ผมเป็นพวกที่ฟังเพลงหลากหลายสไตล์ สับเปลี่ยนกันไปตามแต่โอกาสและอารมณ์ในขณะนั้น อาจจะไม่ใช่พวกที่ได้ทุกอย่าง มีบ้างที่ดนตรีของบางวงไม่ค่อยเข้ากับจริตของผมมากนัก และบางแนวบางสไตล์ ก็ไม่พบว่าเพื่อนๆ ในปัจจุบันของผมเขาจะฟังกัน แต่ก็ไม่เห็นเป็นไร เมื่อยามเราอยู่กับพวกเขา เราก็ฟังในแนวที่พวกเขาชื่นชอบ แต่พอมาอยู่กับตัวเอง หรือฟังเพลงด้วยหูฟังเดินไปไหนมาไหน แนวหรือสไตล์ที่เราชอบก็จะอยู่ในเครื่องเล่นพกพาของเราเสมอๆ
วันนี้ ผมขอหยิบอัลบั้มที่ผมชื่นชอบอยู่ตอนนี้ กับศิลปินและเพลงสไตล์ New Age จากผู้ชายที่เกิด ณ Katamata เขาคือ Yanni
เขาเคยมีผลงานมากมายหลายชุด หลายคนน่าจะเคยได้ยินเพลงของเขาจากสื่อทีวี แต่ไม่รู้ว่าเป็นผลงานของผู้ชายคนนี้ ผมเองก็โชคดีที่ในระหว่างเล่าเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ได้อยู่หอพักนิสิต ทำให้มีเพื่อนหลากหลาย พอจะเข้าไปอยู่ในโลกส่วนของพวกเขา และได้ทำความรู้จักการแนวเพลงต่างๆ จากความสนใจของแต่ละคน
และนั่น ทำให้ผมรู้จักกับ New Age และ Yanni
หากต้องการสมาธิ หรือพลังที่ฮึดขึ้นสู้เพื่ออะไรสักอย่าง เพลงมักจะทำหน้าที่นั้นได้สำหรับผม มีเพลงของ Yanni อยู่เป็นส่วนหนึ่งในนั้น หลายอัลบั้มที่ผ่านมาทั้งที่เป็นสตูดิโออัลบั้มและอัลบั้มแสดงสด สร้างทั้งสมาธิและพลังใจให้กับผมอย่างมาก แต่สำหรับอัลบั้มล่าสุด ‘Truth of Touch’ ที่ออกมาในปี 2554 ผมใช้มันเพื่อผ่อนคลายจิตใจเสียมากกว่า
ในช่วงเวลาที่เราพบพานเรื่องหลายหลาก เหนื่อยกับการงานและชีวิตประจำวันที่ต้องเจอ ผมมักจะใช้เสียงเพลงจากอัลบั้มนี้ทำให้จิตใจผมสงบลง เพลงส่วนใหญ่ไม่มีเสียงร้อง และมีจังหวะเรื่อยๆ ดนตรีที่ซ้ำไปซ้ำมา หลับตาและปล่อยให้จิตล่องลอยไปพร้อมกับจินตนาการ นั่นแหละ เสน่ห์ของ New Age ในแบบของ Yanni
Truth Of Touch – แทร็กเริ่มต้นที่มีชื่อเดียวกับอัลบั้ม ฟังเพลินสบายๆ ด้วยเสียงขิมประสานกับเสียงไวโอลิน เหนื่อยนักฟังเพลงนี้ แล้วเรามาเริ่มต้นผ่อนคลายไปด้วยกัน เรากำลังเดินทางสู่ดินแดนแห่งความฝันที่ไม่มีใคร นอกจากเรา บนท้องฟ้าอันเวิ้งว้าง
Echo Of A Dream – ได้เวลาล่องลอยกันต่อแล้ว เปิดมาด้วยเสียงก้องกังวานที่สลับกันไปมาระหว่างหูซ้ายขวา ก่อนจะเข้าสู่บีทและเบสอันอบอุ่น
Seasons – ถ้าจะมีใครสักคนหยิบเพลงในอัลบั้มนี้ไปประกอบสารคดีสักเรื่อง เพลงนี้ท่าจะเหมาะ ด้วยทำนองหลักและรองที่สอดประสาน ค่อยๆ เพิ่มความเข้มข้นเข้ามา จนในที่สุดก็กลับไปคลี่คลายอีกครั้ง เหมือนกับฤดูที่แปรเปลี่ยนผัน และวนกลับซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่เช่นนั้น
Voyage – ฟังแล้วจะเหมือนกับมีสำเนียงแขกปะปนเข้ามานิดๆ มีบีทแบบอิเล็กทรอนิกปนเข้ามาหน่อยๆ มีท่วงทำนองเนิบๆ ประสานไปกับความหนักแน่นของเสียงเบส สลับๆ ไปกับทำนองฟังสบาย และบางช่วงเร่งเร้า ประหนึ่งฟังเพลงประกอบภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่งก็ไม่ปาน
Flash of Color – อีกเพลงที่ต่อเนื่องมาในสำเนียงแบบแขกๆ ที่ค่อนข้างมาเต็มกว่าเพลงก่อน จังหวะจะโคนแบบภารตะมาอย่างเด่นชัด โยนขึ้นโยนลงเหมือนล่องเรืออยู่ในทะเลอินเดีย
Vertigo – แทร็คที่มีทำนองมีสีสันสุดๆ เพลงหนึ่งในอัลบั้มนี้ มีจังหวะเร็วสุด แถมยังเร้าใจน่าขยับกายตามมากที่สุดก็ต้องเพลงนี้ เสียงเบสโดดเด่น แถมยังมีร้องคลอประสานเพิ่มมิติให้อีก แน่นอนว่า ยังไม่ทิ้งอารมณ์แบบแขกๆ ไปสักเท่าใดนัก
Nine – ยังไม่ถึงช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลาย Yanni ยังเร่งเร้าผู้ฟังด้วยเสียงคีย์บอร์ด เปียโน และซินธ์ในแบบที่เราคุ้นเคย แต่มาพร้อมกับสีสันใหม่ มีเสียงกีตาร์ที่เข้ามาร่วมแจมด้วย
Can’t Wait – อัลบั้มนี้มีเพลงร้องร่วมอยู่ด้วย และนี่ก็คือหนึ่งในนั้น เรื่องราวของความรักและการโหยหา เธอไม่อาจรอเขาได้แม้สักนาที เรื่องราวที่ออกจะเพ้อฝันพร่ำรำพัน มาช่วงคั่นให้เราหันเหจากจินตนาการได้ชั่วรคราว
Guilty Pleasure – ถ้าใครชื่อชอบ Chillout แบบเย็นๆ เพลงนี้น่าจะใช่สำหรับคุณ ฟังได้เรื่อยๆ เหมือนนอนราบอยู่บนทุ่งหญ้าอยู่ท่ามกลางดวงดาว
O Luce Che Brilla Nell’Oscurita – กลับมาฟังเพลงร้องอีกครั้ง กับเสียงร้องผู้ชายในสไตล์บทสวด และเนื้อร้องที่ส่วนใหญ่เป็นภาษาอิตาเลียน บางส่วนเท่านั้นที่เป็นภาษาอังกฤษ เนื้อหาพูดถึงฤดูกาลที่อาจหมุนเปลี่ยน แต่ยังคงมีแสงในค่ำคืนอันมืดมิด
I’m So – เพลงนี้แม้จะมีเสียงมนุษย์ แต่ไม่จำเป็นต้องใส่ใจฟังมากมาย ผมฟังมันเหมือนเมโลดี้หนึ่งในเพลงเท่านั้น เพลงนี้ค่อนข้างกรูฟ ฟังแล้วอาจจะดูเหมือนมีกลิ่นของฮิปฮอปอาร์แอนด์บีอยู่ในบีท แต่เมื่อเล่นในแบบวนซ้ำไปเรื่อยๆ ก็ฟังแล้วผ่อนคลายดีเหมือนกันนะ
Long Way Home – การเดินทางอันแสนยาวไกล แต่เรายังมุ่งหน้าไปแม้ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะได้เจอะเจอกับอะไร ท่วงทำนองไม่เร่งเร้า แต่ก็ไม่เชื่องช้า เหมือนมีมือคอยผลักดันอยู่ที่หลังเราตลอดเวลา ขอเพียงอย่าหยุดเดิน เราจะถึงบ้านในไม่ช้านาน
Yanni & Arturo – ฟังเสียงดนตรีแบบเพียวๆ กันบ้าง เสียงเปียโนใสๆ ล้อกันไปกับเสียงเครื่องเป่าอย่างฮอร์นในตอนเริ่มต้น ก่อนจะเข้าสู่ช่วงที่มีบีท ซินธ์ เสียงร้องประสาน และเพอร์คัสชั่น เพิ่มเข้ามา เพราะจับหัวใจ หลายครั้งที่ฟังมาไม่ถึงเพลงนี้ เพราะถึงจุดหมายเสียก่อนแล้วน่ะสิ
Mist Of A Kiss – เสียงเบสหนักแน่น เสียงเพอร์คัสชั่นที่มาแบบเบาๆ เสียงที่เป็นพระเอกคงเป็นเปียโน
Secret – และนี่คือเพลงปิดท้ายของอัลบั้ม กลับมาที่เพลงร้องอีกครั้ง ล่องลอยอีกครั้ง ด้วยเสียงร้องแบบเบาๆ ประสานไปกับคอรัสโอเปร่าจัดเต็ม ก่อนที่เสียงสุดท้ายของเพลงจะเงียบลง
15 แทร็กที่ฟังเท่าไรก็ไม่รู้จักเบื่อ หลายครั้ง มันทำเอาจิตใจสงบสุขได้อย่างประหลาด นี่คงเป็นการกลับมาอีกครั้งของบุรุษแห่งกรีกผู้ได้รับสมยาว่า The King of Acropolis หลังง่วนอยู่กับการทัวร์และออกผลงานแสดงสดอยู่พักใหญ่ ทำให้เราได้เห็นว่า Yanni ยังคงสร้างสรรค์ผลงานอันน่าฟังสำหรับแฟนๆ ผู้หลงใหลเสียงดนตรีแห่งเขาอยู่เช่นเดิม
ไม่บอกก็คงรู้ว่า ผมก็คือหนึ่งในนั้น…เช่นกัน