รีวิวหนัง Woman of the Hour รู้ไหมใครโหด | เล่นเกมโชว์เดตกับฆาตกร

โชคชะตาชักพาให้นักแสดงคนหนึ่งที่เป็นโปรดิวเซอร์อยู่ดีๆ และได้เล่นในหนังเรื่องนั้นด้วย รู้สึกผูกพันกับบทจนขยับลงมากำกับด้วยตนเอง แถมมันยังเป็นผลงานการกำกับครั้งแรกของตัวเธออีกด้วย งานเดบิวต์ที่ไม่ใช่งานเบา เรื่องราวที่นำมาจากเรื่องจริง แถมยังจริงจังเพราะมันเล่าเรื่องของสาวโสดที่กำลังเจอกับหนุ่มมาดดีที่เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ‘Woman of the Hour’ หรือชื่อไทย ‘รู้ไหมใครโหด’ ครับ ใครตั้งชื่อให้เนี่ย?

คิดเห็นยังไงกับหนังเรื่องนี้?

ไม่คาดคิดว่า นางเอกหน้าหวาน ที่มักจะได้เล่นบทรอมคอม เธอจะทำหนังเรื่องแรกในชีวิตเป็นหนังจริงจัง แถมยังเป็นหนังย้อนยุค อีกทั้งยังเล่นเอง กับหนังที่เล่าเรื่องฆาตกรต่อเนื่องที่มาเยือนเกมโชว์หาคู่เดต หนังมีหลายแมสเสจน่าสนใจ ทั้งเรื่องการมองเห็นผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศในสังคมชายเป็นใหญ่อย่างอเมริกาในอดีต ทั้งมุ่งเน้นส่งเสริมพลังหญิง เนื้อในสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ไม่ปลอดภัยและถูกคุกคามจากสายตาของเหยื่อ

หนังเล่าเรื่องหลายเหตุการณ์สลับไปมา สลับแม้กระทั่งเวลา ซึ่งลำดับการเล่ามันทำให้เรื่องออกมาน่าสนใจ น่าติดตาม

เรื่องย่อหนัง ‘Woman of the Hour’

มันเป็นเรื่องราวที่มีพื้นฐานจากเรื่องจริงในยุค 70’s ของสหรัฐอเมริกา ของเชอริล แบรดชอว์ (แอนนา เคนดริก จากหนังเรื่อง ‘A Simple Favor’ และ ‘Alice, Darling’) กับ ร็อดนีย์ อัลคาลา (แดเนียล โซวัตโต จากหนังเรื่อง ‘It Follows’ )

เชอริล เป็นหญิงสาวหน้าที่สะสวยที่มุ่งหมายจะเติบโตในอาชีพการแสดง เธอกำลังมุ่งมั่นอยู่กับการออดิชันเล่นละครเวทีอยู่ แต่ก็ดูเหมือนจะสมหวังยาก แต่แล้วเอเจนต์ของเธอก็ติดต่อมาว่า อยากให้เธอไปเป็นสาวโสดในรายการจับคู่สุดฮิตในยุคนั้น ในที่สุด เธอก็จำยอมไปร่วมรายการที่มีเอ็ด (โทนี เฮล จากแอนิเมชันเรื่อง ‘Inside Out 2’) เป็นพิธีกร โดยมีชายหนุ่ม 3 คนที่หวังจะเดตกับเธอ (แม้จะยังไม่ได้เห็นหน้ากันก็ตาม) และหนึ่งในนั้น คือ ร็อดนีย์ ที่ไม่มีใครรู้ว่าแท้จริงเขาคือฆาตกรต่อเนื่อง

รีวิวหนัง ‘รู้ไหมใครโหด’

จะว่าไป งานชิ้นแรกที่ แอนนา เคนดริก เลือกกำกับ ค่อนข้างจะฉีกแนวไปจากผลงานการแสดงของตนเองที่มักจะออกแนวคอมเมดี้ แต่เรื่องนี้กลับไปทางดราม่าลึกลับที่หยิบมาจากเรื่องจริงของหญิงสาวคนหนึ่งที่ได้เผชิญหน้ากับชายหนุ่มผู้เป็นฆาตกรต่อเนื่องผ่านรายการเกมโชว์นัดเดต

หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องในยุค 70’s ที่เทคโนโลยีทุกอย่างยังไม่เจริญเท่าทุกวันนี้ ทั้งด้วยพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลของอเมริกา ฆาตกรต่อเนื่องจึงยังสามารถจะลอยนวลได้ง่ายๆ แต่การที่เขามาออกรายการเกมโชว์อย่างนี้ก็ถึอว่าอุกอาจพอตัวเลยแหละ เบื้องหน้าของเขาเป็นช่างภาพฝึมือดี แต่ยิ่งกว่านั้น คือ คำพูดคำจาของเขาดูเป็นผู้ชายที่มีสมอง ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่หญิงสาวอย่างเชอริลกำลังมองหา

จากบทสนทนาที่ใส่ไว้ หนังแสดงให้เราได้เห็นถึงภาพของสังคมชายเป็นใหญ่ในช่วงเวลานั้น หญิงสาวในฐานะสาวโสดที่เข้าร่วมในรายการเกมโชว์ถูกมองเป็นแค่วัตถุทางเพศชิ้นหนึ่ง ตั้งแต่เข้าโรงถ่ายมา เธอก็ถูกบรีฟให้เพียงถามคำถามตามสคริปต์กับยิ้มเข้าไว้ ทั้งๆ ที่เหล่าผู้ชายสามารถแสดงออกได้เต็มที่แม้พวกเขาจะดูไม่มีสมองเท่าไหร่ก็ตาม และเชอริลผู้เป็นนางเอกของเรื่องก็ต้องเลือกว่าจะเล่นไปตามบทหรือจะเป็นตัวของตัวเอง

และในเงื่อนไขที่ว่า ผู้ชมจะรู้ตัวฆาตกรต่อเนื่องแต่เชอริลไม่รู้ อีกทั้งด้วยภาพลักษณ์ที่ดี ลีลาการตอบคำถามที่ดูเป็นคนฉลาด ผู้ชมคงต้องนั่งลุ้นและหวังว่า เชอริลจะไม่เลือกเขา

แต่ในระหว่างที่เล่าถึงเบื้องหน้าและเบื้องหลังของรายการเกมโชว์หาคู่เดตชื่อดัง หนังก็จะสลับไปเล่าอีกสองสามเหตุการณ์ในช่วงเวลาอื่น แต่ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับฆาตกรต่อเนื่องที่ชื่อ ร็อดนีย์ ด้วยวิธีการนี้ ผู้ชมอย่างเราก็จะได้ทั้งติดตามความเป็นไปและลุ้นไปกับชะตากรรมของหญิงสาวแต่ละคน

หนังหยิบเอาความเจ็บปวดของเหล่าผู้หญิงที่ไม่เพียงกลายเป็นวัตถุทางเพศในสังคมชายเป็นใหญ่ หากยังต้องมาเผชิญหน้ากับฆาตกรต่อเนื่องที่เบื้องหน้าดูดีและเป็นมิตร แต่พวกเธอไม่เคยสำเหนียกเลยว่า กำลังพาตัวเองไปสู่ความตาย ในหนัง ผู้ชมจะได้สังเกตเห็นความหวาดกลัวจากสีหน้าและแววตาของคนที่ตกเป็นเหยื่อ โดยแทบไม่ต้องใช้บทพูดใดมาบ่งบอกความรู้สึก

หนังเรื่องนี้พาให้นายแพทไปพบกับนักแสดงสาววัยรุ่นอีกคนที่แสนสวยโดนใจ เธอคือ Autumn Best ที่เล่นเป็นเอมี่ หนึ่งในเหยื่อของร็อดนีย์ เธอเคยเล่นเพียง ‘4400’ ซีรีส์ที่เป็นงานเดบิวต์ ก่อนจะมาเล่นหนังเรื่องนี้ ด้วยหน้าตาอันคมคาย รอยยิ้มและดวงตาที่สะกดหัวใจ มีมือที่พิการผิดรูป แต่เธอเล่นไว้ได้อย่างโดดเด่นเอามากๆ

ความจริงแล้ว หนังก็ไม่ได้ตั้งใจจะเล่าแต่เฉพาะฉากเกมโชว์หรอก เพราะบางส่วนของหนังก็พาผู้ชมออกไปข้างนอกโรงถ่าย เล่าเรื่องสไตล์หนังสารคดี โดยสลับเวลาเล่าไปมา พาคนดูติดตามไปจนถึงบทลงเอย โดยรวมแล้ว หนังจึงทั้งวิพากย์เรื่องชายแท้และปูเรื่องพลังหญิงไว้ในเรื่องเดียวกัน และกลายเป็นว่า ผลงานเดบิวต์กำกับครั้งแรกของแอนนาที่ไม่เลวเลย

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง