
มีซีรีส์เรื่องหนึ่ง ที่เข้าฉายในเน็ตฟลิกซ์ช่วงเทศกาลวันแห่งครอบครัวพอดิบพอดี เลยไม่ทันได้ดูในช่วงนั้น แต่พอหลังสงกรานต์ก็กลับมาเปิดดูทันที ‘Adolescence’ หรือชื่อไทย ‘วัยลน คนอันตราย’ เรื่องนี้ เล่าถึงเหตุเด็กชายคนหนึ่งที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าฆ่าเพื่อนผู้หญิง เขาถูกสอบสวน และสังคมต้องให้คำตอบเรื่องนี้
คิดเห็นเช่นไรกับซีรีส์เรื่องนี้?
ซีรีส์ที่หยิบเอาเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ๆ ในสังคม มาเล่าและถ่ายทอดภายใน 4 ตอนได้อย่างหนักแน่นและน่าติดตาม เรื่องราวที่เริ่มต้นจากการเข้าจับกุมเด็กวัย 13 ปีจากบ้านของเขาเอง ผ่านไปสู่การสืบสวนหาแรงจูใจของสองตำรวจ การพูดคุยกับนักจิตวิทยาที่พาให้เห็นสภาพจิตของเด็กวัยรอยต่อ เรื่อยไปถึงสภาพของครอบครัวในวันที่ลูกชายยังอยู่ในระหว่างดำเนินคดี ถือเป็นการถ่ายทอดความจริงของความรุนแรงที่พารู้สึกเรียลราวกับเกิดขึ้นจริงตรงหน้า
โดยเฉพาะกับการถ่ายทำแบบลองเทคยาวทั้ง 50-60 นาทีที่น่าทึ่ง พาให้รู้สึกหดหู่และอึดอัดยิ่งขึ้นไปอีก
เรื่องย่อซีรีส์ ‘Adolescence’
เหตุมันเริ่มต้นขึ้นจากวันที่กำลังตำรวจที่นำโดย บาสคอมบ์ (Ashley Walters จากซีรีส์ ‘Bulletproof’) และมิชา แฟรงก์ (Faye Marsay จากซีรีส์ ‘Andor’) บุกเข้าจับกุม เจมี่ มิลเลอร์ (Owen Cooper) เด็กหนุ่มวัย 13 ปีในฐานะผู้ต้องหาคดีฆาตกรรมใช้มีดแทงเคที่เพื่อนร่วมชั้นเรียน 7 แผล จนถึงแก่ความตาย
จากนั้น สองตำรวจก็ต้องทำการสืบสวนหาทั้งมูลเหตุแรงจูงใจและอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุ ก่อนที่ทั้งครอบครัวและนักจิตวิทยาต่างก็เข้ามามีส่วนในการตอบคำถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงครั้งนี้
รีวิวซีรีส์ ‘วัยลน คนอันตราย’
ทุกวันนี้ ความรุนแรงในสังคมดูเหมือนจะมีมากขึ้น แม้ความจริงอาจเป็นแค่ความรู้สึกของเราเอง ความรุนแรงนั้นมันอาจมีมานานแล้ว อาจเรียกได้ว่าเคียงคู่กับมนุษยชาติเลยก็ว่าได้ เผลอๆ มันอาจถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ โดยที่เราไม่ทันคาดคิดไปถึง ซึรีส์เรื่องนี้ พยายามหยิบเอาเหตุที่เกิดขึ้นทุกเมื่อเชื่อวันมาบอกเล่าให้ตระหนักกันอีกครั้งในเรื่องราวที่ถูกแบ่งออกเป็น 4 ตอน
สองตอนแรก เล่าผ่านสายตาของคู่หูตำรวจสองคนที่นำกำลังไปจับกุมเด็กหนุ่มวัย 13 ปี ด้วยข้อหาฆาตกรรมหญิงสาวเพื่อนร่วมชั้น จากนั้น ทั้งสองคนก็สืบสวนหาความจริงเบื้องหลังเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ ก่อนที่ตอนต่อมา นักจิตวิทยาคลินิกที่เข้าไปพูดคุยกับเด็กคนเดิม และปิดด้วยตอนสุดท้าย เล่าเจาะจงไปที่ครอบครัวของเด็กหนุ่มคนนั้น
เรื่องราวในซีรีส์เรื่องนี้ อาจบ่งบอกถึงความจริงอย่างหนึ่งว่า ในช่วงระยะเวลาที่เรายังเป็นวัยรุ่นนั้น มันมีแต่เรื่องยุ่งเหยิงที่ผู้ใหญ่ไม่ค่อยเข้าใจ มันเป็นวัยแห่งความคึกคะนอง จึงมีทั้งความรุนแรง ความดื้อดึงไม่เชื่อฟัง และเด็กวัยแรกรุ่นทุกคนต่างทำอะไรกันไปอย่างไม่ยั้งคิดให้มากพอ จนบางครั้งพลาดพลั้งกลายเป็นเหตุอาชญากรรม ซึ่งเด็กวัยรุ่นในวันนั้นก็จะกลายมาเป็นผู้ใหญ่ในวันนี้ สองคนในนั้นเป็นตำรวจสายสืบที่ต้องมาสืบสาวหาต้นสายปลายเหตุของเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในโรงเรียนที่ลูกชายของตนเรียนอยู่
บทซีรีส์จึงนอกจากเล่าเรื่องความรุนแรงที่เกิดในโรงเรียน มันยังเล่าถึงอีกหลายสิ่ง โดยเฉพาะเรื่องการบูลลี่ระหว่างเพื่อนนักเรียนด้วยกัน ผ่านไปถึงเรื่องชายแท้และความคิดเรื่องเพศบางอย่าง รวมไปถึงพฤติกรรมการใช้งานโซเชียลมีเดียของเด็กสมัยนี้
และมันก็ยังเล่าถึงโรงเรียนที่ควรเป็นพื้นที่เพาะบ่มเด็กให้เป็นคนดีของสังคม แต่กลับกลายเป็นโซนเน่าเหม็นและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ความชั่วร้าย เหมือนว่าจะบทจะเทความผิดไปที่โรงเรียนในตอนแรก แต่ก็ไม่ใช่ เมื่อมันควานหาคำตอบไปยังพื้นที่อื่นอย่างตัวเด็กเอง และสุดท้ายก็เป็นครอบครัว
ตอนที่สามคือการปะทะกันระหว่าง หญิงสาวเจ้าหน้าที่จิตวิทยา (ที่เล่นโดย Erin Doherty) กับเด็กวัยรุ่นผู้ชาย ที่ทำให้เราเข้าใจความคิดและสภาวะจิตใจของเด็กผู้ชายคนนี้ได้มากขึ้น และเมื่อมันเล่าในแบบ Long Take และถ่ายทำในแบบ Long Shot มันก็ทำให้เราได้ทึ่งว่า Owen Cooper เด็กคนที่เพิ่งจะเริ่มต้นในวงการ แต่งานแรก ๆ ที่โคตรยากก็ทำได้ดีถึงขนาดนี้ ชวนคิดว่า อนาคตของเขาต้องไกลแน่ ๆ
Taglines: A child accused. Everyone left to answer.
เรื่องราวที่ชวนหดหู่ใจที่เริ่มต้นอย่างไม่ให้ทันตั้งตัว เล่าร่ายยาวด้วยวิธีถ่ายทำช็อตเดียวต่อเนื่องไปทั้งตอนที่ยาวถึง 50-60 นาที ด้วยบทพูดที่มากอยู่สักหน่อย อาจต้องใช้ความอดทนดูอยู่บ้าง ก่อนมันจะพาเราไปถึงตอนสุดท้ายที่อาจมากพอจะเล่าต้นสายปลายเหตุของเรื่องทั้งหมดได้
สุดท้ายแล้ว มันคงทำให้เราได้มองเห็นว่า โลกทุกวันนี้ เต็มไปด้วยอาชญากรรม ที่นับวันอายุของอาชญากรจะน้อยลงทุกที สังคมกำลังสร้างอาชญากรตัวน้อย อาชญากรที่ยังไม่ได้เรียนรู้โลกมากนัก ถูกเพาะบ่มจากสังคมที่โครงสร้างเน่าใน ดูซีรีส์เรื่องนี้แล้วอาจพาอารมณ์ดิ่ง แต่ก็ต้องตอบคำถามให้กับตัวเองว่า ‘จริง ๆ แล้ว เป็นเด็กคนนี้ที่ฆ่าคน หรือสังคมต่างหากที่เป็นสาเหตุ’
ขณะที่การใช้รูปแบบลองเทค อาจเป็นกรรมวิธีการเล่าที่พาให้คนดูรู้สึกอึดอัด แถมยังชวนให้มันรู้สึกจริงเกินกว่าจะเป็นแค่เรื่องเล่า
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | Adolescence / วัยลน คนอันตราย |
ผู้สร้าง | Stephen Graham, Jack Thorne |
ผู้กำกับ | Philip Barantini |
ผู้เขียนบท | Stephen Graham, Jack Thorne |
นักแสดง | Owen Cooper, Stephen Graham, Ashley Walters, Faye Marsay, Erin Doherty |
แนว/ประเภท | อาชญากรรม, ดราม่า, สืบสวนสอบสวน, ระทึกขวัญ |
จำนวนตอน | 1 ซีซัน: 4 ตอน |
ช่องทางรับชม | Netflix |
เริ่มออกอากาศ | 13 เมษายน 2025 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | It’s All Made Up Productions, Matriarch Productions, Plan B Entertainment |
คะแนนรีวิวซีรีส์ วัยลน คนอันตราย
พล็อตและบท - 9
การแสดง - 10
การดำเนินเรื่อง - 9
การถ่ายทำ เทคนิคพิเศษและโปรดักชั่น - 10
เพลงและดนตรีประกอบ - 9
9.4
Adolescence
ซีรีส์ที่หยิบเอาเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ๆ ในสังคม มาเล่าและถ่ายทอดภายใน 4 ตอนได้อย่างหนักแน่นและน่าติดตาม เรื่องราวที่เริ่มต้นจากการเข้าจับกุมเด็กวัย 13 ปีจากบ้านของเขาเอง ผ่านไปสู่การสืบสวนหาแรงจูใจของสองตำรวจ การพูดคุยกับนักจิตวิทยาที่พาให้เห็นสภาพจิตของเด็กวัยรอยต่อ เรื่อยไปถึงสภาพของครอบครัวในวันที่ลูกชายยังอยู่ในระหว่างดำเนินคดี ถือเป็นการถ่ายทอดความจริงของความรุนแรงที่พารู้สึกเรียลราวกับเกิดขึ้นจริงตรงหน้า โดยเฉพาะกับการถ่ายทำแบบลองเทคยาวทั้ง 50-60 นาทีที่น่าทึ่ง พาให้รู้สึกหดหู่และอึดอัดยิ่งขึ้นไปอีก