เพราะอุบัติเหตุ ทำให้คนรักของเธอจากโลกนี้ไป และก็เพราะอุบัติเหตุก็ทำให้เธอได้พบเจอกับชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนกับเขาอีกครั้ง เรื่องราวความรักที่ผสมผสานแฟนตาซีที่จะพาทุกคนย้อนกลับไปยังช่วงเวลาแห่งความทรงจำ ยุค 90’s ที่ทุกคนยังฟังเพลงด้วยเทปคาสเส็ทและซาวด์อะเบาต์ ‘A Time Called You’ หรือชื่อไทย ‘เวลาเพรียกหาเธอ’ มีฉายแล้ววันนี้ที่เน็ตฟลิกซ์
คือซีรีส์เกาหลีที่รีเมกมาจากเวอร์ชันไต้หวันปี 2019 เรื่อง ‘Someday Or One Day’ และเป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องน่าฉงนของการเดินทางข้ามเวลาไปมาของตัวละคร สร้างความสัมพันธ์ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเกิดขึ้นได้ให้บังเกิดขึ้นมา เวลาที่ทับซ้อนกันสร้างวังวนแห่งความรักที่ไม่ธรรมดา พวกเขาเจอกันในแบบที่คนทั่วไปไม่มีทางได้เจอ เรื่องราวที่ปรากฏขึ้นทั้งในเวลาอดีตและเวลาปัจจุบัน พันเกี่ยวกันจนกลายเป็นรายละเอียดที่ซับซ้อนและต้องใช้สมองพอประมาณ
แต่ก็ไม่ได้ยากเกินในการทำความเข้าใจ
เรื่อย่อซีรีส์ ‘A Time Called You’
ในปี 1998 ควอนมินจู (Jeon Yeo Bin/จอนยอบิน จากซีรีส์เรื่อง ‘Vincenzo’ และ ‘Glitch’) เด็กผู้หญิงผู้ใสซื่อ ไร้เพื่อนและขี้อายคนหนึ่งที่ทำงานดูแลร้านแผ่นเสียงชื่อ ’27 เรคคอร์ด’ ในเมืองนกซาน ได้พบมิตรภาพดีๆ จากสองหนุ่มเพื่อนซี้ นัมชีฮอน (Ahn Hyo-Seop/อันฮโยซอบ จากซีรีส์เรื่อง ‘Lovers of the Red Sky’ และ ‘Abyss’) หนุ่มหล่อสุดป็อปที่เธอชอบ และ จองอินกยู (Kang Hoon/คังฮุน จากซีรีส์เรื่อง ‘Little Women’ และ ‘The Red Sleeve’) หนุ่มหล่ออีกคนที่ชอบเธอ
ในวันที่มินจูเอ่ยสารภาพรักกับซีออนออกไป เธอได้รับคำปฏิเสธกลับมา ความรู้สึกเจ็บปวดยังคุกรุ่นก่อนที่เธอจะประสบอุบัติเหตุถูกรถชน
ในปี 2023 คูยอนจุน (Ahn Hyo Seop/อันฮโยซอบ จากซีรีส์เรื่อง ‘Dr. Romantic 3’ และ ‘Business Proposal’) จากไปเมื่อปีก่อนด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก แต่ฮันจุนฮี (Jeon Yeo Bin/จอนยอบิน จากภาพยนตร์เรื่อง ‘Night in Paradise’ และ ‘Secret Zoo’) ยังคงโศกเศร้าและคิดถึงเขาไม่เว้นวาย เธอยอมรับไม่ได้ว่าเขาตายไปแล้วจริงๆ และรู้สึกราวกับถูกทิ้งไว้คนเดียว ยังคงส่งข้อความไปหาเขาอยู่เสมอ แม้ข้อความเหล่านั้นจะไม่เคยถูกเจ้าตัวอ่านเลยสักครั้งก็ตาม ในวันที่อธิษฐานขอให้เขากลับมาหา เธอก็พบตัวเองตื่นมาบนเตียงในโรงพยาบาล
ตรงหน้าคือชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนกับยอนจุนที่เธอโหยหาไม่มีผิด จึงลืมตัวโผเข้าไปกอด ก่อนที่จะรู้ว่า ตอนนี้เธออยู่ในปี 1998 และชายหนุ่มตรงหน้าคือชีออน และเธออยู่ในร่างของมินจู
รีวิวซีรีส์ ‘เวลาเพรียกหาเธอ’
ด้วยความที่ผมไม่เคยได้ดูซีรีส์เรื่องนี้ในฉบับไต้หวันมาก่อน การมาได้เจอกับ ‘เวลาเพรียกหาเธอ’ ครั้งนี้คือการได้รู้จักของใหม่ เริ่มต้นจากความไม่รู้ว่ามันจะเป็นเรื่องราวแบบไหน ทำให้ต้องอึ้งแล้วอึ้งอีก แถมทึ่งว่าคนคิดพล็อตและบทเขาจินตนาการมันออกมาได้ยังไงกันเนี่ย เรื่องราวมีความลึกลับชวนค้นหาบวกฉงน และต้องอาศัยเวลาให้สมองทบทวนทำความเข้าใจอีกด้วยแหละ
ความสัมพันธ์แบบคร่าวๆ ในตอนเริ่มแรก
อันจุนฮี คือ หญิงสาวที่ใช้ชีวิตอยู่ในปี 2023 ด้วยการเป็นสาวออฟฟิศ ทำงานประจำเป็นหัวหน้าในทีมประชาสัมพันธ์อะไรประมาณนั้น ทุกอย่างที่ดูเหมือนจะดี แต่เธอยังคงคิดถึงและโหยหาคูยอนจินตลอดระยะ 1 ปีที่เขาหายหน้าไปหลังอุบัติเหตุทางเครื่องบิน ชีวิตหักเหด้วยบทที่พาเธอกลับไปยังปี 1998 ในร่างของเด็กสาวชื่อควอนมินจู และทำให้ธอได้เจอหน้าคูยอนจินอีกครั้ง แต่เขากลับเป็นเด็กนักเรียนที่ชื่อนัมชีฮอน
เท่านั้นไม่พอ ในช่วงเวลานั้น มันยังเกิดเหตุรักสามเส้าของเพื่อนสนิทขึ้นมาอีก เพราะอินกยู(เพื่อนสนิทของชีฮอน)ชอบมินจู ขณะที่มินจูกลับชอบชีฮอน ทำให้ชีฮอนพยายามรักษาระยะห่างและไม่ถลำใจไปชอบมินจูให้มากกว่าเพื่อน
แต่มันก็ไม่ใช่แค่นั้น เหตุการณ์ต่างๆ มันกลับไปกลับมา ก่อเกิดเป็นวังวน แถมเต็มไปด้วยรายละเอียด ที่หลายส่วนรอการเฉลย บางส่วนก็เฉลยเร็ว แต่บางส่วนก็ปล่อยให้ผู้ชมรอคอยไปเรื่อยเพราะมันยังไม่ถึงเวลา
นักแสดงนำแต่ละคน ต้องเล่นเป็นหลายตัวในหน้าตาเดียวกัน
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือ การแสดงของเหล่าตัวละครนำ เราได้เห็นว่าพวกเขาพยายามอย่างหนักเพื่อจะเล่นให้เข้าถึง จอนยอบิน ต้องเล่นเป็นทั้ง ฮันจุนฮีในบทสาวออฟฟิศที่คิดถึงคนรัก สลับไปเล่นเป็นควอนมินจูที่ไม่มั่นใจในตัวเอง ไม่มีเพื่อน พูดน้อยและขี้อาย แต่ต่อมาก็ต้องเป็นฮันจุนฮีที่อยู่ในร่างมินจู ที่บุคลิกแตกต่างไปจากคนเดิม แต่ละช่วงเวลา จอนยอบิน เล่นเอาไว้ได้ดีมากๆ จนทำให้น้ำตาซึมไปหลายหน
ขณะที่ตัวพระเอกอย่าง อันฮโยซอบ เอง ก็ต้องเล่นเป็นหลายตัวเช่นกัน ไม่ว่าจะตอนเป็นนัมชีฮอนที่แอบชอบมินจู แต่เห็นเพื่อนชอบเลยตอบปฏิเสธแบบทื่อๆ หรือจะเป็นตอนที่เขาต้องเล่นเป็นฮีซอนที่อยู่ในร่างยอนจุน หรือจะเป็นตอนที่เขาต้องเล่นชายลึกลับขาเป๋ผมยาวไว้หนวดแอบซุ่มติดตามฮันจุนฮี ทำให้ต้องถ่ายทอดความรู้สึก สีหน้าแววตา และบุคลิก ให้ออกมาแตกต่างตามแต่ว่า ‘คนข้างใน’ ร่างนั้นเป็นใครและกำลังรู้สึกนึกคิดอะไรอยู่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยทีเดียว
เรื่องราวบางส่วนเล่าถึงแง่มุมของคนที่มีปมในการเข้าสังคม ไม่อาจเป็นที่รักของผู้คน โดยเฉพาะของใครสักคน จนต้องเสแสร้งทำตัวเป็นคนอื่นเพื่อให้เป็นที่รัก มันเป็นเรื่องน่าเห็นใจมากๆ และบทหนังที่พยายามให้กำลังใจคนที่ประสบกับสิ่งนี้อยู่ ซึ่งนักแสดงคนหนึ่งในเรื่องถ่ายทอดเอาไว้ได้ดีมากๆ เช่นกัน
อีกสิ่งที่บทสอดแทรกเข้ามา คือ เรื่องที่พ่อแม่ของมินจูกำลังจะเลิกรากัน เธอมีแม่ที่เลือกให้ท้ายลูกชาย ทำเหมือนกับลูกสาวไม่มีตัวตนและไม่สำคัญ แต่แม่ก็เปลี่ยนไปเยอะเลยเมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของมินจู จนทำให้รู้สึกว่าเปลี่ยนไปจนน่าประหลาดใจเหมือนกันแฮะ
กิมมิกที่มากมายในซีรีส์เรื่องเดียว
ในเรื่องนี้ มีซาวด์อะเบาต์เครื่องหนึ่งที่กลายเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเชื่อมต่อเรื่องราว และเป็นสื่อกลางที่เชื่อมต่อทุกตัวละคร มันเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ทำให้พระนางได้เดินทางข้ามเวลาไปอยู่ในอีกร่างหนึ่ง มันทำงานพร้อมกับเพลงน้ำตา ของศิลปินนาม ซอจีวอน ซึ่งถูกเปิดขึ้นพร้อมๆ กับการสลับเวลา เมื่อไปเช็คดูใน Spotify ก็พบว่ามีศิลปินและอัลบั้มนี้อยู่จริง มันคืออัลบั้ม ‘Tears’ ของศิลปิน Seo Ji Won เพลงที่ถูกใช้ก็คือเพลง ‘Gather my tears’ เป็นอัลบั้มที่ออกมาในปี 1996 แถมตัวนักร้องก็ตายไปตอนอายุ 19 กลายเป็นความเชื่อมโยงที่คาดไม่ถึงระหว่างตัวศิลปินกับตัวละครในเรื่อง
สิ่งต่อมาก็คือ ไดอารี่ของมินจู ที่ครั้งหนึ่งก็เคยถูกขีดเขียนโดยจุนฮีที่อยู่ในร่างของมินจู จึงเป็นอีกสิ่งที่ถูกส่งกลับมายังจุนฮี นอกเหนือจากซาวอะเบาต์และเทปอัลบั้มนั้น พวกนี้เป็นรายละเอียดที่ใช้เดินเรื่อง นับว่า คนเขียนบทเขาเก่งมากๆ เลยเชียวแหละ
รูปถ่ายของเด็กสามคนที่แบชีวอน (Park Hyuk Kwon/พัคฮยอกควอน จากซีรีส์เรื่อง ‘Behind Your Touch’ และ ‘Reborn Rich’) คุณน้าของมินจูเป็นคนถ่ายให้ พูดถึงคุณน้าคนนี้ เขาคือคนที่เชื่อมทุกตัวละครนำเข้าด้วยกัน เขาเป็นทั้งเจ้าของร้านเทปและแผ่นเสียง 27 เรคคอร์ด ที่นกซานในเวลาอดีต และร้านกาแฟ คาเฟ่ 27 ในโซล ณ เวลาปัจจุบัน ซึ่งแม้แต่เลข 27 ก็มีที่มาที่ไปซึ่งจะดูเฉลยก็ต้องไปดูซีรีส์เอาเองนะจ๊ะ
นอกจากนี้ ในส่วนของเพลงประกอบ ที่โดดเด่นสุดและชวนใจฟูที่สุด ก็คงจะเป็นเพลง ‘Beautiful Restriction’ ที่ได้สาวเกิร์ลกรุ๊ปวัยสดใสอย่าง NewJeans มาร้องไว้ รวมกับเพลงอื่นๆ ก็นับว่าเข้าที อีกเพลงที่ชอบก็เห็นจะเป็น ‘Melody’ ของ Baek A ที่ร้องเสียงลมทั้งเพลงไว้ได้ไพเราะมาก
บทที่เขียนมาอย่างดี โรยขนมปังแล้วปล่อยคนดูตามเดินเก็บ
ต้องชื่นชมผู้เขียนบท (รวมไปถึงผู้เขียนบทของเวอร์ชั่นก่อนหน้าด้วย) เพราะเขาร้อยเรียงเรื่องราวมาได้ซับซ้อนจนคนดูต้องใช้สมองทั้งจดจำและวิเคราะห์เพื่อให้เข้าใจไทม์ไลน์ที่ยุ่งเหยิงได้ครบถ้วนมากที่สุด ซีรีส์เรื่องนี้เต็มไปด้วยรายละเอียด ที่พลาดไปเพียงนิดก็อาจต้องดูด้วยความสงสัยไปตลอด ในเรื่องจะมีทั้งคำพูดและบทสนทนา ที่ถูกหยิบมาใช้ซ้ำ บุคลิกของตัวละครที่เปลี่ยนแปลงไปในคนที่หน้าเหมือนกัน ที่สำคัญ คือเหตุและผลของการกระทำที่ต้องมีอยู่เสมอ เพราะเกิดเหตุการณ์ที่สำคัญและพลิกผันอยู่ตลอดนั่นเอง
บทซีรีส์จะโรยขนมปังทิ้งไว้ตามรายทาง ให้คนดูได้ตามเก็บข้อมูลอย่างไม่หยุดหย่อน ชายหนุ่มไว้เคราขากระเผลกที่สะกดรอยตามจุนฮี เขาเป็นใครกันแน่ เป็นยอนจุนหรือว่าชีฮอน เงื่อนงำของอุบัติเหตุที่ควอนมินจูประสบ ใครกันแน่คือผู้ร้าย หรือเพื่อนร่วมโรงเรียนที่แฝงตัวสะกดรอยมินจูอยู่คือใคร ทุกอย่างชวนให้สงสัย แต่กว่าจะได้เฉลยก็ผ่านไปเกือบใกล้จบแล้ว
นอกจากจะฉงนกับการที่พระนางจะมาเจอและรักกันได้ ใส่ไอเดียของการเข้าไปครองร่างอื่นที่หน้าตาต้องคล้ายกันผ่านการฟังเพลงนั้นจากซาวอะเบาต์แล้ว เรื่องราวของมันก็พลิกผันเยอะดี ปล่อยให้ผู้ชมได้ฉงนไปกับฝ่ายหญิงสาวที่ย้อนเวลากลับไปอยู่ในร่างของเด็กสาวอีกคน แต่อีกวัน ก็พาให้ชายหนุ่มในอดีตให้ได้มาใช้ชีวิตอยู่ในร่างของอีกคนตอนปัจจุบัน ก่อนจะได้คิดว่า ยังมีบางสิ่งที่ยังไม่ถูกต้องแล้วกลับไปแก้ไข หวังให้การวนลูปสิ้นสุดลง
เป็นซีรีส์ที่ต้องใช้พลังพอสมควร คนเข้าใจเรื่องยาก อาจรู้สึกพอไปได้ในครึ่งแรก ก่อนจะเริ่มมึน และในเมื่อบทมันยังไปไม่ยอมหยุด ทำให้การเปิดดู 2 หนเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้จะรู้สึกว่า บางช็อตชวนรู้สึกไม่เมกเซนส์อยู่นิดๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร บทมันก็พยายามจะปิดข้อกังขาใหญ่ๆ ไว้ได้หมด รวมกับที่นักแสดงถ่ายทอดคาแรกเตอร์ในแต่ละช่วงเวลาไว้ยอดเยี่ยม จึงยังรู้สึกชื่นชมอย่างมากอยู่ดี
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | A Time Called You / เวลาเพรียกหาเธอ / 너의 시간 속으로 |
ผู้กำกับ | Kim Jin Won/คิมจินวอน (เจ้าของผลงาน ‘Her Private Life’) |
ผู้เขียนบท | Choi Hyo Bi/ชเวฮโยบี (เจ้าของผลงาน ‘Babysitter’) |
นักแสดง | Ahn Hyo Seop/อันฮโยซอบ, Jeon Yeo Bin/จอนยอบิน, Kang Hoon/คังฮุน |
แนว/ประเภท | ดราม่า, โรแมนติก, แฟนตาซี |
จำนวนตอน | ซีซัน 1: 12 ตอน |
ช่องทางรับชม | Netflix |
เริ่มออกอากาศ | 8 กันยายน 2023 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Lian Entertainment, NPIO Entertainment, Studio Flow, Netflix |
คะแนนซีรีส์ เวลาเพรียกหาเธอ
พล็อตและบท - 9
การดำเนินเรื่อง - 9
การแสดง - 9
เพลงและดนตรีประกอบ - 8.5
งานถ่ายภาพ โปรดักชั่นและเทคนิคพิเศษ - 8
8.7
A Time Called You
เป็นซีรีส์ที่ต้องใช้พลังพอสมควร คนเข้าใจเรื่องยาก อาจรู้สึกพอไปได้ในครึ่งแรก ก่อนจะเริ่มมึน และในเมื่อบทมันยังไปไม่ยอมหยุด ทำให้การเปิดดู 2 หนเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ถึงแม้จะรู้สึกว่า บางช็อตชวนรู้สึกไม่เมกเซนส์อยู่นิดๆ แต่ไม่ว่าอย่างไร บทมันก็พยายามจะปิดข้อกังขาใหญ่ๆ ไว้ได้หมด รวมกับที่นักแสดงถ่ายทอดคาแรกเตอร์ในแต่ละช่วงเวลาไว้ยอดเยี่ยม จึงยังรู้สึกชื่นชมอย่างมากอยู่ดี