เมื่อปี 1987, 1990 และ 1993 ฮอลลีวู้ดเคยสร้างภาพยนตร์ของตำรวจเหล็กมาเป็นไตรภาคแล้ว ภาคแรกเคยได้คว้ารางวัลบนเวทีออสการ์มาแล้วในสาขา Special Achievement Award ก่อนจะเงียบหายไปกับภาคสามที่ทำรายได้ได้ไม่ดีนัก แต่ในวันนี้ ‘RoboCop’ กลับมาอีกครั้ง
ในฉบับก่อนนั้น กรมตำรวจตกอยู่ภายใต้ความควบคุมของ Omni Consumer Products (OCP) และเมื่อ อเล็ก เมอร์ฟี่ เข้ามาประจำการ เขาถูกแก๊งอันธพาลยิงจนเสียชีวิต จึงถูก OCP นำไปดัดแปลงประกอบเข้ากับเครื่องจักร กลายเป็นโรโบคอปออกปราบอาชญากรรมกับคู่หู
แต่โรโบคอปในเวอร์ชั่นปี 2014 นี้ เรื่องราวจะถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นว่า ในอนาคต หุ่นยนต์ถูกใช้ทดแทนกำลังตำรวจที่เป็นมนุษย์สร้างความสงบสุขไปทั่วโลก ยกเว้นก็แต่เพียงในสหรัฐอเมริกา การเมืองเข้ามายุ่มย่ามทำให้การมีตำรวจระดับอภิมหาตำรวจไม่ได้ออกมาคอยรักษาความสงบในอเมริกาสักที
จนในที่ดิทรอยด์กลายเป็นเมืองแรกที่จะได้พบกับรูปแบบการปราบอาชญากรรม เมื่อ OmniCorp คิดใช้ช่องโหว่ของกฏหมายสร้างตำรวจในแบบกึ่งคนกึ่งเครื่องจักร เพื่อให้คนเริ่มเปิดรับหุ่นยนต์ในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ให้มากขึ้น และ RoboCop ตัวแรกก็ถือกำเนิดนขึ้นจากตำรวจนาม อเล็ก เมอร์ฟี่ (Joel Kinnaman) ที่ประสบอุบัติเหตุปางตายและจะมีชีวิตอยู่ต่อได้เพียงวิธีเดียว คือ การเป็นแอนดรอยด์
มันคือหนังแอ็คชั่นไซไฟที่เสียดสีสังคม ซึ่งในฉบับนี้มันก็ยังคงเป็นในแบบนั้นอยู่
รีวิวหนัง ‘RoboCop’
ทางเลือกที่เหลือเพียงของภรรยาและลูกชาย ต้องกลายเป็นทั้งหนูทดลองเพื่อสร้างตำรวจเหล็กตัวแรกของเมือง เป็นสินค้าตัวใหม่ที่ต้องสาธิตตัวเองต่อหน้าสาธารณชน ขณะเดียวกัน ก็เป็นความหวังของลูกเมียที่หวังจะเห็นเขารอดตาย และสุดท้าย คือภารกิจการปราบอาชญากร แต่ทั้งหมดถูกเคลือบคลุมอยู่ความฉ้อฉลหลากรูปแบบของมนุษย์แห่งดิทรอยด์
ตำรวจที่เป็นอาชญากรเสียเอง นักการเมืองที่ต่างทำเพื่อผลประโยชน์ วิทยาศาสตร์ที่รับใช้ผลประโยชน์ทางธุรกิจโดยไม่จำเป็นต้องใส่ใจคุณธรรม และอะไรต่อมิอะไรที่หลากคนดูก็อาจจะหลากสิ่งที่กระเทาะไปได้
เห็นไหมว่า หนังเรื่องนี้ไม่ใช่หนังซูเปอร์ฮีโร่เลย
สิ่งที่ทำให้ ‘โรโบคอป’ เวอร์ชั่น 2014 ต่างออกไปอย่างเห็นได้ชัด คือ ลักษณะของโรโบคอปที่ลดความอ้วนเทอะทะในแบบเก่าลง ใส่สีดำลงไป หมวกหรือหน้ากากปรับใหม่ให้ดูทันสมัยขึ้น หนังถูกเล่าด้วยการมีหนึ่งรายการทีวีที่เข้ามาคั่นระหว่างการเล่า ซึ่งบางครั้งก็น่าสนใจ บางครั้งก็ดูเหมือนจะแย่งซีนไป หนังยังพยายามที่มีช่วงบู๊แอ็คชั่นแบบมันเร้าใจ ใส่ซีจีเข้ามาได้เนียนใช้ได้น่าตื่นเต้นอยู่ช่วงหนึ่ง แต่อาจไม่มากพอสำหรับคอหนังแอ็คชั่นที่ระยะหลังเน้นหนักไปที่ฉากพวกนี้โดยเฉพาะหนังซูเปอร์ฮีโร่ทั้งหลาย เพราะโรโบคอปจะเน้นไปที่การเล่าเรื่องเสียมากกว่า
โรโบคอปไม่ใช่พวกฉลาดหลักแหลมใช้ปัญญาแก้ไขโจทย์ยากได้อย่างเฉียบคม หรือมีพลังพิเศษที่จะทำอะไรเหนือคนธรรมดา แต่เขาเป็นเพียงตำรวจคนหนึ่งที่ทักษะด้านอาวุธปืนและการต่อสู้ เขาต้องแก้ไขมันดั่งปัญหาเฉพาะหน้าด้วยข้อจำกัดบางอย่าง นอกจากนี้ เขายังต้องมีเวลาสำหรับพัฒนาการเพื่อทำให้กลายเป็นสุดยอดตำรวจเหล็กในภาคถัดๆ ไป (ถ้าจะมีนะ)
ซึ่งผมว่า ช่วงเวลาของการพัฒนาตัวเองในเรื่องนี้ทำได้ดีมาก ไม่ก้าวกระโดดจนไร้ความน่าเชื่อเกินไป
น่าเสียดายที่หนังไม่ได้ออกมาในแบบ 3 มิติแม้จะมีบางช่วงที่ถ่ายทำออกมาได้เหมาะสมจะเป็นหนัง 3 มิติก็ตาม น่าเสียดายอีกบางส่วนที่หนังยังเคล้าส่วนผสมได้ไม่เข้ากันเพียงพอ รสชาติจึงยังไม่กลมกล่อมพอจะทำให้คนดูอย่างผมรู้สึกอิ่มกับมันได้
ส่วนหนึ่งก็อาจจะเพียงเพราะมันเป็นภาคของการปูพื้นของภาคต่อๆ ไปก็เป็นไปได้เช่นกัน
ชื่อภาพยนตร์: RoboCop / โรโบคอป
ผู้กำกับภาพยนตร์: José Padilha
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Joshua Zetumer (screenplay), Edward Neumeier,
นักแสดงนำ: Joel Kinnaman, Gary Oldman, Michael Keaton, Abbie Cornish, Jackie Earle Haley
แนว/ประเภท: Action, Crime, Sci-Fi
ความยาว: 108 นาที
เรท: ไทย/ , USA/PG-13
วันเข้าฉายในประเทศไทย: 13 กุมภาพันธ์ 2557
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย/สตูดิโอ: Metro-Goldwyn-Mayer (MGM), Columbia Pictures, Strike Entertainment