ถ้าจะมีหนังซูเปอร์ฮีโร่หญิงสักเรื่องที่ทำให้รอชมกันได้ขนาดนี้ก็คงต้องบอกตามตรงว่า ยังไม่มีเรื่องไหนที่จะทำได้เท่ากับที่ ‘Wonder Woman’ ทำเอาไว้ แต่ละตัวอย่างที่ส่งออกมาให้เราได้ชม สร้างการรับรู้และความรู้สึกคาดหวังว่าจะได้ชมโดยไว้แสนมากหลาย เมื่อวันนั้นมาถึง ก็มิควรจะรอช้ามิใช่หรือ
นี่คือภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่หญิงที่กำกับฯ โดยผู้หญิง เรื่องแรกของฮอลลีวูด มันจึงเป็นหนังเรื่องที่พิเศษมากๆ โดยเฉพาะเมื่อมันเป็นการฉายเดี่ยวในฐานะนางเอกของ Gal Gadot และมันเป็นผลงานของผู้กำกับฯ หญิงอย่าง Patty Jenkins (‘Monster’ ปี 2003) โดยมี Zack Snyder มาเขียนโครงเรื่องให้อีกต่างหาก
ส่วนผสมมันออกมาดีมากถึงมากๆ เลยทีเดียว
เรื่องย่อหนัง ‘Wonder Woman’
เรื่องราวต้นกำเนิดของซูเปอร์ฮีโร่หญิงที่แข็งแกร่งที่สุด เธอเกิดมาในดินแดนที่ถูกซ่อนเร้น และเธอคือเจ้าหญิงแห่งอะเมซอน ไดอาน่า (Gal Gadot) เกิดมาพร้อมกับความรู้สึกอยากจะต่อสู้และใช้พละกำลังที่มีเพื่อหยุดยั้งสงครามที่เธอได้รับการบอกเล่ามาตลอด
โดยไม่รู้เลยว่ามีพลังที่ซุกซ่อนในตัวเธอเสมอมา
จนวันที่เธอได้พบกับชายหนุ่มที่เครื่องบินของสตีฟ เทรเวอร์ (Chris Pine) ตกต่อหน้าต่อตาของเธอ ด้วยความที่ไดอาน่าอาศัยอยู่บนเกาะที่ไม่มีใครรู้ตำแหน่ง ที่นั่นมีเพียงเพศหญิงเท่านั้น ทำให้คนๆ นี้เป็นผู้ชายคนแรกในชีวิตที่เธอได้พบพาน
ก่อนเธอจะได้รับรู้ว่า โลกภายนอกมีแต่สงครามที่กระจายไปทั่ว เธอจึงเดินทางออกจากเกาะไปกับสตีฟ หวังเพื่อหยุดยั้งสงคราม โดยที่ยังไม่ทันจะรู้เลยว่า ความจริงที่มารดาของเธอยังมิได้เปิดเผยมันคือสิ่งใด
คงถึงเวลาที่เธอจะได้รับรู้พลังที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในกันเสียที
รีวิวหนัง ‘Wonder Woman’
หลังจากรับบทรองๆ ไม่ก็สมทบมาหลายเรื่อง คงได้เวลาเฉิดฉายอย่างเต็มดวงสักทีสำหรับเธอคนนี้ Gal Gadot นักแสดงสาวชาวอิสราเอลเธอกลายเป็นซูเปอร์ฮีโร่หญิงในโลกสมัยใหม่ ที่ไม่ต้องการส่วนโค้งเว้า แต่ต้องเซ็กซี่สไตล์ทะมัดทะแมง แถมหน้าตาดีจนสะกดทุกสายตา เหมาะเหม็งมากมายจริงๆ กับบทเจ้าหญิงไดอาน่าแห่งอะเมซอน
ทุกช่วงที่มี Gal Gadot คือบิวตี้ช็อต สวยสะกดแบบไม่มียั้ง
เป็นการเลือกที่ถูกต้องและใช่อย่างมากแล้ว กับการที่สตูดิโอเลือก Gal Gadot มารับบท ‘วันเดอร์ วูแมน’ หลังสองชั่วโมง 21 นาทีผ่านไป ไม่อาจพบได้เลยว่าตรงไหนที่ไม่เหมาะกับบทๆ นี้ ด้วยท่วงท่าที่ทะมัดทะแมง แขนขายาวเรียว ทำให้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ดูธรรมดา แต่เป็นผู้หญิงที่มีร่างกายเหมาะสมจะเป็นซูเปอร์ฮีโร่
ดูน่าเชื่อว่าสามารถปกป้องผู้ชายหล่อๆ คนหนึ่งได้
ขณะเดียวกัน ก็ต้องมีความสวยถึงขั้นสะกดทุกสายตาทุกเพศทุกวัยในคราวเดียว ผมพบว่าทุกช็อตที่มีเธออยู่บนจอยักษ์ สัมผัสได้ถึงความสวยขั้นนั้นทุกช่วงเวลา จนน่าฉงนว่าผู้กำกับฯ ช่างไฟ ช่างแต่งหน้า และคนตัดต่อทำได้ยังไงให้เธอดูสวยได้ทั้งเรื่องขนาดนั้น นับถือจริงๆ
และ Chris Pine คือผู้ชายคนนั้น เขาเล่นเป็นสตีฟ หนุ่มสปายสุดหล่อผู้ต้องไปสืบเรื่องราวอาวุธร้ายแรงในฝั่งเยอรมัน และไดอาน่าที่ร่วมทางไปด้วยต้องปกป้องเขาด้วยความเชื่อว่าจะได้หยุดยั้งสงครามที่ไม่มีวันจบสิ้นนั้น อุดมการณ์ดูจะเหมือนกันแต่แตกต่างในรายละเอียดอย่างค่อนข้างชัดเจน
อีกจุดหนึ่งที่ Gal ทำได้ดีคงเป็นช่วงดราม่าที่ปรากฏแทรกอยู่ราวสามจุด แม้มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็ดึงอารมณ์ให้คนดูคล้อยตามได้อย่างชะงัด
เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่พร้อมจะทำให้คนดูต้องน้ำตารื้นๆ ได้อยู่หมัดเลยเชียว
ดีไซน์ท่วงท่าเป็นเอกลักษณ์ ฉากแอ็คชั่น ซีจีดีงาม
ในหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องนี้ แม้จะมีฉากสู้รบกันด้วยอาวุธปืน แต่ไม่มีทางเลยที่ดูเท่ไปกว่าฉากสู้รบด้วยอาวุธโบราณ ไม่ว่าจะเป็น ธนู ดาบ หรือแม้แต่เชือกที่เรืองแสงได้ ด้วยการออกแบบท่วงท่าของการรบพุ่งที่ต้องใช้การกระโดดในระดับสูงไปพร้อมๆ กับการจับอาวุธ
โดยเฉพาะตัววันเดอร์ วูแมนเองนี่ทำให้ Gal ต้องไปฝึกทักษะการต่อสู้หลากหลายแบบมาเพื่อเป็นพื้นฐานในการแสดง ซึ่งหลายท่าก็ดูเป็นเอกลักษณ์ของเธอไปเลย ผสานไปกับการตัดต่อในสไตล์สโลว์โมชั่นทำให้ฉากบู๊แอ็คชั่นทั้งหลายล้วนออกมาเท่เกินพิกัด
จะพบสโลว์โมชั่นถูกใช้บ่อยครั้งมากแต่ก็ไม่ได้ทำให้เฝือแต่อย่างใด
ในส่วนของเอฟเฟ็กต์ด้านภาพนั้น อาจไม่ถึงเข้าขั้นเนียนตาสุดๆ แต่ก็ถือว่าสอดรับกับฉากนั้นๆ ได้ค่อนข้างลงตัว เรนเดอร์ออกมาได้สวย แถมยังดำเนินเรื่องได้เข้าทีจนไม่มีเวลาจะสนใจความไม่เนียนของซีจีนั้นอีกเลย
ปฐมบทที่เรื่องราวไม่ใหม่ แต่หยิบใช้ได้ลงตัว
นี่คือภาคแรกที่เล่าเรื่องต้นกำเนิดของซูเปอร์ฮีโร่หญิงตัวนี้ ได้เห็นถึงจุดเริ่มเต้น การเติบโตทางความคิด ดูมีเหตุมีผล ค่อยเป็นค่อยไป ได้เห็นพัฒนาการของเรื่องราวและตัวละคร ซึ่งมันกลมกล่อมมากพอจะได้ทำให้หลายคนตั้งประเด็นกว่า DC สามารถจะกู้หน้าตัวเองได้ด้วยภาพยนตร์เรื่องนี้
ถ้าดูในประเด็นของหนัง อาจจะไม่ได้มีอะไรที่แปลกใหม่ไม่เคยพบเจอ มันคือเรื่องราวของสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกันเอง ความโหดร้าย แก่งแย่ง เห็นแก่ตัว มันคือด้านมืดของมนุษย์ ที่ถูกนำมาเล่าเกี่ยวโยงกับประเด็นของเทพเจ้า
อีกทั้งยังมีบทสนทนาที่ชักชวนให้โต้ตอบกันด้วยเหตุผลและแนวความคิดสองขั้วที่แตกต่าง
นอกจากนี้ ยังเลือกจะเล่าเรื่องด้วยอารมณ์หญิงอยู่หน่อยๆ แต่ไม่ได้เวิ่นเว้ออะไรจนเกินไปนัก เราจะได้เห็นความเด๋อของสาวน้อยมหัศจรรย์ผู้ไม่เคยพบเจอผู้ชาย ไม่เคยเห็นโลกภายนอกเกาะสวรรค์นั้นมาก่อน และไม่เคยรับรู้ว่าโลกภายนอกนั้นยากจะเข้าใจแค่ไหน พล็อตอาจจะดูมีจุดโหว่บ้างแต่เมื่อรวมกับการดำเนินเรื่องและทุกสิ่ง มันก็พร้อมจะถูกกลบไปได้แทบจะในทันที
ผู้ชมจะได้ทั้งอารมณ์ขำขันที่แทรกใส่เข้ามาเป็นระยะ เคมีที่เข้ากันได้พอดีระหว่างพระนาง ฉากบู๊แอ็คชั่นที่ดุเดือดผสมซีจี ความสวยสะกดทุกฉากของ Gal Gadot ที่ไม่อาจละสายตา เป็นหนังที่ต้องดูเพื่อเตรียมตัวไปพบกับ Justice League ที่กำลังจะมา
หนังไม่มีฉากแถม จึงไม่ต้องนั่งรอเหมือนหนังอีกฟากฝั่งแต่อย่างใด
บทความที่เกี่ยวข้อง
ชื่อภาพยนตร์: Wonder Woman / วันเดอร์ วูแมน
ผู้กำกับภาพยนตร์: Patty Jenkins
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Allan Heinberg (screenplay), Zack Snyder (story)
นักแสดงนำ: Gal Gadot, Chris Pine, Robin Wright, Lucy Davis, Ewen Bremner, David Thewlis, Connie Nielsen, Robin Wright, Danny Huston,
ความยาว: 141 นาที
แนว/ประเภท: Action, Adventure, Fantasy
อัตราส่วนภาพ: 2.35 : 1
เรท: ไทย/, MPAA/PG-13
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 1 มิถุนายน 2560
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: Atlas Entertainment, Cruel & Unusual Films, DC Entertainment
วันเดอร์ วูแมน
Wonder Woman - 9
9
Wonder Woman
Wonder Woman เล่าเรื่องด้วยอารมณ์หญิงอยู่หน่อยๆ แต่ไม่ได้เวิ่นเว้ออะไรจนเกินไปนัก พล็อตอาจจะดูมีจุดโหว่บ้างแต่เมื่อรวมกับการดำเนินเรื่องและทุกสิ่ง มันก็พร้อมจะถูกกลบไปได้แทบจะในทันที Gal Gadot เป็นดาราสาวที่เหมาะกับบทนี้ได้อย่างลงตัว แถมยังสวยเป๊ะทุกช็อตจนเอาใจคนดูไปเลย
เสาร์นี้ว่าจะไป ดูหนัง เรื่องนี้สักหน่อย น่าจะมันดีนะ