รีวิวหนัง Troll | โทรลล์ ผจญภัยสัตว์ประหลาดยักษ์จากนอร์เวย์

ผู้คนมากมายบนโลกนี้เคยได้ยินชื่อโทรลล์ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล่า ตำนานกล่าวขาน เคยเห็นในหนัง พวกเขาต่างเข้าใจว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ที่เคลื่อนไหวเชื่องช้า ไม่ค่อยฉลาด แต่ท่าทางใจดี บางคนก็อาจคุ้นจากการ์ตูนแอนิเมชันที่พวกมันตัวเล็กหลากสีขี้เต้น แต่ไม่ว่าจะจดจำกันมาแบบไหน วันนี้มีหนังเรื่องใหม่ที่เล่าเรื่อง ‘Troll’ และอยากจะหยิบมาเล่าและรีวิวให้อ่านกันครับ

มันเป็นหนังจากผลงานการกำกับของ Roar Uthaug/รอร์ อูธัก ชาวนอร์วีเจียนผู้ที่เคยมีผลงานสร้างชื่ออย่าง ‘Tomb Raider’ (2018), ‘The Wave’ (2015), ‘Cold Prey’ (2006) และ ‘Escape’ (2012) เขาเขียนเค้าโครงเรื่องแล้วส่งให้ Espen Aukan เขียนบท ก่อนจะถ่ายทอดสร้างเป็นหนังฟอร์มใหญ่(พอประมาณ)ที่ได้ลงในบริการของ Netflix

แล้วในวันนี้ ก็ถึงเวลาที่พวกเราจะได้รับชมมัน

เรื่องย่อหนัง ‘Troll’

มันคือเรื่องเล่า เทพนิยายหรืออาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้ ที่นูร่า ทีเดอร์มันน์ (Ine Marie Wilmann) เด็กสาวที่ได้เคยรับรู้จากทูบิอัส (Gard B. Eidsvold) ผู้เป็นพ่อที่เธอเรียกเขาว่า ตาเฒ่าฟอสซิล ศาสตราจารย์ด้านภาษาถิ่นและคติชาวบ้าน ก่อนที่เธอจะเติบโตมาเป็นศาสตราจารย์นักบรรพชีวินวิทยาที่หมกมุ่นอยู่กับการขุดหาซากไดโนเสาร์บนแผ่นดินนอร์เวย์

แต่เพราะการระเบิดภูเขาสร้างอุโมงค์เพื่อสร้างทางรถไฟด่วนลอดภูเขากลับปลุกสัตว์ประหลาดยักษ์ตนหนึ่งให้ตื่นขึ้น พวกทหารเริ่มประชุมหาทางรับมือ ร่วมกับนายกฯ หญิง แม้จะยังไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก่อนจะเรียกตัวผู้ที่น่าจะเชี่ยวชาญด้านนี้อย่างที่สุดอย่าง นูร่า มาร่วมหารือ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีใครเชื่อถือเธอสักเท่าไหร่ นอกจากที่ปรึกษานายกฯ อย่าง อันเดรียส อิสซัคเซน (Kim Falck) ที่ค่อนข้างคลั่งไคล้สตาร์ เทรค เช่นเดียวกันกับซิกริด (Karoline Viktoria Sletteng Garvang) หนึ่งในเจ้าหน้าที่ของที่นั่น

จากคลิปที่ได้และรอยเท้ายักษ์ที่พบทำให้เริ่มเข้าเค้ามากขึ้นแล้วว่า สิ่งที่เห็นนั้นน่าจะเกิดขึ้นจากสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ที่ออกมาจากภูเขา และมันก็เริ่มจะพ้องกับสิ่งที่พ่อเล่าได้อย่างเหมาะเจาะ โทรลล์ในตำนานเรื่องเล่ากำลังเดินย่ำอยู่บนแผ่นดินนอร์เวย์ นูร่าลงพื้นที่และได้พบกับผู้กองโฮล์ม (Mads Sjøgård Pettersen) จากหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ที่จะต้องช่วยกันกับเธอและอันเดรียส สืบค้นหาสาเหตุและแก้ไขสถานการณ์อันน่าพิศวงนี้ให้ลุล่วง

รีวิวหนัง ‘โทรลล์’

“เทพนิยายทุกเรื่องมีความจริงซ่อนอยู่ เราไม่เคยจนกว่าจะได้เห็น แต่ตรงกันข้ามเลย เราต้องเชื่อก่อนจึงจะมองเห็นได้” คำพูดของพ่อในตอนเริ่มต้นของหนัง บอกให้คนดูเปิดใจรับว่าสิ่งที่กำลังจะได้เห็นตรงหน้าเป็นเรื่องจริง ไม่ก็เป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้

เอาเป็นว่า หลังการระเบิดภูเขาลูกนั้นในโดฟเรอ ก็มีโทรลล์หลุดรอดและก้าวออกมาเดินเพ่นพ่านก่อนที่รอยเท้าจะหายไปในหุบเขา

เรื่องราวบางส่วนอาจดูไม่เม้กเซ้นส์เท่าไหร่นัก ที่สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์จะซ่อนตัวอยู่ในเขาลูกนั้นมาหลายสิบหรืออาจถึงร้อยปี รวมถึงจุดอ่อนของโทรลล์ที่จะพ่ายแพ้ต่อแสงโดยเฉพาะแสงอาทิตย์ แต่บางฉาก โทรลล์ก็นอนพรางตัวและออกอาละวาดในเวลากลางวันได้ แต่หนังก็แถว่านั่นไม่ใช่แสงจ้า โทรลล์ไม่ได้โดนแสงอาทิตย์โดยตรง แถมเมื่อดูรอยเท้า ก็ยังรู้สึกว่ามันใกล้กันเกินไป ตัวออกใหญ่แต่ยืนสองเท้าชิดกันอย่างไม่น่าเชื่อ อีกอย่าง ถ้าเกิดมีเจ้าตัวนี้จริงบนโลก ป่านนี้คงมีร่องรอยเท้าปรากฏอยู่เพียบแล้ว

หนังดูโดดเด่นดีตรงถ่ายทอดทัศนียภาพของนอร์เวย์ได้น่าตรึงตา กับอีกส่วนก็คือ พยายามผูกไอเดียของหนังสัตว์ประหลาดยักษ์กับประวัติศาสตร์บนแผ่นดินนอร์เวย์ ที่บางชนเผ่าถูกขับไล่จากพวกนับถือคริสต์ การนำนิทานพื้นบ้านมาสร้างเป็นพล็อตเรื่อง นับว่าไม่เลวเลย อย่างน้อยก็ทำให้ได้เรื่องราวที่แตกต่างไม่เหมือนใคร ขณะที่เทคนิค CG อะไรนั่นก็ทำได้มีคุณภาพดีพอ อย่างน้อยก็สำหรับการรับชมบนทีวี รวมทั้งหนังเรื่องนี้ยังมีแบบพากย์ไทยที่ทำให้คนดูสามารถติดตามได้โดยไม่ต้องอ่านซับไตเติล

ส่วนบทนั้นแม้จะไม่มีตัวละครน่ารำคาญ แต่ก็เดินเรื่องไปตามสูตรหนังมอนสเตอร์ฮอลลีวู้ดที่เคยเห็นมา แทรกฉากแอคชันสำหรับเดินเรื่องได้สนุกพอตัวอยู่ แม้จะดูจะน่าสงสัยในความสมเหตุผลอยู่บ้างก็ตามที และก็เช่นเคย ยิ่งผ่านช่วงท้าย เรื่องราวก็ค่อยๆ สนุกขึ้นเรื่อยๆ มันเหมือนหนังแอคชันสัตว์ยักษ์จากฮอลลีวู้ด แค่มันเล่าเรื่องในนอร์เวย์เท่านั้นเอง

อย่างไรก็ตาม เมื่อดูกันโดยรวม ถ้าไม่สนใจเรื่องยิบย่อยต่างๆ แล้ว ก็จัดว่าหนังเรื่องนี้มันดูสนุกได้อยู่นะ

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง