือ สัตว์ในซีรีส์เรื่องนี้ จะเป็นการผสมสัตว์สองสายพันธุ์ในโลกจริง เช่น ตุ่นแบดเจอร์ที่อยู่ในอุโมงค์ เป็นต้น
ถ้าจะพูดถึงในฝั่งตัวร้าย คงเรียกได้ว่า อยู่ในแคว้นอัคคีเกือบจะหมดสิ้น ไล่มาตั้งแต่ เจ้าอัคคีโอไซ (Daniel Dae Kim จากหนังเรื่อง ‘Insurgent’) ผู้ที่ปกครองในสไตล์เผด็จการ มีลูกสองคนก็ใช้วิธีสร้างแรงกดดันคนหนึ่งเพื่อผลักดันอีกคน เจ้าชายซูโกผู้เย่อหยิ่งทะนงตน และเจ้าหญิงอาซูล่า (Elizabeth Yu จากหนังเรื่อง ‘May December’) ที่ทำได้ทุกสิ่งเพื่อให้อยู่ในสายตาผู้เป็นพ่อ จึงไม่เคยรักแถมยังดูจะเกลียดเสียด้วยซ้ำ ขณะที่ท่านลุงอย่างไอโรห์ ก็เคยเจ็บปวดกับการสูญเสียจากสงคราม แต่ก็ยังยินดีจะเดินทางเคียงข้างหลานชาย
สิ่งที่มองเห็นในซีรีส์เรื่องนี้ ก็คือ การสรรค์สร้างโลกในจินตนาการที่หยิบยืมมาจากโลกแห่งความเป็นจริง ส่วนใหญ่มีความเป็นเอเชีย ทั้งเอเชียตะวันออกที่จะมีทั้งความเป็นจีน ญี่ปุ่น เกาหลี แล้วก็มีเอเชียใต้ หลายคนแต่งกายดูคล้ายคนอินเดีย และบางส่วนก็มีลักษณะการแต่งกายที่คล้ายคนไทยสมัยก่อน
เช่นเดียวกับในด้านสถาปัตยกรรมในแต่ละเมือง ที่จะผสมผสานกลิ่นอายของเอเชียหลายๆ โซนเข้าด้วยกัน แต่เรื่องการพูดก็จะเป็นอังกฤษซะทั้งหมด (ส่วนใครดูพากย์ไทยก็จะได้ยินทุกตัวละครพูดไทยนั่นแหละครับ) ส่วนนักแสดงก็มีทั้งหน้าเอเชียและตะวันตกปะปนกันไป คงเรียกได้ว่าคับคั่งไปด้วยนักแสดงวัยรุ่นมากมาย นอกเหนือจากที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว ก็ยังมี Maria Zhang คนที่เล่นเป็น สุกิ หัวหน้านักรบแห่งเกาะเคียวชิ, Yvonne Chapman ที่เล่นเป็นผู้อวตารเคียวชิที่แองได้เข้าไปสนทนาด้วย, หรืออย่าง Arden Cho ที่สวมบทเป็น จูน หญิงสาวที่เป็นทหารรับจ้าง และ Sebastian Amoruso หนุ่มที่เล่นเป็น เจ็ต หนึ่งในแก๊งคนดีย์ที่คาทาร่าได้พบพานที่โอมาซู หนึ่งในเมืองของแคว้นปฐพี เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ในด้านบทนั้น ด้วยความที่ไม่เคยดูแอนิเมชันหรืออ่านนิยายมาก่อน ก็เลยไม่อาจจะไปเปรียบเทียบได้ เช่นนั้น นายแพทก็จะให้ความสนใจแต่เฉพาะซีรีส์คนแสดงก็แล้วกัน เริ่มต้นเรื่อง มันอาจจะดูเป็นซีรีส์เด็กน้อยไปนิด ด้วยซีจีที่ไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่แม้จะดูผ่านทีวีก็ตาม บวกกับความเด็กน้อยของบทก็อาจจะชวนน่าเบื่อไปบ้าง แต่ก็ได้ที่การสร้างสรรค์ตัวละครที่ต่างก็มีแบ็กกราวด์ที่แข็งแรงประมาณหนึ่ง ทำให้มันยังชวนให้ติดตามไปได้เรื่อยๆ
ด้วยความที่มันพัฒนามาจากนิยายและแอนิเมชันที่ตั้งใจเล่าให้กลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยเด็ก เมื่อถูกจับมาทำเป็นซีรีส์คนแสดงก็อาจจะไม่ต้องการปรับให้ดูผู้ใหญ่กว่า เลยอาจจะดูเด็กน้อยไปบ้าง แต่เท่าที่ดูนะ ซีรีส์มันก็ค่อยๆ เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ เรื่องราวก็เริ่มดูจริงจังมากขึ้นไปตามจำนวนตอน โดยเฉพาะตอนสุดท้ายของซีซันแรกนี่ มันความเข้มข้นพอตัวเลยทีเดียว
เรียกได้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลว และน่าจะได้รับผลตอบรับที่ดีพอจะสร้างซีซันถัดๆ ไปได้อย่างแน่นอน
สิ่งที่ได้จากซีรีส์ ‘เณรน้อยเจ้าอภินิหาร’
อันที่จริง ถึงแม้ซีรีส์มันจะดูเด็กๆ แต่มันก็ให้อะไรกับคนดูได้หลายอย่างเหมือนกันนะ ดูแล้วได้อะไรพอตัวอยู่ ไม่จำเป็นว่าต้องใช้กับเด็กเท่านั้น ผู้ใหญ่เองก็น่าจะได้อะไรไปพร้อมกันด้วยแหละ
- สอนถึงความเลวร้ายของสงคราม ไม่ว่าใครจะชนะหรือแพ้ สงครามนำมาซึ่งความสูญเสียและความเจ็บปวดทั้งสิ้น
- การจะทำอะไรให้สำเร็จ จำเป็นต้องใช้ความช่วยเหลือและการพึ่งพาเหล่าเพื่อน
- ซีรีส์มันมีมุมของการเดินทางค้นหาตัวตน ตัวอย่างง่ายๆ ก็อย่างเช่น ซ็อกกา ที่จำเป็นต้องรับหน้าที่นักรบดูแลชนเผ่าโดยไม่ได้มีผู้ใหญ่คอยสั่งสอน แต่การเดินทางก็ทำให้เขาเห็นตนเองมากขึ้น เช่น รู้ว่าตัวเองเหมาะจะเป็นวิศวกร อะไรเช่นนี้เป็นต้น
- การที่มีผู้คนคาดหวังในตัวเรา คือภาระหนักอึ้งที่เราต้องแบกไว้บนบ่า ก็อยู่ที่เราว่าจะแบกมันไว้ หรือจะปล่อยวางแล้วทำให้ดีที่สุดโดยที่หัวใจเบาๆ กันแน่
- ชีวิตของพวกเด็กๆ พวกเขาต้องเลือกเอง ไม่จำเป็นต้องเชื่อในทุกสิ่งที่ผู้ใหญ่บอก แต่ใช้ข้อมูลและคำแนะนำเหล่านั้นมาคิด แยกแยะและเลือกนำมาใช้กับตนเอง
- หลายสิ่งที่เคยเชื่อกันมา อาจไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเสมอไป เมื่อถึงวันใหม่ หลายควาามคิดก็อาจเก่าเกินไปแล้ว และคงต้องเปลี่ยนแปลงใหม่ซะที
- เsาไม่จำเป็นต้องเป็นนักรบเพื่อเป็นวีรชน เพียงยืนหยัดอยู่เคียงข้างก็นับว่าทำตนเป็นประโยชน์ยิ่งแล้ว
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | Avatar: The Last Airbender / เณรน้อยเจ้าอภินิหาร |
ผู้สร้าง | Albert Kim |
ผู้กำกับ | Michael Goi, Roseanne Liang, Jabbar Raisani, Jet Wilkinson |
ผู้เขียนบท | Michael Dante DiMartino, Audrey Wong Kennedy, Albert Kim,… |
นักแสดง | Gordon Cormier, Kiawentiio, Ian Ousley, Dallas Liu, Paul Sun-Hyung Lee, Daniel Dae Kim, Elizabeth Yu |
แนว/ประเภท | แอ็คชัน, ผจญภัย, คอมเมดี้, ดราม่า, ครอบครัว, แฟนตาซี, ลึกลับ |
จำนวนตอน | ซีซัน 1: 8 ตอน |
ช่องทางรับชม | Netflix |
เริ่มออกอากาศ | 22 กุมภาพันธ์ 2024 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Avatar Studios, Netflix, Nickelodeon Productions |
คะแนนรีวิวซีรีส์ เณรน้อยเจ้าอภินิหาร
พล็อตและบท - 6.8
การดำเนินเรื่อง - 6.9
การแสดง - 7
งานภาพ เทคนิคพิเศษ และโปรดักชั่น - 7
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.5
7
Avatar: The Last Airbender
นี่คือซีรีส์คนแสดงที่สร้างจากคอมมิกและแอนิเมชันที่มีใน Netflix เรื่องราวที่อ้างอิงมาจากความเชื่อของคนเอเชียตะวันออก นักแสดง การออกแบบฉากบ้านเมือง อะไรต่างๆ ก็จะดูมีกลิ่นเอเชียอยู่แทบทั้งหมด เรื่องราวของสี่แคว้นที่ระส่ำระสายเพราะหนึ่งในนั้นคิดรวบเป็นหนึ่งเดียว เลยออกรุกรานชาวบ้านไปทั่ว และมีเพียงเดอะวันเท่านั้นที่จะชวยคืนสมดุลให้ได้ เริ่มต้น อาจจะค่อนข้างเด็กน้อยนิดหน่อย ทั้งด้านบทและซีจี แต่เมื่อมันดำเนินไปถึงตอนสุดท้าย มันกลับกลายเป็นซีรีส์ที่เข้มข้นพอตัว ถือเป็นการเปิดตัวที่ไม่เลวนัก และคงทำให้หลายคนจดจ่อรอดูซีซันถัดไปแล้วล่ะ