หลังสร้างปรากฎการณ์ไว้ใน 8 ตอนของซีซันแรก มีผู้คนพูดถึงกันหนาหูทั้ง 2 ด้านเกี่ยวกับซีรีส์ญี่ปุ่นเรื่อง ‘Alice in Borderland’ หรือ ‘อลิสในแดนมรณะ’ ที่ออกมาในช่วงปลายปี 2020 ผ่านมาอีก 2 ปี ทีมงานก็ส่งซีซัน 2 มาให้บรรดาแฟนๆ ที่ตั้งตารอคอยได้เสพกัน
เริ่มต้นเลย มันเคยเป็นมังงะ (graphic novel) ผลงานของ Haro Aso ที่เขียนลงแมกาซีนรวมทั้งหมด 18 ตอนด้วยกัน จากนั้นก็ถูกดัดแปลงไปเป็นแอนิเมชัน 3 ตอนที่ฉายทางทีวี ก่อนจะกลายมาเป็นซีรีส์แบบคนแสดงที่เราได้ดูกันไปทาง Netflix อย่างที่เห็น
8 ตอนในซีซันแรกที่เล่าเรื่องของ อะริสึ เด็กหนุ่มที่วันๆ ไม่สนใจจะทำอะไรนอกจากเล่นเกม แล้วจู่ๆ เขาก็หลุดจากโลกปกติมาอยู่ในโตเกียวที่ร้างไร้ผู้คน ก่อนจะได้รู้ทุกคนต้องเล่นเกมและต้องเล่นให้ชนะเพื่อจะได้รับวีซ่าให้ใช้ชีวิตอยู่ต่ออีกระยะหนึ่ง ถ้าใครแพ้ก็ต้องถูกแสงพิฆาตสังหาร และก็ต้องเล่นเกมไปเรื่อยๆ ถ้าไม่อยากตาย เหตุการณ์ทั้งหมด ทำให้อะริสึได้พบกับเพื่อนกลุ่มใหม่ รวมทั้งหญิงสาวที่เขารู้สึกพิเศษอย่าง อุซางิ
‘Alice in Borderland ซีซัน 2’ สานต่อเกมท้าตาย
หลังจากเล่นเกมที่แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มตามหน้าไพ่ ดอกจิก ข้าวหลามตัน โพแดง และโพดำ ซึ่งในซีซันแรกก็จะเล่นไพ่ที่มีตัวเลข มาในซีซัน 2 มันกลับกลายเป็นไพ่ที่เป็นตัวอักษร พูดง่ายๆ ว่าความยากของเกมก็จะมากขึ้นนั่นเอง
เริ่มต้นมาก็เล่นสาดกระสุนกันใหญ่ ทำให้ผู้ชมได้รู้ว่า เกมแห่งความตายครั้งนี้ มีผู้เล่นร่วงหายไปง่ายดายมาก การดำเนินเรื่องจึงชวนลุ้นระทึกยิ่งกว่าเดิม ภาพความรุนแรงก็เหมือนจะยิ่งกว่าเดิมด้วยเช่นกัน
ขณะที่ตัวเอกก็ยังคงมากันพร้อมหน้า ไม่เว้นแม้แต่พวกที่ตายไปแล้วในซีซันแรก มีทั้ง อะริสึ (Kento Yamazaki) พระเอกผู้เก่งกาจในการวางแผน, อุซางิ (Tao Tsuchiya) หญิงสาวที่เชี่ยวชาญในด้านการต่อสู้, จิชิยะ (Nijirô Murakami) หนุ่มผมทองมาดเข้มผู้เก่งด้านเกมจิตวิทยา, ทัตตะ (Yutaro Watanabe), คุอินะ (Aya Asahina), นิรากิ (Dori Sakurada) และอัน (Ayaka Miyoshi) แม้กระทั่ง เดอะแฮทเทอร์ (Takeru Danma) ก็ยังโผล่มาด้วย นอกจากนี้ก็ยังมีตัวละครใหม่ๆ อย่าง อากาเนะ เฮยะ (Yuri Tsunematsu) ที่น่ารักไม่เบามาร่วมเล่นเกมอีกนะ
แถมผู้ชมจะได้พบกับการแสดงของ ยามะพี หรือ Tomoshita Yamashita ที่เปลือยกายอวดหุ่นแซ่บในเกมๆ หนึ่งด้วย
ตื่นเต้นขึ้น เน้นเล่นเกมมากขึ้น
ซีซันนี้ เล่าเรื่องหลังจากอะริสึและเพื่อนๆ ออกมาจากบีชที่ล่มสลายลงไป แต่พวกเขากำลังเจอเกมที่แรงและน่าตื่นเต้นมากขึ้น ทั้งต้องหนีการตามไล่ล่าของคิงโพดำที่บ้าระห่ำและตายยากตายเย็น ทั้งพยายามแยกกลุ่มให้เล่นเกมกันตามความสามารถ มีทั้งเกมที่ต้องใช้การคิดวิเคราะห์และเล่นกับจิตวิทยาของเพลเยอร์รายอื่นซึ่งอันนี้ก็มักจะส่งให้เป็นหน้าที่ของจิชิยะ มีทั้งเกมที่ใช้การวางแผนและการทำงานเป็นทีม บ้างก็ทำงานเป็นคู่ ซึ่งแน่นอนว่า หนึ่งในนั้นต้องเป็นอะริสึคนที่วางแผนเก่งและไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ
ส่วนตัว ผมชอบเกมที่ลุ้นเยอะๆ ต้องการแอคชันพอสมควร มันจะดูตื่นเต้นดี ขณะที่เกมแบบจิตวิทยาและคิดวิเคราะห์ จะไม่ใช่สิ่งที่ผมชื่นชอบเท่าไหร่ ก็จะดูแบบผ่านๆ ไปไม่คิดตาม
ในซีซันนี้ ผู้ชมจะได้เห็นโตเกียวที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วมากๆ ตึกรามถูกผืนป่าที่เติบโตรวดเร็วรุกคืบจนทำให้ภาพลักษณ์ของเมืองดูคล้ายกับที่เคยเห็นในสารคดีที่เล่าเรื่องเมื่อโลกนี้ไม่มีมนุษย์อยู่
ระหว่างดูสิ่งที่รู้สึกคือ เหมือนคนทำตั้งใจสร้างฉากและทุ่มเทกับเทคนิคพิเศษมากมายเหลือเกิน จนมันออกมาพาอึ้งที่เขาทำได้แนบเนียนใกล้เคียงของจริงมาก แต่ระหว่างดู ตามันก็มักจะมองเห็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างเช่น ตัวละครบางทีเป็นแผลฟกช้ำ พอผ่านมาอีกฉากรอยนั้นก็หายไป ตัวละครส่วนใหญ่ดูไม่ค่อยสนใจจะอาบน้ำหรือเปลี่ยนเสื้อผ้ากันทั้งๆ ที่มอมแมมเหลือหลาย (หรืออาจจะอยากอาบแหละ แต่หาที่อาบยากกับ ใช้เวลาไปเล่าเรื่องเล่นเกมจะดีกว่า) แต่บางตัวก็มีอยู่ชุดเดียวใส่ยาวทั้งซีซัน เอาเป็นว่า ทำใจเบลอๆ ไปก็แล้วกัน
กับฉากตึกบางตึกที่ดูใหม่กิ๊ง ขณะที่ตึกรอบข้างเต็มไปด้วยต้นไม้ ซึ่งเมื่อถึงเฉลยช่วงท้ายก็อธิบายได้พอควรทีเดียว
ชอบบ้างเป็นบางส่วน บางส่วนก็ไม่ชอบ
เห็นหลายคนบ่นว่าภาคนี้ อะริสึไม่ค่อยเก่งเท่าที่ควรจะเป็น บางทีก็ต้องรอเพื่อมมาเติม ประมาณว่า ผ่านการเล่นเกมมาเยอะแล้ว น่าจะเก่งขึ้นกว่าซีซันก่อน สำหรับผม จะเก่งมากระดับเทพหรือเก่งบ้างด๋อยบ้าง ก็ยังไม่สำคัญเท่ากับการที่บทซีรีส์ยัดคำพูดหล่อๆ ใส่ปากตัวละครมากเกิน แม้จะทำใจมาในระดับหนึ่งแล้วว่า นี่มันคือมังงะที่ใช้คนแสดง การเล่าเรื่องแทบจะไม่ต่างอะไรกับการอ่านมังงะหรือดูอะนิเมะสักเรื่องหนึ่งเลย
ถ้าพูดในฐานะคนที่ไม่ได้อ่านมังงะ ไม่ได้ดูอะนิเมะเรื่องนี้มาก่อน ผมไม่สามารถจะแยกความเป็นอะนิเมะที่ยังอยู่ครบถ้วน เปลี่ยนแค่เป็นคนแสดง ให้ยังรู้สึกว่ามันคือมังงะได้ ทำให้บางส่วนยังออกจะรำคาญความโอเวอร์แอคติ้งและบทพูดที่เวิ่นเว้อเกินไปของ ‘อลิสในแดนมรณะ’ อยู่ดี
ส่วนที่ชอบก็คงเป็นไอเดียในการเฉลยความจริงที่อะริสึมุ่งมั่นตามหามาตลอด ที่เล่นกับคนดูไปพร้อมๆ กัน เหมือนหยิบยืมไอเดียของซีรีส์แนวๆ เดียวกันมาใช้ในเชิงล้อเลียน สร้างลูกเล่นของตัวเองให้แตกต่างออกไปนิดหน่อย กับอีกส่วนก็คือ ไดอะล็อกหลายอันในซีซันที่เข้าท่าน่าคิด
ดูไปจนใกล้จบก็คิดว่า ซีรีส์คงจะสิ้นสุดที่ซีซันนี้ แต่การณ์กลับกลายเป็นว่า ซีซันหน้า…น่าจะยังมี!
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | Alice in Borderland Season 2 / อลิสในแดนมรณะ 2 |
ผู้กำกับ | Shinsuke Sato |
ผู้เขียนบท | Yasuko Kuramitsu, Shinsuke Sato, Yoshiki Watabe |
นักแสดง | Kento Yamazaki, Tao Tsuchiya, Nijiro Murakami, Yutaro Watanabe, Aya Asahina, Dori Sakurada, Ayaka Miyoshi, Yuri Tsunematsu |
แนว/ประเภท | แอคชั่น, ดราม่า, ลึกลับ, ไซไฟ, ทริลเลอร์ |
จำนวนตอน | ซีซัน 1: 8 ตอน, ซีซัน 2: 8 ตอน |
ช่องทางรับชม | Netflix |
เริ่มออกอากาศ | ซีซัน 1: 10 ธันวาคม 2020, ซีซัน 2: 22 ธันวาคม 2022 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Robot Communications |
Alice in Borderland ซีซัน 2
พล็อตและบท - 7.4
การแสดง - 6.2
การดำเนินเรื่อง - 7.4
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.3
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 7.8
7.2
อลิสในแดนมรณะ 2
ซีซันสองของ Alice in Borderland ซีรีส์ที่แปลงจากมังงะและยังคงเดินเรื่องในสไตล์เดียวกัน ราวกับเรากำลังอ่านมังงะในแบบไลฟ์แอคชั่น คราวนี้ เกมที่พวกเขาต้องเล่นมีความลุ้นระทึกมากขึ้น เล่นกับเกมแอคชั่นที่ต้องวางแผนการเล่น สลับกับเกมเชิงจิตวิทยาที่ดูนิ่งๆ แต่ใช้ไหวพริบ ก่อนจะขมวดและเฉลยปมในตอนสุดท้าย และมันก็ไม่ได้จบแค่นั้น...