วันหยุดทั้งที ขอเวลาไปดูหนังที่อยากจะดูมั่งคงไม่เห็นเป็นไร ว่าแล้ววันนี้ ก็จัดแจงแต่งตัวออกจากบ้าน ไปพบกับต้นกำเนิดของเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ในโรงหนังสุดหรูใจกลางกรุง Siam Pavalai แห่ง Paragon Cineplex นั่นไง นับว่าเป็นโรงโปรดเลยว่าได้ ไปถึงก็ชอบไปจองแถวประจำ ที่ดูแล้วได้วิสัยทัศน์ที่เหมาะกับตัวเองที่สุด ในฐานะที่เป็นหนังที่รอมานาน และได้รับเสียงตอบรับในทางที่ดีมากมายจากผู้คนใน Social Network ของ แพทโซนิค งานนี้เลยต้องจัดเสียหน่อย
เมื่อหนังสไตล์ซูเปอร์ฮีโร่จาก Marvel เรื่องนี้ผ่านมา 3 ภาค ไม่พอ ยังมีภาคแยกอีกต่างหาก ไปๆ มาๆ ก็กลับมาเล่าย้อนไปยังวันกำเนิดของเรื่องราวเหล่ามนุษย์กลายพันธุ์ กลายเป็น ‘X-เม็น รุ่น 1′ ที่ผมไปชมมาในวันนี้
จาก ‘X-Men’ (2000) ผ่านมาเป็น ‘X2’ (2003) ผ่านไปถึง ‘X-Men: The Last Stand’ (2006) ย้อนกลับไปเล่าจุดเริ่มต้น ‘X-Men Origins: Wolverine’ (2009) ก่อนจะย้อนอีกครั้ง ไปเล่าถึงจุดกำเนิดของทุกเรื่องราวในทุกภาค ตั้งชื่อเป็น ‘X-Men: First Class’ แทน
ที่สำคัญภาคนี้ ถือเป็นการ reboot เรื่องราวต่างๆ เสียใหม่ด้วยซ้ำ เพราะหากดูตัวละคร รายละเอียดและเวลาที่เกิดขึ้นในเรื่องทั้งภาคเก่าภาคใหม่แล้ว อาจจะพบความขัดแย้งบางประการ นั่นอาจเพราะผู้สร้างต้องการเล่าเรื่องใหม่ เพื่อเริ่มต้นเรื่องราวของ X-Men ให้แตกต่างออกไปจากที่เคยเล่านั่นเอง
รีวิวหนัง ‘X-Men First Class’
ย้อนไปในอดีต ณ วันที่มนุษย์กลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นเพียงส่วนน้อยของสังคม แต่มีความสามารถพิเศษอันเกิดจากการกลายพันธุ์ สิ่งเหล่านั้นมันเกิดในระดับยีนส์ แต่มันส่งผลต่อการดำรงอยู่ของมนุษยชาติ เมื่อมีบางคนที่พวกกลายพันธุ์ เชื่อว่า สักวันพวกเขาจะถูกทำลายเพราะความกลัวของมนุษย์เผ่าพันธุ์ดั้งเดิม จึงคิดสร้างอุบายครั้งใหญ่เพื่อหยุดยั้งเหตุดังกล่าว เริ่มต้นด้วยการพบเด็กมนุษย์กลายพันธุ์คนแรก ที่เขาได้ฝากรอยร้าวไว้ในใจของเขาคนนั้น
เขาปลุกพลังที่อยู่ในร่างของเด็กคนนั้นขึ้นมา แต่ก็ได้เพาะเมล็ดพันธุ์แห่งความแค้นเอาไว้ด้วย
ขณะที่อีกฟาก เด็กชายใจอารีบ้านมีตังค์คนหนึ่ง ก็กำลังศึกษาอย่างเอาจริงเอาจัง เกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของมนุษย์อยู่เช่นกัน เขาทำมันสำเร็จในวันหนึ่ง กลายเป็นศาสตราจารย์ในวันที่โลกยังคงไม่ยอมรับการมีของพวกเขา แต่ในระหว่างนั้น เขาผู้มีพลังอ่านจิตและลวงจิตก็ได้พบกับสาวกลายพันธุ์อีกนาง ที่กลายมาเป็นตัวละครหลักในภาคที่เคยผ่านตา
ทั้งหมดที่ว่ามา คือ แมกนีโต, ศาสตราจารย์ซาเวียร์ และมิสทีค ทั้งสามชื่อทุกคนที่ตามมาทุกภาพ ย่อมรู้จักกันดี
คงต้องบอกว่า การกำกับฯ ของ Matthew Vaughn (‘Kick-Ass’, ‘Stardust’) ทำให้ซีรี่ส์ของ X-Men กลายเป็นเรื่องราวที่น่าตื่นตากว่าเดิมด้วยที่มาอันอลังการและหนักแน่น การเรียงร้อยเรื่องที่ไปทีละขั้น จากที่มาจุดเล็กจุดน้อย ค่อยๆ ปะติดปะต่อ จนได้ที่มาที่ไป และเข้าใจตัวละครแต่ละตัวอย่างไม่ต้องอธิบายอะไรมากมาย น่าเสียดาย ตัวละครบางตัว เข้ามาแต่ช่วยเล่าเรื่อง ก่อนจะจบบทบาทตัวเองลงไป
ขณะที่ในด้านซีจี ก็ทำออกมาได้แนบเนียน และดูสนุกโดยไม่ต้องอาศัยความเป็น 3 มิติอย่างที่หนังหลายเรื่องพยายามนำมาเป็นจุดขายแต่อย่างใด
หนังทำให้เรารู้จักกับพื้นเพของตัวละครแต่ละตัว ทำให้เราเข้าใจที่มาของความสัมพันธ์ของตัวละครหลักๆ มากขึ้น ทำให้เราได้รู้ว่า ทำไมคนอย่างแมกนีโตจึงต้องกลายเป็นคนละฝ่ายกับศาสตราจารย์ซาเวียร์ และทำให้เราได้รู้จักกับที่มาของชื่อ “X-Men”
ทั้งเรื่องอาจจะไม่มีฉากฮาๆ เท่าไหร่ มีเพียงฉากที่หัวเราะหึๆ ได้เท่านั้น แต่ดูสนุกมากมาย ทั้งการปะติดปะต่อเรื่อง และการลุ้นกับภารกิจเพื่อจะมาต่อกับเรื่องราวในภาคต่อๆ มา ขำพอประมาณกับตัวละครบางตัวที่เป็นตัวหลัก แต่ไม่ได้มีบทบาทอะไรเลยในเรื่องนี้
ดูแล้ว ยังมีเรื่องให้เล่าต่อได้อีกนะเนี่ย ก่อนมันจะดำเนินมาถึง X-Men ภาคแรกน่ะ!
ชื่อภาพยนตร์: X-Men: First Class / X-เม็น รุ่น 1
ผู้กำกับภาพยนตร์: Matthew Vaughn
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Ashley Miller (screenplay), Zack Stentz (screenplay), Jane Goldman (screenplay), Matthew Vaughn (screenplay), Sheldon Turner (story), Bryan Singer (story)
นักแสดงนำ: James McAvoy, Michael Fassbender, Jennifer Lawrence, Kevin Bacon, Rose Byrne
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Drama, Sci-Fi, Thriller
เรท: USA PG-13, ไทย ท
ความยาว: 132 นาที
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Bad Hat Harry Productions, Marvel Studios, Twentieth Century Fox
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 2 มิถุนายน 2554
อยากทำหนังอวกาศ มีที่ไหนรับบ้าง
ผมว่า ลองเข้าไปเว็บค่ายหนังดีกว่า อาจจะมีที่อยู่ หรือเบอร์โทรให้ติดต่อได้ ผมแค่บล็อกเกอร์เขียนเรื่องหนังเท่านั้น ^^