ในช่วงนี้ ยังมีหนังอีกเรื่องที่น่าสนใจ เป็นหนังแอคชันอาชญากรรมผลงานของผู้กำกับ Guy Ritchie เจ้าของผลงานที่หลายคนรู้จักดีอย่าง ‘สุภาพบุรุษมหากัญ’, ‘อะลาดิน’, ‘Sherlock Holmes’ และอีกหลายเรื่อง และในวันนี้ เขาหันเข้าหาหนังแนวฆ่าล้างแค้นและชักชวนพระเอกนักบู๊เลื่องชื่อมาร่วมงาน ในหนังเรื่องใหม่ ‘Wrath of Man’ ชื่อไทย ‘คนคลั่งแค้น ปล้นผ่านรก’ ที่นำเข้ามาฉายในไทยโดย M Pictures
คนทั่วโลกและโดยเฉพาะในเมืองไทย ไม่มีใครไม่รู้จัก Jason Statham และพวกเราต่างก็จดจำเขาในฐานะพระเอกที่เล่นหนังแอคชันด้วยสไตล์บู๊หนักหน่วง หน้านิ่ง กับเสียงแหบต่ำ อันเป็นเอกลักษณ์ ในครั้งนี้ เขาจะต้องสวมบทบาทเป็นการ์ดคนใหม่ของกิจการรถขนเงิน เรื่องราวการเข้ามาที่นี่ของเขานั้นมันน่าเคลือบแคลงสงสัย
เขาเป็นใครกันแน่?
เรื่องย่อหนัง ‘คนคลั่งแค้น ปล้นผ่านรก’
ฟอร์ติโก้ ซีเคียวริตี้ บริษัทที่ขึ้นชื่อด้านรักษาความปลอดภัยและการขนเงินทั่วแอลเอ พวกเขารับหน้าที่ขนส่งถุงเงินจำนวนหลายสิบล้านต่อคัน พร้อมมีการ์ดรักษาความปลอดภัยสูงสุด พวกเขาเพิ่งรับพนักงานคนใหม่เข้าไป คนๆ นั้นคือ เจ้าหน้าที่ เอช (Jason Statham/เจสัน สเตทแธม จากหนังเรื่อง ‘Fast & Furious 7’, ‘Crank’ และ ‘The Meg’ ) ที่นั่น เขาได้รับมอบหมายให้ร่วมงานกับ บูลเล็ต (Holt McCallany จากหนังเรื่อง ‘Greenland’, ‘Sully’ และ ‘The Losers’) ชายผู้เชี่ยวชาญงานขนเงิน และ เดฟ (Josh Hartnett จากหนังเรื่อง ‘Sin City’ และ ’30 Days of Night’) หนุ่มผู้ลุกลี้ลุกลนเมื่อเหตุคับขันของจริง
แต่งานขนส่งเงินจำนวนมากพวกนี้ ก็เสี่ยงต่อการถูกปล้นจากแก๊งต่างๆ มากมายขึ้นตามตัว ก่อนที่เอชจะเข้าไปนั้น ก็เกิดเหตุปล้นรถขนเงินขึ้นเช่นกัน แต่ดูเหมือนงานคุ้มกันเงินเหล่านี้จะเป็นงานหมูๆ ของเอช ซึ่งสร้างความประหลาดใจให้กับคนในฟอร์ติโก้เป็นอย่างมาก เพราะคะแนนที่เขาเข้าทดสอบ มันแค่ผ่านเพียงเฉียดฉิวเท่านั้นเอง
เหตุเบื้องหลังถูกเปิดเผยขึ้นมาว่า เอช ผู้นี้เคยถูกโจรปล้นรถเงินกลุ่มหนึ่งก่อเหตุร้ายแถมฆ่าลูกชายของเขาตาย นั่นแหละคือต้นสายปลายเหตุของการแทรกซึมในกิจการขนเงินรายนี้
เพื่อสืบค้นและฆ่าล้างแค้นให้กับลูกชายที่เขาสูญเสียไปนั่นเอง
รีวิวหนัง ‘Wrath of Man’
เราอาจนึกภาพของหนังแอคชันที่ เจสัน สเตทแธม แสดงนำได้จนติดตา เรื่องราวส่วนใหญ่อาจเดินไปเส้นตรงเส้นเดียวและตรงไปตรงมา แต่กับหนังเรื่องนี้ กาย ริทชี่ เลือกจะเล่าให้มีชั้นเชิงขึ้นมา เริ่มแรก เราอาจจะพบเจอกับเหตุการณ์หนึ่งที่ชวนสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับภารกิจหนหนึ่งของรถขนเงินที่ถูกดักปล้นไป เหตุที่เกิดถูกบังคับด้วยมุมกล้องมุมเดียว และได้ยินเพียงเสียงของเหตุการณ์
จากนั้น เขาหันไปเริ่มเล่าเรื่องของ ชายผู้เข้ามาร่วมเป็นสมาชิกคนใหม่ของกิจการขนเงิน ฟอร์ติโก้ ซีเคียวริตี้
ชายอังกฤษผู้ที่เป็นเด็กใหม่ในองค์กรนี้ ได้รับชื่อแนวฉายาที่ถูกเรียกกันภายในว่า ‘เอช’ เขาสอบผ่านด้วยคะแนนเฉียดฉิว แต่แค่การปฏิบัติงานหนแรกก็กินขาด นี่มันไม่ใช่มือธรรมดาแต่เป็นมือระดับพระกาฬ ทั้งเพื่อนร่วมงานและคนดูคงงุนงงสงสัยกันใหญ่ หมอนี่เป็นใครกันแน่ ก่อนหนังจะเริ่มเฉลย
ทุกอย่างไม่ได้ดูเข้าใจยากจนเกินไปนัก อะไรที่สงสัย กาย ริทชี่ก็จะค่อยๆ ใส่เข้ามาให้กระจ่างเมื่อถึงเวลา
เอช ชายผู้สูญเสียลูกชายไป เหมือนคนที่เสียสิ่งที่เขารักที่สุดสิ่งเดียวที่เขามีในชีวิตไป เขาก็พร้อมจะแลกทุกสิ่งเพื่อค้นหาและเอาคืนอย่างหมดหน้าตัก แม้แต่การหลบซ่อนตัวตนที่แท้จริง แทรกซึมเข้าไปเป็นคนใน และคอยจังหวะเวลาที่พอเหมาะพอเจาะจัดการขั้นเด็ดขาด แม้จะต้องแลกมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิตก็ตาม
สำหรับคนชอบฉากบู๊ หนังก็มีอยู่มากพอประมาณในองก์สุดท้าย
อาจจะไม่ได้ถึงกับมีชั้นเชิงสูงมากในการเล่าเรื่อง แต่ก็ถือว่า ทำได้ดีตรงที่ไม่ชวนให้ตรงกลางเรื่องดูหย่อนเกินไป อย่างน้อยก็ทำให้เรื่องราวดูมีอะไรให้น่าติดตาม
แต่จุดที่นายแพทชื่นชมและชื่นชอบ ก็เห็นจะเป็นดนตรีประกอบที่ส่งเสริมให้หนังดูน่าตื่นเต้นได้เป็นอย่างดี อีกส่วนหนึ่งก็เป็นการถ่ายทำฉากแอคชันที่ทำได้สนุกตื่นตาพอสมควร กับวิธีการเล่าของหนังอีกประมาณนึง
ถือเป็นหนังแอคชันอาชญากรรมที่พอสนุกได้เรื่องนึงเลยครับ
ภาพยนตร์เรื่อง: Wrath of Man / คนคลั่งแค้น ปล้นผ่านรก
ผู้กำกับ: Guy Ritchie
ผู้เขียนบท: Éric Besnard, Guy Ritchie
นักแสดง: Jason Statham, Holt McCallany, Josh Hartnett
ความยาว: 119 นาที
แนว/ประเภท: Action, Crime, Thriller
เรท: R
อัตราส่วน: 2.39 : 1
ประเทศ: สหรัฐอเมริกา
ช่องทางการรับชม: Prime Video
วันเข้าฉายในไทย: 29 กรกฎาคม 2021
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Metro-Goldwyn-Mayer (MGM), Miramax, CAA Media Finance
คนคลั่งแค้น ปล้นผ่านรก
พล็อตและบท - 7
การดำเนินเรื่อง - 7
การแสดง - 6.1
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.2
งานถ่ายภาพและเทคนิคด้านภาพ - 7.5
7
Wrath of Man
เอช ชายผู้สูญเสียลูกชายไป เหมือนคนที่เสียสิ่งที่เขารักที่สุดสิ่งเดียวที่เขามีในชีวิตไป เขาก็พร้อมจะแลกทุกสิ่งเพื่อค้นหาและเอาคืนอย่างหมดหน้าตัก อาจจะไม่ได้ถึงกับมีชั้นเชิงสูงมากในการเล่าเรื่อง แต่ก็ถือว่า ทำได้ดีตรงที่ไม่ชวนให้ตรงกลางเรื่องดูหย่อนเกินไป อย่างน้อยก็ทำให้เรื่องราวดูมีอะไรให้น่าติดตามสำหรับคนชอบฉากบู๊ หนังก็มีอยู่มากพอประมาณในองก์สุดท้าย