ในฐานะที่หนังเรื่องนี้เป็นหนึ่งในหนังสารคดีไทยที่หาดูได้ไม่ง่ายนัก ในฐานะที่หนังเรื่องนี้เป็นหนังสารคดีเรื่องแรกที่ปรุงจากฝีมือของชาว a day ในฐานะที่เป็นหนังไทยที่พูดถึงชีวิตของเด็กพิเศษที่ยังไม่เคยมีใครทำมาให้เราได้ดู ‘The Down’ จึงกลายเป็นหนังที่จุดความสนใจให้ต้องไปดูถึงในโรงหนัง อาจจะไม่ได้ไปสัมผัสกับงานเปิดตัวสักเท่าไหร่ด้วยสภาพตัวเองที่ไม่ค่อยอำนวย แต่ก็ได้ไปร่วมชมในโรงหนังทันเวลา
มันคือเรื่องราวชีวิตของคนบางกลุ่มที่เป็นส่วนหนึ่งในสังคมเรา อาจดูว่าเป็นคนที่แตกต่าง ดูไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่อาจเพราะความแตกต่างนั่นแหละที่ทำให้เราไม่ได้สนใจ และวันนี้ a day ได้หยิบมุมที่พวกเขาถนัดที่จะเล่ามาทำเป็นหนังสารคดีให้เราได้ทัศนากันแล้ว
ได้เวลาหนังฉายแล้วล่ะครับ มาเริ่มกันเลย
เรื่องย่อหนังสารคดี ‘The Down’
เมื่อ a day คิดจะทำภาพยนตร์เรื่องแรก ก็คงไม่หนีกับสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีที่สุด คือ ภาพยนตร์สารคดี หยิบจับเอาชีวิตคนกลุ่มที่หลายคนเรียกพวกเขาว่าเป็น “เด็กพิเศษ” มาเล่า โดยมี พี่โหน่ง วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์ หัวเรือใหญ่ผู้ก่อตั้งนิตยสารอะเดย์เป็นตัวเล่าเรื่องทั้งหมด พาเราไปทำความรู้จักกับชีวิตของเด็กดาวน์หลายๆ คนที่ใช้ชีวิต เติบโต และทำงานทำการในออฟฟิศเดียวกันกับ “คนธรรมดา”
หนังเล่าเรื่องของบุคคลที่เป็นดาวน์ซินโดรมที่สมัยหนึ่งเราเรียกว่าพวกเขาว่าเป็น “เด็กปัญญาอ่อน” เล่าเรื่องของ แพน สาวซ่าอารมณ์ดีที่ทำงานใน AIS เธอรักการกินและการเรียนรู้เป็นชีวิตจิตใจ เล่าเรื่องของ แบงค์ หนุ่มพนักงานร้าน Uniqlo ที่เซนทรัลเวิลด์ผู้ไม่เคยมาทำงานสาย เล่าเรื่องของ เบียร์ สาวหวานอัธยาศัยดีที่ทำงานในร้านกาแฟ Starbucks เธอเป็นที่รักของทุกคนโดยเฉพาะคนในครอบครัว
และหนังก็เล่าเรื่องของคู่แฝดเดอะดาวน์อย่าง ออม – อัน นักกีฬาบอชชี่ผู้คว้าเหรียญทองจากกีฬาสเปเชียลโอลิมปิก
รีวิวหนังสารคดี ‘The Down’
เพราะหนังเหมือนหนังสือ จึงเล่าง่าย ย่อยง่าย
ด้วยการเล่าแบบอ่านหนังสือ แบ่งเป็นบทๆ แต่ละบทจะเล่าเรื่องที่แตกต่างกันไป มีชื่อเรื่องเป็นของตัวเอง จบในตอน โดยมีจุดเปิดเรื่องและปิดท้ายเป็นเหมือนบทนำและบทส่งท้ายของหนังสือ คือหนึ่งเหตุผลทำให้ ‘เดอะดาวน์’ เป็นหนังสารคดีที่ย่อยง่าย
นอกจากนี้ การเล่าเรื่องด้วยการให้พี่โหน่งเป็นตัวละครหลักที่พาผู้ชมไปพบกับตัวละครนำที่เหลือ นับเป็นอีกวิธีการที่ทำให้เล่าเรื่องของคนหลายๆ คนแต่ร้อยเป็นเรื่องเดียวได้ง่ายขึ้น
โลกที่แตกต่างแต่ดีกว่าที่เราอยู่
เราใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้มากี่วันแล้ว มันเนิ่นนานจนดูเหมือนทุกวันธรรมดามันผ่านไปอย่างแสนเชื่องช้าและลำบากยากเข็ญ เราพบความเหนื่อยหน่ายปรากฏอยู่ในทุกวินาทีของการใช้ชีวิต เพราะเราพบว่า โลกนี้อยู่ยากขึ้นทุกวัน เราเริ่มไม่เข้าใจมนุษย์ที่ยากแท้หยั่งถึงมากขึ้นไปทุกที
…จนเราได้มาพบโลกของเด็กดาวน์
โลกของพวกเขาดูเชื่องช้ากว่าจะเติบโต แต่กลับเป็นโลกที่ดูสดใสไร้พิษภัย พวกเขาไม่ได้เกิดมาเพราะความผิดพลาดของใคร แต่มันมีเหตุผลทางพันธุกรรมที่บางคนเรียกมันว่าเป็นอุบัติเหตุทั้งที่มันเกิดขึ้นได้ในทุกวัน พวกเขาคือคนไม่ธรรมดาที่รายล้อมอยู่ท่ามกลางคนธรรมดา เพียงแต่ว่าพวกเขาถูกมองว่าไม่มีค่าพอที่จะต้องมานั่งทำความเข้าใจ
พวกเขาดูใสซื่อไม่เคยคิดร้ายต่อใคร พวกเขาดูแตกต่างทั้งด้านรูปร่างหน้าตา การพูดการจา ไปจนถึงพัฒนาการทางสมอง แต่นั่นก็เป็นแค่เสี้ยวหนึ่งที่คนธรรมดามองเห็น ความจริงแล้ว พวกเขาทำอะไรได้เหมือนๆ กับที่พวกเราทำ เล่นเปียโนได้ ทำงานแบบพวกเราก็ได้ เพียงแต่การเลี้ยงดูให้เติบโตขึ้นมา อาจจะต้องใช้ความพยายามที่มากกว่าเลี้ยงคนธรรมดาอยู่สักหน่อย
ระหว่างชม เดอะดาวน์ เราได้ทั้งขำ หัวเราะ ซึ้งน้ำตารื้น ไปกับบทสนทนาของพวกเขา ได้เห็นเรื่องราวของครอบครัวที่เข้าใจและพร้อมจะลำบากเพื่อเลี้ยงดูให้พวกเขาเติบโตมาจนอยู่ได้ในสังคม ทำให้รู้ว่า กว่าที่คนไม่ธรรมดาจะโตขึ้นมาก็ต้องผ่านเรื่องแย่ๆ มาก่อนเช่นกัน แต่พวกเขาไม่ทำอะไรแบบที่คนธรรมดาทั่วไปเป็นกัน จนบางที คนธรรมดาอย่างเรายังต้องหันกลับมามองตัวเองเลยว่า ทำไมพวกเราจึงเป็นไปในแบบนั้น อายพวกเขาบ้างมั้ยเนี่ย
บางสิ่งที่ยังไม่ถูกเอ่ยถึง
จุดหนึ่งที่รู้สึกได้ในหนังสารคดีเรื่องนี้ก็คือ พวกเขาพยายามจะนำเสนอข้อมูลให้ครบถ้วนที่สุด ทั้งข้อมูลในทางวิทยาศาสตร์ และชีวิตส่วนตัวของผู้ที่เป็นดาวน์ซินโดรม แต่ก็ยังพบว่า หนังยังไม่ถึงกับเล่าอะไรที่ลึกมากนัก เหมือนจะเข้าไปเฉพาะในส่วนที่คนทั่วไปจะเข้าถึงได้ จับความรู้สึกได้ง่าย หรืออะไรประมาณๆ นั้น หนังเลือกที่จะสนใจเด็กดาวน์ที่มีชีวิตและกิจการงานที่ดี กึ่งๆ ว่าก้าวขึ้นเป็นคนไม่ธรรมดาที่บรรลุแล้ว
แต่หนังเลือกจะไม่พูดถึงเด็กดาวน์อีกมากมายที่อาจยังตะเกียกตะกายหรือท้อแท้อยู่ หากหนังนำเสนอในทุกแง่มุม ก็อาจทำให้เราเข้าใจพวกเขามากกว่านี้ก็เป็นได้
หนังนำเสนอแง่มุมผ่านการแสดงออกของตัวละครที่เป็นคนเผ่าดาวน์ แต่เหมือนจะแอบจิกกัดคนทั่วไปอยู่ในที จนทำให้คิดไปว่า บางทีการเป็นคนไม่ธรรมดาก็อาจจดีกว่า ในตอนท้าย เพลงประกอบจากปลายปากกาของ Greasy Cafe ช่างโดดเด่น ช่วยขับน้ำตาให้ไหลรื้นเบ้าได้อีกครั้ง
ก่อนที่หนังจะปิดท้ายได้ทรงพลัง หนักแน่น และคมคาย
ชื่อภาพยนตร์: The Down / เดอะดาวน์
ผู้กำกับภาพยนตร์: วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: จริยา มุ่งวัฒนา
นักแสดงนำ: แพน กมลพร วชิรมน, แบงค์ สุทธิพศ กนกนาค, เบียร์ ศิรินลักษณ์ ฉลาด, ออม อรนิภา กาญจนศิริ, อัน อติญา กาญจนศิริ, วงศ์ทนง ชัยณรงค์สิงห์
ความยาว: นาที
แนว/ประเภท: สารคดี
อัตราส่วนภาพ:
เรท: ไทย/ท , MPAA/
ประเทศ: ไทย
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 15 ตุลาคม 2558
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: a day
เดอะดาวน์
The Down - 8
8
The Down
หนังนำเสนอแง่มุมผ่านการแสดงออกของตัวละครที่เป็นคนเผ่าดาวน์ แต่เหมือนจะแอบจิกกัดคนทั่วไปอยู่ในที จนทำให้คิดไปว่า บางทีการเป็นคนไม่ธรรมดาก็อาจจดีกว่า ในตอนท้าย เพลงประกอบจากปลายปากกาของ Greasy Cafe ช่างโดดเด่น ช่วยขับน้ำตาให้ไหลรื้นเบ้าได้อีกครั้ง