รีวิวหนัง Zom 100: Bucket List of the Dead | ซอมบี้กับมนุษย์เงินเดือน (ดูอะนิเมะสนุกกว่า)

พล็อตแนวซอมบี้ ถูกบอกเล่ามาไม่รู้กี่เรื่องและกี่สัญชาติแล้ว แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าผู้คิดพล็อตเรื่องทั้งหลายจะหยุดหรือตีบตันในไอเดีย แล้วล่าสุด ก็เป็นญี่ปุ่นที่ผุดไอเดียแนวนี้ขึ้นมา เล่าเรื่องของมนุษย์เงินเดือนหนุ่มคนหนึ่งที่เผชิญความเจ็บปวดกับงานประจำ แต่กลับได้พบว่า ตัวเองกำลังได้หยุดงานในเวลาที่ญี่ปุ่นเผชิญกับวิกฤติซอมบี้ระบาด ใน ‘Zom 100: Bucket List of the Dead’ หรือชื่อไทย ‘ซอม 100 – 100 สิ่งที่อยากทำก่อนเป็นซอมบี้’ นั่นแล

หลังมีอะนิเมะซีรีส์ชื่อเดียวกันออกฉายแบบออนไลน์ทั้งใน Prime Video และ Netflix แถมเพิ่งจะมาให้ดูไปเพียง 4 ตอน เราก็พบว่า กำลังมีเวอร์ชันหนังเข้ามาในบริการของ Netflix ในวันที่ 3 สิงหาคม 2023 มีความลักลั่นอยู่พอสมควร ใจหนึ่งก็คิดจะรอจนอะนิเมะซีรีส์มันครบแล้วค่อยกลับมาดูดี หรือว่าจะดูไปเลยไม่ต้องรอดี แต่สุดท้าย ก็ตัดใจเปิดมันไปเลยละกัน แล้วก็มานั่งดูความรู้สึกระหว่างรับชมกันอีกที ว่าจะเป็นเช่นไร

และตอนนี้ นายแพทก็ได้รู้แล้วล่ะครับทุกคน!

เรื่องย่อหนัง ‘Zom 100: Bucket List of the Dead’

มันเป็นเรื่องราวของ เทนโด อากิระ (Eiji Akaso จากหนังเรื่อง ‘Cherry Magic!’) ชายหนุ่มที่เพิ่งเรียนจบมา หางานทำได้สำเร็จในบริษัทด้านสื่ออย่างที่เขาใฝ่ฝันไว้ ความสุขใจล้นเหลือที่ล่มสลายไปในพริบตา เมื่อต้องทำล่วงเวลาตั้งแต่วันแรกที่เข้างาน จากนั้น เขาก็กลายเป็นมนุษย์เงินเดือนที่ทุกข์ระทมกับชีวิตพนักงานประจำ ที่ทำให้เขารู้สึกกลายเป็นทาส เจอทั้งงานที่ล้นมือ โอทีไม่เคยได้ จนไปถึงมีเจ้านายอย่างหัวหน้าโคซุงิ (Kazuki Kitamura) ที่ไม่ได้เรื่อง ไม่เข้าใจแถมยังเอาเปรียบลูกน้อง จนวันหนึ่งที่เขาตื่นมาในห้องสุดรกแล้วพบว่า ทั้งเมืองเต็มไปด้วยซอมบี้ที่คลุ้มคลั่งจากการโดนกัด

วันนั้น เขาได้รับรู้แล้วว่า ตนไม่ต้องไปทำงานแล้ว หลุดจากวงโคจรเลวร้ายนี้ได้สักที ก่อนที่เขาจะนึกถึงคำพูดของเพื่อนพนักงานสาวที่เขาแอบรักจนหมดหัวใจ “เราลืมกันไปหมดแล้ว ว่าที่จริงเราอยากทำอะไรใช่ไหม” นั่นแหละที่ทำให้เขาหยิบสมุดขึ้นมาแล้วเขียนมันลงไป เขาตั้งใจจะทำให้ได้ 100 สิ่งก่อนที่ตัวเองจะกลายเป็นซอมบี้

การได้หยุดงานแบบเซอร์ไพรส์ ทำให้เขาได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ทำมาก่อนหลังกลายเป็นพนักงานประจำ และมันได้ทำให้เขาได้กลับไปเจอกับเพื่อนรัก เคนนิจิโระ ริวซากิ (Shuntaro Yanagi จากซีรีส์เรื่อง ‘Alice in Borderland’) และได้พบกับ ชิซุกะ มิคาสุกิ (Mai Shiraishi จากซีรีส์เรื่อง ‘Teppachi!’) กลายเป็นกลุ่มคนที่จะร่วมฝ่าฟันผจญภัยไปด้วยกันในวันที่ทั้งโลกกลายเป็นแดนซอมบี้

รีวิวหนัง ‘ซอม 100 – 100 สิ่งที่อยากทำก่อนจะกลายเป็นซอมบี้”

การที่เคนโด้เป็นพนักงานประจำในสายงานที่ใฝ่ฝัน เขากลายเป็นพนักงานที่เต็มไปด้วยแพสชัน กระตือรือร้นที่จะทำงาน แต่กลับพบว่า บริษัทของเขาใช้งานอย่างทาส ไม่ต่างกับโรงงานนรก ทำโอทีข้ามวันข้ามคืนจนอดนอนบ่อย ทำให้เรารู้สึกว่า สิ่งที่เขาต้องเผชิญนี่แหละที่ทำให้ชีวิตของเขาใกล้เคียงซอมบี้มากที่สุดแล้ว แต่พอโลกดันมาเจอภัยซอมบี้ระบาด ทำให้เขากลายเป็นคนตกงานที่มีความสุขที่สุดในโลก..ไปซะงั้น

ในหนัง เวลาที่มีเรื่องดีเข้ามา เรื่องเลวร้ายก็พร้อมจะเข้ามาหาเช่นกัน ดาบแรก หนังพาให้เคนโด้เจอเรื่องเซอร์ไพรส์เกี่ยวกับหญิงที่เขารัก แต่เธอก็เป็นแรงบันดาลใจให้เขาเลือกจะจดลิสต์ 100 สิ่งที่อยากทำก่อนจะกลายเป็นซอมบี้ และมันก็ส่งให้เขานึกย้อนถึงเพื่อนรักอย่าง เคนโจ ที่เคยเล่นพุตบอลมาด้วยกันมา แถมเคยแนะนำให้เขาลาออกจากงานนี้ซะแต่ก็เป็นเขานี่แหละที่ยังดื้อทำอยู่ ดาบสอง เพื่อนอยู่กลางวงล้อมของเหล่าซอมบี้ที่คาบูกิโจ และเขาต้องไปช่วยเพื่อนออกมา

ก่อนที่หนังจะพาคนดูไปเจอกับ ชิซูกะซัง หญิงสาวที่มีนิสัยเด็ดเดี่ยว เพราะอยู่คนเดียวมาทั้งชีวิต ต้องมาเจอกับสองหนุ่มทึ่กำลังมีความสุขสุดๆ กับการใช้ชีวิต เหมือนจะไม่สนใจสักนิดว่า ตอนนี้พวกเขาต้องโฟกัสที่การเอาตัวรอดจากฝูงซอมบี้ทั่วเมืองต่างหาก ทำให้มองเห็นคนสองประเทศที่ตอบสนองต่อสถานการณ์ซอมบี้ที่แตกต่างกัน คนหนึ่งสนุกกับมัน แต่อีกคนกลับจริงจังกับการเอาตัวรอด

ภาพรวม ทำให้รู้สึกว่า หนังมันเล่าเรื่องแบบพระเอกสะสมเพื่อนร่วมทางระหว่างทำตามลิสต์ และพาให้เราได้รู้ว่า ซอมบี้ในหนังเรื่องนี้ จะเคลื่อนไหวเข้าหาเสียงเท่านั้น แต่พวกมันก็มีความเร็ว ไม่ได้เชื่องช้าอย่างซอมบี้สมัยก่อน ซึ่งก็ทำให้ฉากเอาตัวรอดดูน่าลุ้นมากกว่า

หลังเคยได้ดู ‘Zom 100’ ในแบบอะนิเมะซีรีส์มา 4 ตอน ทำให้รู้ว่าพระเอกจะทำอะไร และจะได้พบเจอกับกับอะไร จึงพยายามมองมาหาความแตกต่าง ซึ่งก็พบมีอยู่บ้างที่บทหนังรวบเอาสองเหตุการณ์มารวมเข้าด้วยกัน มันน่าสนใจอย่างหนึ่งตรงที่ หนังพาตัวละครเอกไปผจญภัยในห้างดองกี้ จากเดิมที่ในอะนิเมะดูไม่ได้เจาะจง ซึ่งก็เป็นการไทอินที่ดี นอกจากนี้ หนังยังพยายามหยิบใช้กิมมิกช่องการ์ตูนมาช่วยในการเล่าเรื่องด้วย

ในแง่ของเรื่องราว มันก็ดูเป็นการนำเสนอเชิงจิกกัดบริษัทต่างๆ ที่เอาเวลาชีวิตของมนุษย์เงินเดือนไปจนหมด แม้กระทั่งพลังจะดำเนินชีวิตก็แทบจะไม่เหลือ ตั้งหน้าตั้งตาทำงานไม่เคยปริปากบ่น จนแทบจะไม่ต่างอะไรกับซอมบี้อยู่แล้ว แต่เมื่อรอบตัวของตัวละครกลายเป็นดงซอมบี้ขึ้นมาจริงๆ พวกเขากลับเหมือนได้รับการปลดปล่อย ได้รับโอกาสในการทำอะไรหลายอย่างที่ไม่เคยได้ทำตอนเป็นมนุษย์เงินเดือน ไม่ว่าจะเป็น การไปเที่ยว ปาร์ตี้ ช้อปปิ้งในห้าง พบเจอเพื่อน เดตกับสาว หรือมีเวลาได้ออกไปทำในสิ่งไม่เคยทำมาก่อน สิ่งที่ตัวละครเอกเขียนลงในสมุดบันทึกนั่น จากสิ่งที่คิดว่าจะทำเพียง 10 กว่าอย่าง ก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่มันจะผ่านไปถึงบททดสอบสุดท้ายของเรื่องราว

เรื่องมันบอกเล่ากับเราว่า บนโลกนี้ มันมีคนอยู่หลายประเภท และมีคนประเภทที่ยอมอยู่ในระบบแม้จะถูกกดขี่เยี่ยงทาสสักเท่าใด ด้วยพวกเขาต้องการจะรับประกันว่าตนจะไม่ถูกขับออก แต่ก็มีบางคนเช่นกันที่ไม่ยอมทนให้ระบบรังแก ตัวละครในเรื่องคงต้องตอบคำถามกับตัวเองว่า ควรจะเลือกอยู่กับระบบที่กดขี่ หรือออกไปทำอะไรที่ต้องการ

มันเป็นหนังที่มีแง่มุมน่าสนใจแฝงอยู่ในความเป็นหนังซอมบี้ แต่ขณะเดียวกัน มันก็เป็นหนังที่ไม่ต้องสนใจความสมจริงหรือสมเหตุสมผลใดๆ และถ้าเคยผ่านการดูอะนิเมะซีรีส์มาบ้างแล้ว เรื่องราวบางส่วนของหนังก็ซ้ำกับที่เคยเล่าไป แตกต่างแค่นี่คือหนังที่ใช้คนแสดง ไม่เหลือความแฟนตาซีสีสันฉูดฉาดแบบในอะนิเมะให้เห็น ไม่ต้องรอคอยตอนใหม่ทุกอาทิตย์ แต่การดำเนินเรื่องรวดเดียวของหนังก็ไม่ชวนสนุกได้เท่ากับซีรีส์ที่มาเป็นตอนๆ ทั้งความเป็นการ์ตูน ทำให้คนดูรู้สึกมองข้ามความสมจริงไปได้มากโข

จึงมองว่า ถ้าชอบอะนิเมะเรื่องนี้อยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องข้ามมาดูหนังก่อนแต่อย่างใด

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง