หลังๆ นี่ วงการฮอลลีวู้ด นำคาแรคเตอร์ซูเปอร์ฮีโร่จากการ์ตูนมาสร้างเป็นหนังใหญ่เสียเยอะ ล่าสุด ก็ดึงเอาซูเปอร์สตาร์จากฝั่งเอเชียมารับบทตัวเอกในหนังเชิดชูฮีโร่กะเขาบ้าง เป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่พยายามจะฉีกแนวจากฮีโร่คนอื่นๆ เสียด้วย ‘The Green Hornet’ หรือ ‘หน้ากากแตนอาละวาด’ ในชื่อไทยยังไงเล่า
เมื่อ James Reid (Tom Wilkinson จาก ‘The Ghost Writer’, ‘Duplicity’, ‘Valkyrie’ และ ‘Michael Clayton’) พ่อของเด็กน้อย เจ้าของ “The Daily Sentinel” หนังสือพิมพ์หัวใหญ่ของเมืองแอลเอ ที่หวังในตัวลูกชายตัวเองไว้มาก แต่กลับไม่สามารถทำให้ลูกชายเชื่อมั่นในตัวเองได้ ลูกชายเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ชายที่เอาแต่สนุกสนานไปวันๆ กับงานปาร์ตี้ แต่อยู่ดีๆ เขาก็จากโลกไปด้วยสาเหตุอันไม่น่าเชื่อถือ ส่งผลให้ลูกชายของพ่อ Britt Reid (Seth Rogen จาก ‘You, Me and Dupree’, ‘Shrek the Third’, ‘Kung Fu Panda’, ‘Horton Hears a Who!’, ‘Pineapple Express’) ผู้ไม่เคยรู้เรื่องการบริหารหนังสือพิมพ์เลย ต้องมารับสืบทอดหน้าที่แทนอย่างช่วยไม่ได้
แต่เรื่องราวไม่ได้มีแค่นั้น
กาแฟที่เขาดื่มทุกเช้า รสชาติมันดีเยี่ยมมาทุกวัน แต่วันนี้ เขากลับพบเพียงน้ำล้างเท้าเท่านั้นให้เขากิน เขาพบว่า เขาได้ไล่บุคคลอันน่าทึ่งในความสามารถหลากหลายอย่างออกไป Kato (Jay Chou) คือคนนั้น ชงกาแฟเก่ง แถมยังมีความสามารถด้านการประกอบ และประดิษฐ์รถยนต์พร้อมอาวุธยุทโธปกรณ์ เขาพบว่า มีหนทางที่จะใช้พลังเสเพลติงต๊องของเขาไปในทางสร้างสรรค์แล้ว ไอเดียถูกผุดขึ้นมา แทนที่จะทำตัวเป็นคนดี พวกเขาเลือกที่จะแหวกแนวซูเปอร์ฮีโร่ด้วยการเป็นตัวร้าย ภายใต้หน้ากากดำ คอยป่วนเมืองไปทั่ว แถมยังมั่วทำความดี อิอิ
ในที่สุด จากความบ้าระห่ำปนติงต๊องของ บริทท์และคาโต้ ประกอบการเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ยักษ์ ก็ได้สร้างให้เกิดฮีโร่พันธุ์ใหม่ขึ้นนาม ‘The Green Hornet’ เริ่มขจรขจาย ไปพร้อมๆ กับการเข้ามาเอี่ยวอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวของสาววัย 36 กะรัตอย่าง Lenore Case (Cameron Diaz) เลขาฯ คนสวยคนใหม่ของบริทท์ ผู้ซึ่งเป็นปัญหาหัวใจของสองหนุ่มคู่หู
รีวิวหนัง ‘The Green Hornet’
ด้วยบทที่ว่ามา ทำให้แคแรคเตอร์แต่ละตัวค่อนข้างมีบทบาทสำคัญในตัวเอง และเป็นตัวช่วยพาให้หนังดำเนินไปอย่างมีเค้าโครง แต่ความสนุกของหนังไม่ได้มีแค่นั้น เพราะคนเขียนก็เลือกใส่ความบ้าติงต๊องเข้าไปในบท จนทำให้คนดูได้ทั้งความสนุกและมันจากฉากบู๊ และได้เสียงหัวเราะมากมายตลอดเรื่องจากความไม่ได้เป็นโล้เป็นพายของคู่หูซูเปอร์ฮีโร่
ในขณะที่งานซีจีของภาพยนตร์เรื่องนี้ แม้จะไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก แต่ก็ไม่มีอะไรเสียหาย เมื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น และแคแรคเตอร์ของตัวละคร ไม่ต้องพึ่งพาซีจีขนาดนั้นก็ทำให้คนสนุกไปกับหนังได้
ตัวละครอีก 2 ตัวที่เข้ามามีบทบาท และสร้างมุมมองทางความคิดให้กับบริทท์ได้อย่างมาก ก็คือ Chudnofsky (Christoph Waltz) มาเฟียตัวเก๋าหน้าเหี้ยมที่ไม่ยอมให้หน้าไหนลูบคม โดยเฉพาะ ‘The Green Hornet’ และ Scanlon (David Harbour) อัยการของเมืองที่ต้องการสื่อในกำมือเพื่อการันตีเก้าอี้ตัวเอง
แม้แคแรคเตอร์ที่ว่ามาทั้งหมด จะทำให้สร้างเรื่องได้มากมายอย่างที่ใจต้องการ แต่ก็ใช่จะดูหนังเรื่องนี้ โดยไม่ตะขิดตะขวงใจอะไร คู่หูที่ดูจะจับพลัดจับผลูเล็กน้อย คนหนึ่งเป็นเพลย์บอย อีกคนก็เก่งเวอร์ทำเป็นทุกอย่าง, หรือเลขานุการที่รู้เรื่องอาชญากรรมดี แต่ไม่สงสัยอะไรเลยในตัวเจ้านายตัวเอง แม้แต่การเลือกเอา ดิแอซ มาเล่นก็อาจลักลั่นอยู่บ้าง ที่สาวตาสวยแต่หน้าย่นจะทำให้คู่หูสองคนต้องมาทะเลาะกัน
หากแต่องค์ประกอบด้านฉากบู๊และมุขฮานั่นแหละ ที่ทำให้ความตะขิดตะขวงนั้นลดบทบาทลงไป
ไม่ว่า ‘หน้ากากแตนอาละวาด’ จะประสบความสำเร็จจนมีภาคต่อหรือไม่ ผมก็คงต้องขอชมอีกส่วน ในฐานะที่ทำ 3D ออกมาได้ดูดี ไม่เป็นแผ่นๆ เหมือนตัวอย่าง 3D ของภาพยนตร์หรรษาแฟนตาซีภาคต่อของโจรสลัดผจญภัยเรื่องนั้น
และอีกอย่างที่ทำให้ผมได้ความรู้ใหม่ ก็คือ Siam Pavalai ของ Paragon Cineplex ก็ดูแบบ 3D ได้ เพราะผมเพิ่งจะได้ดูภาพยนตร์ในแบบ 3D ในโรงนี้เป็นครั้งแรก
ดู Closing Credit เพลิน ไม่ต้องรีบออกจากโรงกันเลย!
ชื่อภาพยนตร์ : The Green Hornet 3D, หน้ากากแตนอาละวาด
ผู้กำกับภาพยนตร์ : Michel Gondry
ผู้เขียนบทภาพยนตร์ : Seth Rogen, Evan Goldberg,
นักแสดงนำ : Seth Rogen, Jay Chou, Christoph Waltz, Cameron Diaz, Tom Wilkinson, David Harbour
แนว/ประเภท : Action, Comedy, Crime
ความยาว : 118 นาที
เรท : USA/PG-13
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย : Columbia Pictures, Original Film
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย : 3 กุมภาพันธ์ 2554