ช่วงนี้ หลายๆ คนอาจจะกำลังเฝ้ารอคอยภาพยนตร์ภาคต่อ ที่ดำเนินมาหลายปี และกำลังงวดเข้าสู่จุดสิ้นสุดเต็มที ‘The Twilight Saga’ คือภาพยนตร์ที่สร้างจากหนังสือขายดีเรื่องเดียวกัน ประสบความสำเร็จมาเป็นอย่างดีด้วยคำวิจารณ์ที่แตกต่างกันไป แต่เมื่อมันดำเนินมาถึงเล่มสุดท้าย มันได้ถูกแบ่งออกเป็นสองภาค
เดินทางไปไม่ไกลนักสู่โรงภาพยนตร์ที่ตั้งเด่นอยู่แถวเอกมัย ทว่าไม่ค่อยได้ไปดูบ่อยนัก วันนี้ได้ทีไปเยี่ยมอีกครั้ง ผจญกับการแข่งขันกันนิดหน่อย ทั้งตอนรับตั๋วและตอนไปหาอะไรประทังหิว นี่แหละชีวิตคนเมือง ในที่สุดก็เข้าไปโรงหนังเป็นที่เรียบร้อย
ผ่านตามาแล้วทุกภาค ไล่มาตั้งแต่ภาคแรก ‘Twilight’ ที่ทำให้เราได้รู้จักกับ แวมไพร์หน้าใสที่มีผิวเรืองรองเมื่อต้องแสงตะวัน และมนุษย์สาว เบลล่า สวอน มาถึงภาคถัดมา ‘The Twilight Saga New Moon’ ที่น้ำตาลยังเรียกพี่ พอมาถึง ‘The Twilight Saga Eclipse’ ก็ดำเนินเรื่องและตัดต่อได้น่าสนใจขึ้นมาหน่อย
พอมาภาคนี้ ที่สร้างมาจากนิยายเล่มสุดท้ายหากตัดแบ่งเป็น 2 ภาค ด้วยเรื่องราวที่ค่อนข้างยาวและเข้มข้น(คิดว่านะ) และด้วยอีกหนึ่งเหตุผลด้านการตลาด คือเรื่องยอดรายได้ ปลายปี 2554 อย่างนี้จึงได้พบกับครึ่งแรกก่อน ‘The Twilight Saga Breaking Dawn Part 1’ กับช่วงเวลาของการฉลองสมรสของ มนุษย์สาวแสนสวยคม เบลล่า สวอน (Kristen Stewart) กับ แวมไพร์ร่างขาวสุดหล่อ เอ็ดเวิร์ด คัลเลน (Robert Pattinson)
ดูท่าทางฉากการแต่งงานของมนุษย์กับแวมไพร์จะเป็นฉากที่แฟนๆ ตั้งตารอคอย นับว่าสวยงามอลังการดีทีเดียว ผู้กำกับฯ พยายามจะเล่าเรื่องให้น่าสนใจ แต่ทว่าการดำเนินเรื่องแบบเรื่อยๆ เอื่อยๆ ดูจะน่าง่วงไม่น้อยในช่วงนั้น
ฉากรักกระจุ๋มกระจิ๋มของสองพระนาง ปะปนด้วยอารมณ์อีโรติกเล็กน้อย ผสมเข้ากับอารมณ์ขำขันนิดหน่อย ก่อนจะนำพาสู่ช่วงแห่งความเครียด เมื่อสิ่งที่ไม่เคยเกิดก็กำลังจะเกิดขึ้น เบลล่าตั้งครรภ์และเด็กในท้องของเธอก็เติบโตเร็วมาก ส่งผลต่อร่างกายที่เป็นเพียงมนุษย์ของเธอจะทนรับมันได้ เพราะข้างในร่างเธอนั้น คือลูกครึ่งมนุษย์ครึ่งแวมไพร์นั่นเอง ในช่วงนี้ เราได้เห็นสภาพของเบลล่าที่ผ่ายผอมและทรุดโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด
ระหว่างที่ฟากฝั่งของหมาป่า ก็มีท่าทีคิดจะกำจัด “The Thing” ที่ไม่รู้ว่ามันจะมีพลังกำลังแค่ไหนนี่ทิ้งเสีย
แม้แต่กลุ่มของมนุษย์หมาป่าเองก็ยังมีความไม่ลงรอยกันภายใน เมื่อชายร่างกำยำผิวเข้มอย่าง เจค็อบ แบล็ก (Taylor Lautner) ยืนยันที่จะเข้าข้างฝ่ายแวมไพร์ผิวขาว ดราม่าภายในนี้ ช่วยให้เรื่องราวมีอะไรให้ผู้ชมได้สนุกสนานกับเนื้อเรื่องมากขึ้น
เหตุการณ์หลังจากนั้น ทำให้การดำเนินเรื่องค่อนข้างมีอะไรให้ลุ้นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ที่พลิกผันได้ตลอด กับการลุ้นถึงความเป็นความตายที่คนไม่ได้อ่านหนังสือมา ย่อมจะไม่รู้ว่าจบที่จุดใด แม้จะเดาเรื่องได้บ้างแต่การตัดต่อก็ทำให้ลุ้นได้อยู่เหมือนกัน ซึ่งต่างกับช่วงแรกของหนังอย่างสิ้นเชิง การเปลี่ยนผู้กำกับฯ เป็น Bill Condon ทำให้หนังดูมีที่ท่าทีที่แข็งแรงขึ้น หากแต่ก็ยังจำเป็นต้องกั๊กๆ เอาไว้บ้าง
เพราะจะต้องเล่าเรื่องอย่างเข้มข้นในภาค “จบจริง” ที่กำลังจะมาถึงในปลายปีหน้านั่นเอง
ชื่อเรื่อง : The Twilight Saga: Breaking Dawn Part I / แวมไพร์ ทไวไลท์ 4 เบรคกิ้ง ดอว์น ภาค 1
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Bill Condon
ผู้เขียนบทภาพยนตร์ : Melissa Rosenberg (screenplay), Stephenie Meyer (novel)
นักแสดงนำ : Kristen Stewart, Robert Pattinson, Taylor Lautner, Ashley Greene, Nikki Reed
แนว/ประเภท : Adventure, Drama, Fantasy
เรท : USA/PG-13, ไทย/น15+
ความยาว : 117 นาที
ประเทศ : สหรัฐอเมริกา
ปี : ค.ศ.2011
ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย :
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย : 1 ธันวาคม 2554
เปลี่ยนธีมใหม่แล้วสวยๆ อ่านแล้วเพลินจัง ยิ่งกระหายความอยากจะไปดู แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ T___T