รีวิวหนัง คู่กรรม | โปรดักชั่นอลังการ ดราม่าครึ่งเดียว

ช่วงนี้ มีความรู้สึกเหมือนกับว่า วงการหนังไทยจะคึกคักเป็นพิเศษ มีหนังที่อยู่ในความสนใจของคนไทยส่วนใหญ่เข้าฉายในโรงอย่างต่อเนื่อง หลังจาก ‘พี่มาก..พระโขนง’ เข้าโรงไปก่อนหน้า 1 สัปดาห์ คว้า 100 ล้านได้ในเวลาเพียง 4 วัน วันนี้ (1 เมษา 56) หนังไทยอีกเรื่องก็เข้าโรงฉายในรอบกาล่าพรีเมียร์ ‘คู่กรรม’ ฉบับตีความใหม่โดยผู้กำกับฯ เรียว กิตติกร

อันที่จริงมันเป็นวรรณกรรมชิ้นหนึ่งของไทยที่ถูกนำมาสร้างทั้งในฉบับภาพยนตร์และละครแล้วถึง 9 ครั้ง บ่อยจนคนส่วนใหญ่รับรู้หมดแล้วว่าเรื่องราวมันเป็นเช่นใด เศร้าแค่ไหน ขัดแย้งอย่างไร จบแบบไหน การนำกลับมาสร้างใหม่ย่อมต้องมีอะไรที่เด็ดดวงมากพอชักชวนคนให้เข้ามาดู แน่นอนว่า คู่กรรม ในฉบับนี้ย่อมจะต้องมองไปถึงจุดนั้น

ผู้กำกับฯ และทีมงานเลือกให้ ณเดชน์ คูกิมิยะ พระเอกจอแก้วที่มาแรงในช่วงสองสามปีมานี้ แถมยังมีหน่วยก้านหน้าตาดีพอจะแสดงเป็นทหารญี่ปุ่นที่สาวๆ กรี๊ดได้ ด้วยความเหมาะสมดังกล่าวจึงน่าจะเป็นตัวช่วยอย่างดีให้ “คู่กรรม” ภาคนี้ไปมุ่งเน้นในด้านงานโปรดักชั่นได้มากขึ้น ดังที่เราได้เห็นในหนังว่ามันอลังการงานสร้างเอามากๆ ทีเดียวเชียว

เมื่อมีพระเอกที่เป็นแม่เหล็กแล้ว และก็มีทีมโปรดักชั่นที่ไว้ใจได้แล้ว หากกำกับภาพได้สดสวยก็ดูจะส่งเสริมหนังได้ไม่น้อย แต่นั่นก็ยังไม่พอ เมื่อมันยังต้องมีการแสดงของตัวละครอื่นๆ บทที่เกลี่ยกันได้ลงตัว ถึงพร้อมด้วยการดนตรีประกอบและโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตัดต่อที่เข้ากั๊นเข้ากันกับทุกๆ ส่วน

เรื่องราวความรักระหว่างทหารญี่ปุ่นกับหญิงสาวชาวไทย ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุคนั้นที่คนไทยไม่ชอบใจนักกับการที่ญี่ปุ่นขึ้นบกที่ไทยเพื่อผ่านไปยังพม่า ช่วงนั้นจึงเกิดกลุ่มคนไทยบางคนที่ดำเนินการแบบใต้ดินต่อต้านฝ่ายของญี่ปุ่นอยู่ลับๆ ความรักของคนไทยกับคนญี่ปุ่นจึงกลายเป็นโศกนาฏกรรม สิ่งที่หนังฉบับนี้สร้างให้เราได้ชม ตั้งแต่จุดเริ่มต้นของความรักไปจนถึงบทลงเอยสุดท้าย เพียงแค่ปรับเพิ่มโน่นลดนี่ พร้อมเลือกจะตีความบางส่วนจากความคิดในหัวของผู้กำกับฯ เอง

สิ่งที่ทุกฉบับจะให้กับคนดูคงเป็นฉากดราม่าที่จะดึงให้ทุกคนดำดิ่งสู่ความเศร้าโศกอย่างสุดๆ ในฉบับนี้ ตัวแสดงหลักฝ่ายชายอย่าง ณเดชน์ หลายๆ คนที่ไปชมมาพร้อมกันต่างลงความเห็นพ้องๆ กันว่าณเดชน์ทำได้อย่างดีเยี่ยม สะกดคนดูได้อยู่หมัดทั้งด้านความหล่อและลีลาการแสดง

ขณะที่ฝ่าย ริชชี่ อรเณศ ดีคาบาเลส นางเอกที่เพิ่งเข้าสู่วงการ เธอยังใหม่กับการแสดง เจองานครั้งก็เจอของยากเลย น้องยังดูแข็งๆ ทั้งแววตา น้ำเสียงและท่าทาง ทำให้การส่งบทไปมาๆ ของสองพระนางไม่ทรงพลังมากพอ ช็อตดราม่าที่ควรจะเรียกน้ำตาก็เลยทำได้เพียงครึ่งเดียว ขณะที่ตัวแสดงต่างๆ ที่เป็นฝ่ายญี่ปุ่น ค่อนข้างทำได้ดีทุกๆ ตัว ส่วนฝ่ายไทยกลับดูแปลกๆ ยังไงพิกล หลายตัวบทน้อยลงไปจนเกือบไม่มีความสำคัญ ขณะที่บางตัวไม่มีบทพูดก็จริงแต่ฝีมือการแสดงไม่ได้เลย

ในด้านบทหนัง น่าสนใจตรงที่ประโยคเด็ดๆ นั้นกลั่นกรองออกมาดี แต่บางครั้งการพบเจอกันของโกโบริและอังศุมาลินดูจะมาเร็วไปเร็วจนไม่ค่อยรู้สึกว่ามันเกิดขึ้นมากพอจะเรียกว่ารักได้ ขณะที่การตัดต่อก็มีปัญหาอยู่หลายๆ จุด ช่วงแรกแอบน่าเบื่ออยู่บ้าง ช่วงหลังเริ่มที่จะน่าสนใจขึ้นมาหน่อย แต่ที่เสมอต้นเสมอปลาย คือการดำเนินไปของเรื่องอย่างเรียบเรื่อยและการใช้เสียงคิดในใจมาช่วยบอกเล่าความรู้สึกของตัวละครแต่ดูขัดกับเสียงพูดจริงและใช้พร่ำเพรื่อจนเกินไป

หนังมีช็อตโชว์ซีจีอยู่หลายจุดแม้จะไม่ได้มาตลอดเรื่องหรือเนียนตา แต่ก็นับได้ว่าเขาตั้งใจทำ

‘คู่กรรม’ ของเรียว กิตติกร เป็นหนังที่ดีบางอย่างแต่แย่บางอย่าง เหมือนเน้นที่ไปที่บางองค์ประกอบขณะที่บางจุดกลับไม่เน้นให้มากพอ โปรดักชั่นอลังการ ถ่ายภาพสวย พระเอกเล่นดี แต่จุดอื่นกลับไม่ประทับใจเลย

ทำให้อิ่มกับการนั่งดูการแสดงของณเดชน์ แต่เมื่อการรับส่งอารมณ์ยังสะดุดอยู่ ทำให้อารมณ์ดราม่ามันไปได้ไม่สุดนักนี่สิครับ

ชื่อภาพยนตร์: คู่กรรม / Sunset Over the Killing Fields / Sunset at Chaophraya
ผู้กำกับภาพยนตร์: เรียว กิตติกร
ผู้เขียนบทภาพยนตร์:
นักแสดงนำ: ณเดชน์ คูกิมิยะ, ริชชี่ อรเณศ ดีคาบาเลส
แนว/ประเภท: Drama, Romance
เรท: ไทย/ท , USA/
ความยาว: 125 นาที
ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: M๓๙
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 4 เมษายน 2556