ซีรีส์หลายเรื่องที่เคยเป็นนิยายขายดีมาก่อน เรื่องนี้ก็เช่นกัน ‘3 Body Problem’ ชื่อไทย ‘ดาวซานถี่ อุบัติการณ์สงครามล้างโลก’ มันเล่าถึงโลกมนุษย์ที่กำลังเผชิญหน้ากับความหวาดกลัวครั้งใหม่ เมื่อครั้งหนึ่ง เคยมีการส่งสัญญาณสื่อสารออกไป จนทำให้เอเลี่ยนตอบรับกลับมาพร้อมแจ้งด้วยว่าจะมาถึงเมื่อไหร่ มนุษยชาติจึงต้องหาทางรับมือการเผชิญหน้าต่อพวกต่างดาวที่เจริญล้ำหน้ากว่านั่นเอง
ความเห็นส่วนตัวของนายแพท
สร้างจากนิยายไตรภาคที่ได้รับคำชมว่าสนุกสุดตื่นเต้น กลายมาเป็นซีรีส์ไซไฟเรื่องเยี่ยมที่เล่าถึงการรับมือของนักฟิสิกส์และนักสืบที่ร่วมกันเผชิญหน้ากับเอเลี่ยนที่ถูกเชื้อเชิญมาโดยมนุษย์กลุ่มหนึ่ง ใส่ไอเดียมุมมองว่าเอเลี่ยนคือพระเจ้าที่จะมาทำให้พวกเราพัฒนาขึ้น 8 ตอนของซีรีส์เรื่องนี้ ดำเนินเรื่องอย่างเข้มข้นชวนสงสัยและติดตาม มีแผ่วบ้างในช่วงท้าย ก่อนจะตีตื้นอีกครั้งในตอนจบ
คนที่ชื่นชอบน่าจะดูรวดเดียวจบกันอย่างแน่นอนเลย
เรื่องย่อซีรีส์ ‘3 Body Problem’
ในช่วงทศวรรษที่ 1960 ประเทศจีน หญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อ เย่เหวินเจี๋ย (Zine Tseng) นักวิชาการลูกสาวของนักวิชากรที่ถูกกำลังทหารควบคุม เธอคือผู้ส่งสัญญาณสื่อสารจากมนุษยชาติออกไปนอกโลก และเป็นคนสร้างแรงกระเพื่อมข้ามจักรวาลและห้วงเวลามายังยุคปัจจุบัน
ในเวลาปัจจุบัน เวร่า เย่ (Vedette Lim) โดนยกเลิกงานวิจัยและฆ่าตัวตาย ต่อมา เหล่าศิษย์คนโปรดทั้งหมดของเธอกำลังเผชิญกับเหตุเหลือเชื่อบางอย่าง
ดร.อ๊อกกี้ ซัลลาซาร์ (เอซ่า กอนซาเลซ/Eiza González จากหนังเรื่อง ‘I Care a Lot’ และ ‘Godzilla vs. Kong’) ผู้คิดค้นพัฒนาเส้นใยนาโน เริ่มมองเห็นภาพลวงตาแปลกๆ ที่เป็นนาฬิกานับถอยหลัง แม้เธอจะรู้ว่ามีคนอยากให้หยุดโครงการนี้แต่ไม่รู้ทำไม แล้วก็ยังมีนักวิทยาศาตร์อีกหลายคนบนโลกที่เห็นแบบเดียวกัน พวกเขาต่างเลิกทำงานไม่ก็ฆ่าตัวตาย
อีกสี่คน คือ จินเฉิง (เจส ฮอง/Jess Hong จากซีรีส์ ‘The Brokenwood Mysteries’) สาวเนิร์ดนักฟิสิกส์ที่เป็นเพื่อนซี้ของอ็อกกี้, ซอล ดูรานด์ (โยวัน อะเดโป/Jovan Adepo จากหนังเรื่อง ‘Overlord’) นักฟิสิกส์หนุ่มผิวดำที่ทำงานใกล้ชิดเวร่า, วิล ดาวนิ่ง (อเล็กซ์ ชาร์ป/Alex Sharp จากหนังเรื่อง ‘The Hustle’) อาจารย์สอนฟิสิกส์ที่เป็นมะเร็งตับอ่อนระยะที่สี่ และ แจ็ค รูนี่ย์ (จอห์น แบรดลีย์/John Bradley จากซีรีส์เรื่อง ‘Game of Thrones’) เพื่อนสุดร่ำรวยของพวกเขา ทั้งหมดกำลังเผชิญหน้าอยู่กับบางสิ่งที่พวกเขาไม่เข้าใจและมุ่งมั่นจะไขปริศนา
ท่ามกลางความสับสนนั้น มี คลาเรนซ์ หรือ ต่าฉือ (เบเนดิกต์ หว่อง/Benedict Wong จากหนังเรื่อง ‘The Martian’) เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองที่กำลังตามสืบเรื่องนี้อยู่ ภายใต้การดูแลของหัวหน้าอย่าง โทมัส เวด (เลียม คันนิ่งแฮม/Liam Cunningham จากหนัง ‘Clash of the Titans’)
รีวิวซีรีส์ ‘ดาวซานถี่ อุบัติการณ์สงครามล้างโลก’
ซีรีส์เรื่องนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือ ซึ่งชื่อไทยของมันก็ตั้งตามชื่อที่ใช้ในเวอร์ชันแปลแบบเป๊ะ ดั้งเดิมเป็นผลงานของ Cixin Liu หรือ หลิวฉือซิน ซึ่งก็ได้รับการแปลเป็นภาษาไทยและแบ่งขายเป็น 3 เล่ม ใครอยากอ่านฉบับนิยายก็ลองหาซื้อกันดูนะครับ
เรื่องราวของมัน บอกเล่าว่า เราไม่ได้อยู่ตามลำพัง ห่างไปสี่ปีแสง มีดาวอีกหนึ่งดวงที่มีเทคโนโลยีเจริญและล้ำหน้าไปกว่าเราเยอะมาก แต่ก่อนที่ซีรีส์มันจะเล่าไปถึงขั้นนั้น มันอารัมภบทใส่ความลึกลับเข้ามาอย่างเต็มเปี่ยมตั้งแต่บทแรกกันเลยทีเดียว ซึ่งนายแพทก็พบว่า ในตอนที่ไม่ได้หาข้อมูลอะไรมาก่อนเลย และได้พบกับเรื่องราวในตอนแรกนี่ก็มีมึนอยู่ไม่น้อย ทุกอย่างเหมือนเป็นปริศนา ที่มาพร้อมกับการแนะนำตัวละคร และการเปิดเผยงานภาพที่ค่อนข้างน่าทึ่งอยู่ประมาณนึงเลย
มันย้อนเล่าไปถึงจีนยุคช่วงปฏิวัติวัฒนธรรม ท่ามกลางการชุมนุมของเหล่ากบฎ ในช่วงเวลานั้น มีทั้งกระแสต่อต้านการศึกษาทฤษฎีของชนชาติตะวันตก รวมไปถึงหนังสือหรือเอกสารภาษาอังกฤษ ตัวละครสำคัญในตอนนั้นยังเป็นสาวอยู่ เธอคือ เย่เหวินเจี๋ย ลูกสาวของนักวิชาการที่ต้องมาเห็นพ่อถูกฆ่าตายต่อหน้า ทั้งยังถูกบีบให้เข้ามาร่วมกับทหารในโครงการส่งสัญญาณเพื่อสื่อสารกับเอเลี่ยน ก่อนจะบอกกับเราว่า ในปัจจุบัน เธอกลายเป็นด็อกเตอร์เย่ (Rosalind Chao จากซีรีส์ ‘Sweet Tooth 2’) แม่ของเวร่าที่เพิ่งฆ่าตัวตายไป
ระหว่างนั้น มันก็หันไปเล่าเรื่องราวของเหล่านักฟิสิกส์ที่เป็นตัวละครสำคัญต่อการเดินเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น จินเฉิง หลานสาวของเธอที่พบกับหมวกอันแวววาวของเวร่า เมื่อเธอสวมมันแล้วพบกับอีกโลกหนึ่ง ลักษณะของมันช่างเป็นเกมอันแปลกประหลาดราวกับมันรู้ทุกอย่างของผู้สวมหมวก ก่อนที่เพื่อนรวยอย่าง แจ็ค รูนี่ย์ จะลองสวมบ้างหลังจากเขาได้รับกล่องประหลาดที่ไม่รู้ที่มา หลายตอนของซีรีส์ พาเราไปอึ้งและทึ่งกับโลกเสมือนที่ผู้เล่นจะต้องผ่านไปทีละด่าน แต่นั่นคือ เราไม่รู้เลยว่าเหตุผลที่มาที่ไปของหมวกและเกมคืออะไรจนมันผ่านไปเกือบครึ่งเรื่อง ภาพต่างๆ จึงเริ่มจะประกอบร่างจนชัดเจนขึ้นมา
มีบางตัวละครที่มีบทสำคัญไม่แพ้เหล่านักฟิสิกส์รุ่นใหม่ทั้งห้า ไม่ว่าจะเป็น ไมค์ อีแวนส์ (โจนาทาน ไพรซ์/Jonathan Pryce จากซีรีส์ ‘Slow Horses’) ชายผู้ร่ำรวยจากธุรกิจน้ำมัน เขาเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ในทางใดก็ทางหนึ่ง แต่เป็นคนที่คลาเรนซ์เฝ้าสังเกตอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ก็ยังมี เย่เหวินเจี๋ย, โทมัส เวด และ คลาเรนซ์ แล้วก็ยังมี ทาทิอานา (Marlo Kelly จากซีรีส์ ‘Joe vs. Carole’) หญิงสาวลึกลับที่เข้าหาหลายตัวละครอย่างมีเลศนัยอีกด้วยนะ
เริ่มต้นจึงถึงตรงกลาง มันเป็นความอลหม่านที่ชักพาให้รู้สึกน่าประหลาดใจ น่าตื่นตา และชวนให้ติดตาม จากที่ไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรเท่าไหร่ ค่อยๆ ปะติดปะต่อจนเข้าใจองค์รวมว่า มันเกิดอะไรขึ้นบ้าง และตัวละครแต่ละตัวกำลังทำบทบาทใดในเรื่องนี้
แง่มุมในบทมันมีหลายสิ่งน่าสนใจ เล่าถึงนักวิทยาศาสตร์ผู้นำเสนอทฤษภี แต่พอดีมันไปขัดกับแนวคิดความเชื่อของสังคมในเวลานั้น พวกเขาจึงมักถูกสั่งกุดหัว เล่าถึงเรื่องของพระเจ้า ที่ปกติ มนุษย์จะสมมติสร้างพระเจ้าขึ้นมาเอง แต่ตอนนี้ มนุษย์โลกบางส่วนยกให้เอเลี่ยนเป็นพระเจ้าไปเรียบร้อยแล้ว มนุษย์กลุ่มนั้นมองว่าพระเจ้าเอเลี่ยนนี่แหละที่จะสอนเราให้รู้จักเอาตัวรอดและพัฒนา จึงได้มุ่งเน้นเตรียมคนรุ่นปัจจุบันและคนรุ่นหลังให้พร้อมรับการมาถึงของพวกเขา
พวกเขาเรียกดาวของเอเลี่ยนว่า ‘ซานถี่’ เพราะเป็นดาวที่ต้องโคจรในระบบดาวฤกษ์ 3 ดวงที่มีทั้งช่วงเวลาสุขสงบและช่วงเวลาแห่งความยุ่งเหยิง แต่กระนั้นก็มีความก้าวหน้าสูงมาก แน่นอนว่า เกมเสมือนจริงที่ว่านั่นก็เป็นของพวกมันด้วยเช่นกัน
ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวทั้งหมด มันเกิดจากคนๆ เดียวจริงๆ เธอคนนั้นเลือกจะตอบกลับเอเลี่ยน เพราะมองว่าอารยธรรมของเราไม่อาจจะแก้ปัญหาของเราเองได้แล้ว และมันส่งผลให้ทั้งโลกต้องตื่นตัวและตื่นกลัวกับภัยร้ายของเอเลี่ยนสุดล้ำที่กำลังจะเดินทางมา
ซีรีส์ที่ตั้งคำถามถึงความถูกต้อง ที่มนุษย์บางคนเชื้อเชิญเอเลี่ยนมาครอบครองโลกด้วยคาดหวังความช่วยเหลือ หากทำได้แม้กระทั่งฆ่าลูกสาวตนเอง ขณะที่มนุษย์ที่เห็นต่างก็เลือกสังหารหมู่เพื่อนมนุษย์เพื่อปกป้องความปลอดภัยของคนที่เหลือทั้งโลกเช่นกัน จากนั้นก็ไปตั้งคำถามต่อว่า เราควรจะเอาเงินเป็นล้านล้านไปพัฒนายานเพื่อสอดแนมเอเลี่ยนดี หรือจะเอามาช่วยเหลือคนจนๆ บนโลกให้หลุดพ้นจากความอดอยากดี
มันไม่ถึงกับเป็นซีรีส์ไซไฟแบบเพียวๆ แต่หลอมรวมเอาเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ชาติจีนเข้ามาไว้ด้วย ซีจีค่อนข้างดี ขณะที่การดำเนินเรื่องของมันทำได้ดีมาโดยตลอดเลย แต่ก็จะมาผ่อนความลุ้นระทึกลงบ้างในช่วงหลังๆ เพราะหันไปเน้นที่บทสนทนามากขึ้นและไม่มีช่วงเล่นเกมอะไรอีกแล้ว ก่อนที่จะกลับมาได้ลุ้นกันอีกครั้งในตอนสุดท้าย เป็นซีรีส์ที่ไม่ออกทะเลไปไกล แต่ออกไปอวกาศกันเลย
รายละเอียดเกี่ยวกับซีรีส์
ชื่อซีรีส์ | 3 Body Problem / ดาวซานถี่ อุบัติการณ์สงครามล้างโลก |
ผู้สร้าง | David Benioff, D.B. Weiss, Alexander Woo |
ผู้กำกับ | Minkie Spiro, Jeremy Podeswa, Derek Tsang, Andrew Stanton |
ผู้เขียนบท | David Benioff, Rose Cartwright, Madhuri Shekar, D.B. Weiss, Alexander Woo, [based on the books by Cixin Liu] |
นักแสดง | Jovan Adepo, Liam Cunningham, Eiza González, Jess Hong, Benedict Wong, Marlo Kelly, Alex Sharp, Sea Shimooka |
แนว/ประเภท | ผจญภัย, ดราม่า, แฟนตาซี, ลึกลับ, ไซไฟ |
จำนวนตอน | ซีซัน 1: 8 ตอน |
ช่องทางรับชม | Netflix |
เริ่มออกอากาศ | 21 มีนาคม 2024 |
ผู้ผลิต/เจ้าของลิขสิทธิ์ | Bighead Littlehead, Netflix Studios, Plan B Entertainment |
คะแนนรีวิวซีรีส์ ดาวซานถี่ อุบัติการณ์สงครามล้างโลก
พล็อตและบท - 7.8
การดำเนินเรื่อง - 7.8
การแสดง/พากย์ - 7.8
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.8
งานภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชั่น - 8.2
7.9
3 Body Problem
สร้างจากนิยายไตรภาคที่ได้รับคำชมว่าสนุกสุดตื่นเต้น กลายมาเป็นซีรีส์ไซไฟเรื่องเยี่ยมที่เล่าถึงการรับมือของนักฟิสิกส์และนักสืบที่ร่วมกันเผชิญหน้ากับเอเลี่ยนที่ถูกเชื้อเชิญมาโดยมนุษย์กลุ่มหนึ่ง ใส่ไอเดียมุมมองว่าเอเลี่ยนคือพระเจ้าที่จะมาทำให้พวกเราพัฒนาขึ้น 8 ตอนของซีรีส์เรื่องนี้ ดำเนินเรื่องอย่างเข้มข้นชวนสงสัยและติดตาม มีแผ่วบ้างในช่วงท้าย ก่อนจะตีตื้นอีกครั้งในตอนจบ คนที่ชื่นชอบน่าจะดูรวดเดียวจบกันอย่างแน่นอนเลย