โดยปกติแล้ว นายแพทไม่ค่อยได้ไปดูคอนเสิร์ตของศิลปินต่างประเทศสักเท่าไหร่ครับ ด้วยฐานะทางเศรษฐกิจไม่ได้สูงส่งนัก แบ่งรายได้ไปจ่ายให้กับการชมภาพยนตร์เสียมากกว่า เพราะลงทุนไม่สูงมากนัก แต่คราวนี้ถือว่าเป็นโชคครับ ที่ได้เข้าไปชมคอนเสิร์ตของ Maroon 5 กับเขาบ้าง เป็นอีกหนึ่งศิลปินที่นิยมชมชอบในผลงาน…
สนุกมาก ‘Maroon 5 Live in Bangkok’ คอนเสิร์ตที่ผมเพิ่งไปชมมาครับ
เมื่อไปสนุกกลับมา ก็ต้องมาเขียนถึงเสียหน่อยแล้ว แต่ความที่ผมไม่ได้เชี่ยวชาญด้านภาษาอังกฤษมากนัก ผมใช้ทักษะในการจดจำเพลงจากท่วงทำนอง มากกว่าจดจำชื่อเพลงหรือเนื้อร้องเอานะครับ :P
กับคอนเสิร์ตที่แปะเวลาเอาไว้บนบัตรว่า 20.00 น. แต่เวลาเริ่มจริงๆ กลับเป็น 20.30 น. แม้จะเลทไปบ้าง แต่เลิกตรงเวลามากๆ 22.00 น. คอนเสิร์ตที่เล่นผ่านมา 1 ชั่วโมงครึ่ง จบลงตามเวลาที่ทีม usher หน้าประตูบอกไว้เป๊ะๆ
แต่ต้องยอมรับว่า คอนเสิร์ตเป็นไปด้วยความสนุกทีเดียว กับการเรียบเรียงใหม่หมดเกือบทุกเพลง โดยเฉพาะท่อนเข้าเพลงและท่อนจบ ขณะที่บางเพลงเปลี่ยนไปเป็นอะคูสติกเลยเชียว บางเพลงก็เหมือนจะนำเพลงเก่าๆ มาใส่ไว้ด้วย เท่าที่หูพอจะกระดิกได้ ก็พบว่ามีท่อนของเพลง “What’s Love Got to do With It” ของ Tina Turner อยู่ในนั้นด้วยนะ ในช่วงเวลาของคอนเสิร์ต ทางวงเอนเตอร์เทนคนดูได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะในเพลง She Will Be Loved ซึ่งเป็นอีกเพลงที่คนดูชายไทยคุ้นเคยและชื่นชอบกันมาก …แต่คงไม่เท่า This Love และ Makes Me Wonder อิอิ
คอนเสิร์ตจบลงเร็วมากๆ คงคิดเหมือนกันทุกคน แต่ผมไม่ยอมให้มันจบง่ายๆ ไหนๆ ก็ไหนๆ มาเขียนถึงพวกเขากันดีกว่า เริ่มกันเลยนะ
สมาชิก Maroon 5
มารูนไฟว์ (Maroon 5) ประกอบด้วยสมาชิกในปัจจุบัน 5 คนดังนี้ครับ
- Adam Levine (นักร้องนำ)
- James Valentine (กีตาร์)
- Jesse Carmichael (คีย์บอร์ด)
- Mickey Madden (เบส)
- Matt Flynn (กลอง)
ในช่วงเริ่มต้นนั้น Adam Levine ร่วมกับเพื่อน Jesse Carmichael, Ryan Dusick และ Mickey Madden ก่อตั้งวง “Kara’s Flower” ขึ้นมาก่อนในช่วงไฮสคูล ชื่อวงของพวกเขามาจากชื่อของสาวสวยที่พวกเขาแอบปลิ้ม แต่อัลบั้มแรกของพวกเขา The Fourth World ที่โปรดิวซ์โดย ร็อบ คาวาลโล่ (Green Day, Goo Goo Dolls) กลับไม่ประสบความสำเร็จ
กลุ่มเพื่อนกลุ่มนี้แยกย้ายไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัย ก่อนจะได้พบว่า พวกเขาเริ่มเปลี่ยนสไตล์ในการฟังเพลง และพบส่วนผสมแบบใหม่ๆ Rock ‘n’ Roll ที่ผสมผสานกับ R&B ต้อนรับสมาชิกใหม่อย่างมือกีตาร์ James Valentine และกลายมาเป็น “Maroon 5” ในที่สุด
‘Songs About Jane’ อัลบั้มชุดแรก พวกเขาได้โปรดิวเซอร์ Matt Wallace (The Replacements, Faith No More) มาดูแลงานให้ มีเพลงดังอย่าง This Love ซิงเกิลที่โด่งดังที่สุดซิงเกิลหนึ่งของวง ทำให้พวกเขาได้รางวัล ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ใน MTV Video Music Awards 2004 , She Will Be Loved, Harder to Breathe และ Sunday Morning อัลบั้มนี้ประสบความสำเร็จทั้งด้านยอดขายและด้านรางวัล เพราะคว้ารางวัล Best New Artist – Grammy Award 2005 และ Best Pop Performance By A Duo Or Group With Vocal จากเพลง This Love ในการประกาศรางวัล Grammy Award 2006 อีกด้วย
‘It Won’t Be Soon Before Long’ เป็นเหมือนอัลบั้มถัดมาที่สานต่อความสำเร็จที่สร้างเอาไว้จากในอัลบั้มก่อน ผสมผสานแนวทางของตัวเองเข้ากับฝีมือของโปรดิวเซอร์หลายๆ ไม่ว่าจะเป็น Mike Elizondo (Fiona Apple, Eminem), Mark “Spike” Stent (Gwen Stefani, Bjork, Keane, Marilyn Manson), Mark Endert (Madonna, Fiona Apple) และ Eric Valentine (Queens of the Stone Age, Nickel Creek) และได้สมาชิกคนใหม่ มือกลอง Matt Flynn มาร่วมเสริมทัพแทนที่ Ryan Dusick
แน่นอนว่า ซิงเกิลที่ดังที่สุดคงไม่พ้น Makes Me Wonder ที่หลายคนชื่นชอบ ตามมาด้วย If I Never See Your Face, Wake Up Call ที่มีกลิ่นอิเล็คโทรนิก้า และ Won’t Go Home Without You
ในอัลบั้มชุดนี้ พวกเขาคว้ารางวัลแกรมมี่มาครองได้อีกครั้ง กับ Best Pop Performance By A Duo Or Group With Vocal จากซิงเกิล Makes Me Wonder และเข้าชิง Best Pop Vocal Album ใน Grammy Award 2007
‘Hands All Over’ คืออัลบั้มเต็มชุดที่สามจาก Maroon 5 ที่ออกมาในช่วงปี 2010 เมื่อ Levine เชื่อว่า พวกเขากำลังก้าวมาถึงจุดสูงสุดแล้ว อัลบั้มชุดนี้ พวกเขาย้ายไปอัดเสียงกันในสวิตเซอร์แลนด์ ร่วมกับโปรดิวเซอร์ Robert “Mutt” Lange อัลบั้มออกวางจำหน่ายในวันที่ 21 กันยายน 2010 โดยมีซิงเกิลเปิดตัวเป็น Misery ที่ได้เข้าชิง Best Pop Performance by A Duo or Group With Vocals ในการประกาศรางวัลแกรมมี่อะวอร์ดปี 2011
ผลงานสตูดิโออัลบั้มของ Maroon 5
- Songs About Jane (2002)
- It Won’t Be Soon Before Long (2007)
- It Won’t Be Soon Before Long (Limited Deluxe Edition)
- Hands All Over (2010)
ข้อมูลที่ได้มา บอกว่า พวกเขาจะออกอัลบั้มนี้มาก่อนที่จะแยกย้ายกันไป ก็น่าสนใจว่า หลังจากนี้ พวกเขาจะไปทำอะไรต่อ และงานของพวกเขาที่แยกย้ายกันนั้น จะเป็นอย่างไร…
Maroon 5 Concert at Impact Arena, Bangkok, Thailand Setlist on April 23, 2011
อ้างอิงจาก setlist.fm
- Misery
- If I Never See Your Face Again
- Harder to Breathe
- Give a Little More
- The Sun
- Won’t Go Home Without You
- Never Gonna Leave This Bed
- Secret
- She Will Be Loved (Acoustic)
- Wake Up Call
- Shiver
- Stutter
- This Love
Encore:
- Hands All Over
- Makes Me Wonder
- Sunday Morning
thx: @Oaddybeing สำหรับโอกาสในการชมคอนเสิร์ตครั้งนี้
อยากๆไปดูจังเลย