ผมเองก็หวั่นๆ อยู่ลึกๆ เหมือนกันว่า ‘The Three Musketeers’ ภาคใหม่นี่จะออกมาหน้าตาน่าดูขนาดไหน บอกตรงๆ ว่าดูหนังตัวอย่างแล้วก็ยังกลัวๆ เพราะในใจผมเอง ไม่มั่นใจนักว่าการหยิบเรื่องราวของสามทหารเสือกลับมาเล่าอีกครั้งในยุคนี้ จะมีอะไรน่าตื่นตาพอทำให้หนังสนุกเชียวหรือ เรียกได้ว่า ปรามาสไว้แล้วตั้งแต่ต้น
ยิ่งคราวนี้ การกลับมาของหนังหลายเรื่อง ต้องเล่นกับความเป็น 3 มิติ เรื่องนี้จึงไม่เว้น แต่แล้ว ผมก็ไม่ได้เลือกโรงที่เป็น 3 มิติและดิจิตอล เพราะอยากดูในโรงใหญ่ (ที่ไม่ได้แวะเวียนเข้าไปได้สักพักแล้ว) ผมจึงเลือก Siam Pavalai หลังจากเช็กบนหน้าเว็บไม่เจอว่าโรงไหนฉายแบบดิจิตอลหรือ 3 มิติ (แต่มารู้ทีหลัง T_T)
วันนี้ เข้าโรงก่อนหนังตัวอย่างจะเริ่มฉายเสียอีก เลยได้ดูครบทั้งหมดจนถึง End Title
เรื่องย่อหนัง ‘The Three Musketeers’
เรื่องราวมันมีอยู่ว่า อาโตส (Matthew Macfadyen), อารามิส (Luke Evans) และปอร์โตส (Ray Stevenson) สามทหารเสือที่เคยเป็นทหารคู่ราชบัลลังก์ฝรั่งเศส มีอันต้องตกอับหลังปฏิบัติภารกิจล้มเหลว ประกอบกับผู้มีอำนาจบารมีที่แท้จริงหาใช่คิง แต่เป็นพระคาร์ดินัล (Christoph Waltz) ผู้ซึ่งก็มีนายทหารฝีมือฉกาจนาม โรชฟอร์ท (Mads Mikkelsen) ความฉ้อฉลที่จะพาให้อังกฤษกับฝรั่งเศสต้องทำสงครามกัน เพราะมีสาวสวยผู้มีสองหัว เธอคือ ไมเลดี้ หรือ มีลาดี เดอ วินเตอร์ (Milla Jovovich) ที่จะคอยปั่นหัวผู้ชายหลายๆ คน
ทั้งหัวใจและหัวสมอง แล้วแต่จะปั่นหัวใคร
รีวิวหนัง ‘สามทหารเสือดาบทะลุจอ’
หลังจาก Orlando Bloom เงียบหาย ผลงานไม่เปรี้ยงปร้างมาหลายเรื่อง คราวนี้จะได้เวลาคัมแบ็กเสียที คราวนี้เขารับบทเป็น บักกิ้งแฮม ดยุคผู้เจ้าเล่ห์และทะนงตน ที่คิดคบกับแม่นางไมเลดี้นกสองหัวแต่กลายเป็นเรื่องเป็นราวในภาคนี้
แน่นอน.. ผมเป็นพวกขี้ลืม ผมลืมสามทหารเสือในภาคก่อนๆ เสียหมดสิ้นแล้ว
ในส่วนของการดำเนินเรื่อง ผมว่า เขาทำได้ค่อนข้างดี แรกๆ นั้น ยอมรับเลยว่า งงกับเนื้อเรื่องมาก สับสนในหัวว่าใครเป็นใคร และหักหลังกันยังไง แต่พอผ่านไปสักพักก็เริ่มจะปิดปะต่อเรื่องได้ ก็คงต้องยอมๆ กันไปบ้าง หากว่าจะมีเนื้อเรื่องที่ดูเพี้ยนๆ ฮาๆ หลุดๆ ไป ก็น่าจะเพื่อความบันเทิง เพราะผู้ชมต้องคิดมากในเนื้อเรื่องที่ไม่กระจ่างในช่วงแรก แล้วมาค่อยๆ ประสานกันในช่วงหลัง ถ้ายังจะมีเน้นความสมเหตุสมผลเกินไป ดูจะเครียดทั้งเรื่องนั่นเอง ช่วงหลังนี่เรียกว่าได้ลุ้นกันพอสมควร สนุกเร้าใจ และดูอลังการในแง่ของเทคนิคพิเศษ
สเปเชียลเอฟเฟกต์ก็ถือทำออกมาได้ดีพอสมควร ประกอบกันเข้ากับหนังที่มีความเป็นแฟนตาซีหน่อยๆ กับเสื้อผ้าที่ดูย้อนยุคไปไกล หากแต่จับมาใส่ในฉากแอ็คชั่นได้ซะงั้น ขณะที่พระเอก ดาร์ตายัง (Logan Lerman เคยแสดงใน ‘Percy Jackson & the Olympians: The Lightning Thief’) ก็แสดงได้โอเค คอนสแตนซ์ นางเอก (Gabriella Wilde) ก็หน้าตาสวยน่ารักมาก มองกันจนเพลินไปเลย ขณะที่ควีนแอนน์ (Juno Temple) ก็น่ารักไปอีกแบบ เรียกว่าได้ครบสูตร
โดยรวม ‘The Three Musketeers’ ในภาคใหม่นี้ ทำออกมาได้ค่อนข้างดี เฉลี่ยกันแล้วในหลายๆ ส่วนทำให้หนังออกมาน่าประทับใจ แม้ว่า ผมจะเผลอหาวไปหนหนึ่ง แต่ก็แค่หนเดียวเท่านั้น นอกจากนั้น ผมว่าลงตัวทีเดียว จบลงท้ายมีเซอร์ไพรส์แต่ก็ไม่ได้ผิดจากที่คิดไว้หรอกเธอ เสียดายที่ไม่ได้ดูแบบ 3 มิติดิจิตอลนี่แหละ
บรรพบุรูษไม่ได้เป็นผู้เขียนประวัติศาสตร์หรอก ผู้ชนะต่างหากที่เขียนมัน
ชื่อภาพยนตร์: The Three Musketeers (in 3D) / สามทหารเสือดาบทะลุจอ
ผู้กำกับภาพยนตร์: Paul W.S. Anderson
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Alex Litvak (screenplay), Andrew Davies (screenplay), Alexandre Dumas père (novel “Les Trois Mousquetaires”)
นักแสดงนำ: Logan Lerman, Matthew Macfadyen, Ray Stevenson, Milla Jovovich, Orlando Bloom, Luke Evans, Gabriella Wilde
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Romance
เรท: USA/PG-13, ไทย/น15+
ความยาว: 110 นาที
ปี: ค.ศ.2011
สตูดิโอ/ผู้สร้าง: Summit Entertainment, Constantin Films, Impact Pictures
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 29 กันยายน 2554
สามทหารเสือเป็นนิยายผจญภัยปนตลกครับ ไม่แปลกหรอกที่หนังจะมีมุก
หนังชื่อไทยๆมาก น่าดู แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้ดูเลยกะเขาเลย