จริงๆ ก็ถือว่า หลังๆ มานี่ ผมไปดูคอนเสิร์ตน้อยจนนับครั้งได้ อาจจะด้วยเพราะไม่ได้ทำงานที่เกี่ยวข้องกับวงการเพลงเหมือนแต่ก่อน รวมทั้งอาจจะห่างเหินไปจากการติดตามเพลงใหม่ๆ ไปบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ชีวิตนี้ยังไงก็คงหลีกหนีไปจากเสียงไม่ได้อย่างแน่นอน…
เมื่อได้ข่าวว่า วงของสองหนุ่มดูโอจากนอร์เวย์ นาม Kings of Convenience จะมีเปิดคอนเสิร์ตที่เมืองไทย ก็เริ่มหูผึ่ง เห็นว่าบัตรขายหมดอย่างรวดเร็วจนร้าน Butter Butter สถานที่จัดงานในครั้งแรกดูจะไม่เพียงพอหากจะขายบัตรเพิ่ม ในที่สุด สถานที่จัดก็ถูกเปลี่ยนมาเป็น Moonstar Studio 1 แทน
แล้ววันนั้นก็มาถึง 23 มีนาคม 2553 วันที่คอนเสิร์ตของพวกเขาจะบังเกิดในดินแดนสยาม “Kings of Convenience Live in Bangkok”
หกโมงเศษ ผมรีบเร่งตัวเองออกจากรัชดาเข้าเส้นลาดพร้าว มุ่งสู่ลาดพร้าว 80 ด้วยแท็กซี่และมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ไม่คิดจะคว้าข้าวลงท้องเพราะได้ยินว่ารอนานมากๆ ในที่สุดก็ซัดเบียร์ไปกระป๋องหนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปสตูดิโอ น่าเสียดายที่ถูกยึดเมมโมรี่การ์ดไว้เพราะดันกล้องตัวใหญ่ไป
เข้าไปถึงก็เจอกับเวทีที่สวยงาม เพราะประดับประดาด้วยต้นไม้ที่ใบหายเรียบ
เริ่มด้วยวงเปิดวงไทยๆ อย่าง Sqweez Animal ที่ยกเพลงดังมาเรียกน้ำย่อยกันก่อน แล้วต่อด้วยศิลปินที่ทุกคนรอคอย สองหนุ่มที่พกพากีตาร์โปร่งกันมาคนละตัวสองตัว แถมยังมีเปียโนหลังใหญ่ที่เอาประดับเวที(อิอิ) เป็นเครื่องดนตรีเสริม
พวกเขาคือสองหนุ่มชาวนอร์วีเจียนจากเมือง Bergen หนึ่งคือ Erlend Øye และสอง Eirik Glambek Bøe ทั้งคู่เกิดในปีเดียวกัน คือ ปี 1975 โดย Erlend เกิด 21 พ.ย. และ Eirik เกิดในวันที่ 25 ต.ค. เขาทั้งสองเจอกันและเริ่มเล่นดนตรีด้วยกันที่โรงเรียนตอนอายุ 16 ปี มิตรภาพช่างยาวนานจริงๆ
สองหนุ่มร่วมกับอีกสองหนุ่มตั้งวงร็อกขึ้นมาชื่อ Skog ที่แปลว่า “ป่า” ในภาษานอร์วีเจียน ออกอีพีมาชุดหนึ่งก่อนจะแยกย้าย แต่หลังจากอัลบั้มอีพีในนาม Kings of Convenience กับสังกัดนอร์เวย์ Éllet และออกอัลบั้มชื่อเดียวกับวงกับสังกัดอเมริกัน Kindercore พวกเขาก็เซ็นสัญญากับ Source สังกัดในฝรั่งเศส
กับอัลบั้ม ‘Quiet is the New Loud’ พวกเขาเรียบเรียงบางเพลงเสียใหม่และเพิ่มเพลงใหม่เข้าไป ส่วนอัลบั้มอย่าง ‘Versus’ เป็นเหมือนกับอัลบั้มรวมเพลงรีเมก รีมิกซ์ และงานที่ร่วมแจมกับศิลปินอื่น ขณะที่อัลบั้มใหม่อย่าง ‘Riot on an Empty Street’ มีขายอยู่ทุกที่ทั่วโลก
เวลาของคอนเสิร์ตที่เริ่มไปช้ากว่ากำหนดการ ไม่เป็นปัญหาสำหรับคนไทย เพราะมันก็สายมาเกือบทุกคอนเสิร์ตนี่นา สองหนุ่มหยิบเอาเพลงเพราะๆ ทั้งที่คุ้นหูบ้าง ไม่คุ้นหูบ้าง มาเล่นสลับกันไป ช่วงไหนเป็นเพลงดังที่หลายคนชื่นชอบก็จะได้ยินเสียงเฮ เสียงร้องตาม และเสียงปรบมือมากมาย คอนเสิร์ตผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วมาก แป๊บเดียว พวกเขาบอกว่า มันเป็นเพลงสุดท้ายเสียแล้ว….
น่าเสียดายอีกอย่างหนึ่ง มีพวกเมาเกรียนมาก่อกวนศิลปินอยู่หลายหน แต่พวกเขาก็ยังคงสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดี ทำให้คนดูมีความสุขไปได้ตลอดรอดฝั่ง จวบจนถึงช่วงอังกอร์ เพลงเพราะเพลงดังที่ขาดหายไปก็ถูกนำมาเล่นจนได้
จบแล้ว คอนเสิร์ตของศิลปินต่างประเทศอีกครั้งหนึ่งที่ผมได้ดูในราคา 800 บาท มีความสุขดีแม้จะเมื่อยขาบ้างเพราะต้องยืนทั้งคอนเสิร์ตก็ตามมมมมม…
กลับมาฟังเพลง Kings of Convenience ที่บ้าน บนรถไฟฟ้า กันต่อไป