ไม่น่าเชื่อ ว่าหนังแอนตี้ฮีโร่จากมาร์เวลที่เสียงวิจารณ์ไม่ดีเรื่องนี้ จะสร้างปรากฏการณ์ด้านรายได้ จนสามารถก้าวมาเป็นหนังไตรภาคได้ในที่สุด และนี่ก็คือ ‘Venom The Last Dance’ หรือชื่อไทย ‘เวน่อม มหาศึกอสูรอหังการ’ ภาคสุดท้ายของไตรภาค ที่จะพาเราไปพบกับบทลงเอยของเอ็ดดี้ บร็อคและวายร้ายเวน่อมครับ
คิดเห็นเช่นไรกับหนังเรื่องนี้?
เดินทางมาถึงภาคสุดท้ายของไตรภาคจนได้สำหรับหนังวายร้ายมาร์เวลเรื่องนี้ เมื่อรัฐบาลสหรัฐส่งทหารมาตามล่า มหาวายร้ายผู้ให้กำเนิดซิมไบโอตทุกตัวก็ส่งสมุนมาตามไล่ล่า ขณะที่ความสัมพันธ์ของ เวน่อม กับ เอ็ดดี้ ก็ก้าวไปถึงระดับโบรแมนซ์ หนังเล่าสายเส้นเรื่องจนอาจไม่กลมกล่อมเท่าไหร่ในช่วงแรก แต่ก็น่าสนใจตรงที่มันใส่ความเป็นหนังโร้ดมูฟี่เข้ามาเสริม ก่อนจะเข้าสู่โหมดบู๊แอ็คชันเต็มตัวในครึ่งหลัง เนื้อเรื่องยังต้องถอดสมองดูอยู่เช่นเคย
ทอม ฮาร์ดี้ ยังคงทุ่มสุดตัวสวมบทบาทเป็น 2 คาแรกเตอร์ ล้อเลียนหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้เรียกเสียงหัวเราะ พร้อมซีนอบอุ่นมีน้ำตาสำหรับคนรักเวน่อมทั้งหลายแหล่ด้วย
เรื่องย่อหนัง ‘Venom: The Last Dance’
เวน่อมกลับมาอีกครั้งในภาคที่สามที่เป็นภาคสุดท้าย หลังสองภาคที่ผ่านมา เวน่อม อสุรกายต่างดาว ได้เข้ามาอยู่ร่วมกับมนุษย์นักข่าวอย่าง เอ็ดดี้ บร็อค (ทอม ฮาร์ดี้ จากหนังเรื่อง ‘Dunkirk’) ได้อย่างเกือบจะสันติ ทั้งผ่านการต่อสู้ร่วมกันมามากมาย
มาในภาคนี้ ทั้งเอ็ดดี้และเวน่อมต้องไปหลบลี้ภัยอยู่ในเม็กซิโก เหมือนจะสงบแต่สุดท้ายก็ต้องมารับมือจากการไล่ล่าของเหล่าทหารและรัฐบาลสหรัฐ ไม่เท่านั้น ทั้งสองยังเจอกับบรรดาปรสิตซิมไบโอตต่างดาวที่ถูกมหาวายร้ายที่ถูกคุมขังอยู่สั่งให้ทะลุมิติข้ามมาอาละวาดไล่ล่ายังบนโลก ทั้งเอ็ดดี้และเวน่อมจึงต้องเผชิญกับการสู้รบครั้งใหญ่ที่มาพร้อมกับการตัดสินใจครั้งสำคัญ ที่สามารถจะชี้ชะตาความเป็นไปของทั้งคู่
รีวิวหนัง ‘เวน่อม มหาศึกอสูรอหังการ’
ผ่านกันมาแล้วสองภาคด้วยกัน ในภาคแรก ‘Venom’ เราต่างได้รู้จักกับ เอ็ดดี้ บร็อค นักข่าวที่มีชีวิตล้มเหลว ถูกคู่หมั้นบอกเลิก แถมถูกต้นสังกัดเฉดหัวหลังสาวไส้องค์กรใหญ่ที่จับคนไปทำการทดลองกับปรสิต จนทำให้เขาถูกปรสิตต่างดาวเข้ารวมร่างซะเอง สองสปีชีส์ต่างโลกจึงได้ร่วมกันไล่ล่ากึ่งพิทักษ์โลก หนังภาคแรกก็ไล่ล่ารายได้เช่นกัน ซึ่งมันก็บ่งบอกได้ว่า มหาชนชื่นชอบเวน่อมมากเพียงใด
เมื่อผ่านมาถึงภาคสอง ‘Venom: Let There Be Carnage’ เอ็ดดี้ที่ไม่ถูกคอกับเวน่อมหนักข้อขึ้น ก็มีอันได้เจอและทำข่าวของฆาตกรต่อเนื่อง และได้ก่อเกิดอสุรกายตัวสีแดงนาม “คาร์เนจ” ขึ้นมา แต่การร่วมกันต่อสู้กับปรสิตสายพันธุ์อสุรกายกลับทำให้ความสัมพันธ์ของเอ็ดดี้กับเวน่อมกลับมาแน่นแฟ้นกว่าเดิม
มาถึงภาคนี้ สองสปีชีส์ต่างโลกที่รวมร่างและต่อสู้ร่วมกันจนใกล้ชิดระดับโบรแมนซ์ พวกเขาต้องไปเอาตัวรอดอยู่ในต่างถิ่นอย่างเม็กซิโก แต่ก็ไม่วายถูกติดตามจนเจอ ทำให้ถูกตามไล่ล่าจากรัฐบาลสหรัฐ แต่นั่นก็ไม่ใช่ภัยร้ายเดียว เมื่อมหาวายร้ายผู้ให้กำเนิดเวน่อมก็ส่งอสูรกายสังหารมาคุกคามเพราะมุ่งหมายบางอย่างในตัวพวกเขาด้วยเช่นกัน
สิ่งที่ยังเป็นและยังทำอยู่ต่อเนื่องสำหรับซีรีส์หนังแอนตี้ฮีโร่เรื่องนี้ ก็คือ บทที่ค่อนข้างกาวและไม่ต้องใช้สมงสมองเข้าไปจับระหว่างดู อีกสิ่งก็คือ ความเป็นเพื่อนซี้จนแทบจะเป็นคู่ชีวิตกันไปแล้วของเอ็ดดี้และเวน่อม ทั้งสองตัวละครที่ต้องพูดคุยกันเองไปมาทั้งเรื่อง หลายมุกก็ชวนฮา และบางมุกก็ไม่เก็ท
อาจมองว่า นี่มันเป็นหนังรอมคอมที่ถูกฉาบหน้าด้วยภาพลักษณ์แฟนตาซีแอนตี้ฮีโร่ก็ได้ สองสปีชีส์ที่อ่อนโยนต่อกันมากขึ้นทุกที แต่ฉากสิ้นสุดของพวกเขาก็กำลังใกล้เข้ามา บทสร้างซูเปอร์วายร้าย “นัล” ที่ถูกจองจำแต่ยังมีฤทธิ์เพราะยังคงควบคุมสมุนอสุรกายได้อยู่ หลังค้นพบบางสิ่งที่ทำหายไปในตัวเอ็ดดี้+เวน่อม แถมอสุรกายตัวใหญ่ที่ถูกเรียกว่า “ซีโนเฟจ” จะมองเห็นสิ่งนี้ก็ต่อเมื่อกลางร่างเท่านั้น พวกเขาจึงกลายร่างบ้าง ไม่กลายร่างบ้าง สลับกันไปมา นอกจากนี้ ยังมีความเป็นหนังโร้ดมูฟวี่ที่แทรกตัวอยู่ภายใน ด้วยการวางให้มีครอบครัวขับรถตู้ไปทั่วเอเรีย 21 จนเจอเข้ากับอสุรกายต่างดาวเข้า
ทอม ฮาร์ดี้ หยิบเอาสิ่งที่ตัวเองทำได้ดีมาใช้กับหนังเรื่องนี้ให้สมกับที่ปลุกปั้นกันมาตั้งแต่ภาคแรก บทของภาคนี้จะเล่นล้อหนังเรื่องโน้นเรื่องนี้ไปเรื่อยเปื่อย พาคนดูหัวเราะร่วนได้อีกตามเคย แต่ก็นั่นแหละ ความที่ตัวละครพูดมาก บวกกับความเป็นภาคปิด เลยใส่ตัวละครมาให้ยั้วเยี้ยไปหมด ทำให้ครึ่งแรกของหนังค่อนข้างสะเปะสะปะจนพาง่วงไปพอควร พอมาครึ่งหลังที่เน้นฉากแอ็คชั่นมากขึ้นนั่นแหละถึงได้ตื่นตาตื่นเต้นขึ้นมาหน่อย
Taglines: ‘Til death do they part.
ในภาคนี้ ผู้ชมจะได้พบกับซิมบิโอตที่รวมร่างกับมนุษย์แล้วได้แคแรกเตอร์ตัวสีอื่นๆ ซึ่งถ้าเป็นแฟนที่อ่านคอมิกมาก่อนจะรู้จักและคาดหวัง แต่หนังก็ไม่ได้มุ่งเน้นจะทำให้เรารู้จักอะไรขนาดนั้น แต่กับบท นายแพทยังข้องใจในความชาญฉลาดของตัวร้าย แต่ก็นั่นแหละ ดูหนังเรื่องนี้ มันต้องถอดสมองนี่นา ยังไงก็ตาม หลายต่อหลายฉากในหนัง เมื่อดูผ่านจอยักษ์และภาพที่ขยายไปจนสุดขอบบน-ล่างของจอ มันทำให้ตื่นตาตื่นใจอย่างที่ไม่น่าจะได้จากระบบอื่น อันนี้ก็ความคิดเห็นส่วนตัวแหละนะ
เมื่อดูหนังจบแล้วพบว่ายังลุกไม่ได้ เพราะหนังใส่ฉากแถมไว้ทั้งกลางและท้ายสุดของเครดิตเลย ดูแล้วอาจจะสงสัยว่า เอ… คิดจะสร้างภาคต่องั้นรึเปล่า?
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Venom: The Last Dance / เวน่อม มหาศึกอสูรอหังการ |
กำกับ | Kelly Marcel |
เขียนบท | Kelly Marcel |
แสดงนำ | Tom Hardy, Juno Temple, Stephen Graham, Rhys Ifans, Chiwetel Ejiofor |
แนว/ประเภท | แอ็คชัน, ผจญภัย, ไซไฟ, ระทึกขวัญ |
เรท | PG-13 |
ความยาว | 109 นาที |
ปี | 2024 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 23 ตุลาคม 2024 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Columbia Pictures, Arad Productions, Hutch Parker Entertainment, Marvel Entertainment, Matt Tolmach Productions, Pascal Pictures, Sony Pictures Releasing International |
คะแนนรีวิวหนัง เวน่อม มหาศึกอสูรอหังการ
พล็อตและบท - 5.2
การแสดง - 7
การดำเนินเรื่อง - 6.5
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษ และโปรดักชั่น - 7
เพลงและดนตรีประกอบ - 6.5
6.4
Venom: The Last Dance
เดินทางมาถึงภาคสุดท้ายของไตรภาคจนได้สำหรับหนังวายร้ายมาร์เวลเรื่องนี้ เมื่อรัฐบาลสหรัฐส่งทหารมาตามล่า มหาวายร้ายผู้ให้กำเนิดซิมไบโอตทุกตัวก็ส่งสมุนมาตามไล่ล่า ขณะที่ความสัมพันธ์ของ เวน่อม กับ เอ็ดดี้ ก็ก้าวไปถึงระดับโบรแมนซ์ หนังเล่าสายเส้นเรื่องจนอาจไม่กลมกล่อมเท่าไหร่ในช่วงแรก แต่ก็น่าสนใจตรงที่มันใส่ความเป็นหนังโร้ดมูฟี่เข้ามาเสริม ก่อนจะเข้าสู่โหมดบู๊แอ็คชันเต็มตัวในครึ่งหลัง เนื้อเรื่องยังต้องถอดสมองดูอยู่เช่นเคย ทอม ฮาร์ดี้ ยังคงทุ่มสุดตัวสวมบทบาทเป็น 2 คาแรกเตอร์ ล้อเลียนหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้เรียกเสียงหัวเราะ พร้อมซีนอบอุ่นมีน้ำตาสำหรับคนรักเวน่อมทั้งหลายแหล่ด้วย