จากมังงะเรื่องโปรดของใครหลายคน ดัดแปลงกลายเป็นหนังคนแสดง ‘Tokyo Ghoul’ นี่คือผลงานแอคชั่นสยองขวัญที่สร้างจากการ์ตูนสุดฮิต เรียกได้ว่ามีฐานแฟนคลับอยู่มากมายทั่วเอเชีย แม้ว่าผมเองจะไม่เคยอ่านเวอร์ชั่นมังงะมาก่อน อาจจะเปรียบเทียบไม่ได้ว่ามันแตกต่างกันยังไง แต่พอบอกได้ว่าหนังเรื่องนี้ออกมาน่าสนใจแค่ไหน
หนังที่โปรโมตด้วยชื่อของนักแสดงชายหญิงขวัญใจแฟนหนังทั่วเอเชีย อย่าง คุโบตะ มาซาทากะ และ ยู อาโออิ แม้ในความเป็นจริงหนังให้เวลากับ ยู อาโออิ น้อยมาก และกลายเป็น ชิมิซึ ฟุมิกะ เสียอีกที่ได้บทไปมากกว่า
แต่ยอมรับว่าชื่นชมในการคิดพล็อตเรื่องมากทีเดียว
เรื่องย่อหนัง ‘Tokyo Ghoul’
เหตุการณ์ที่เกิดในญี่ปุ่น ที่ๆ เหล่ากูลที่อยู่อาศัยแทรกซึมในหมูมนุษย์ รูปพรรณสัญฐานเหมือนมนุษย์จนเราแยกพวกไม่ออก และด้วยไอเดียที่ว่า “บนโลกมนุษย์นี้ สูงสุดของห่วงโซ่อาหารไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป” แต่เป็นพวกกูล (Ghoul)
พวกมันจะกินมนุษย์เป็นอาหาร และพวกมันกินเนื้ออย่างอื่นไม่ได้เลย
ทางการต้องตั้งหน่วยงานขึ้นมาเพื่อค้นหาและกำจัดพวกกูลให้หมดไป ทว่า พระเอกของเรื่องอย่าง คาเนกิ เคน (Kubota Masataka) ผู้ไปตกหลุมรัก คิมิชิโระ ริเสะ (Yu Aoi จากเรื่อง ‘Rurouni Kenshin’, ‘Hana and Alice’ และซีรีส์ ‘Osen’) โดยไม่รู้ว่าเธอนั้นเป็นกูล
เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น แพทย์ต้องนำอวัยวะของริเสะมาใช้เพื่อรักษาชีวิตของคาเนกิเอาไว้ ทำให้เขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาอีกต่อไป แต่กลายเป็นครึ่งคนครึ่งกูล ทำให้ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ของคาเนกิ
เขาจะต้องเลือกว่าใช้ชีวิตแบบ “มนุษย์” หรือ “กูล”
รีวิวหนัง ‘Tokyo Ghoul’
นอกเหนือไปจากการคาเนกิจะได้อวัยวะจากสาวที่เป็นกูล จนทำให้ตัวเองต้องกลายเป็นครึ่งคนครึ่งกูลแล้ว เขาก็ยังจะได้พบกับสาวกูลอีกคนที่มีความสำคัญต่อเนื้อเรื่องอย่างมาก หากแต่ไม่ได้ถูกโปรโมต เธอคือ Kirishima Tohka (Shimizu Fumika จาก ‘Hentai Kamen: Abnormal Crisis’ และเคยรับบท Yuki Jojima ในซีรีส์ ‘Kamen Rider’ ด้วย)
จินตนาการที่น่าทึ่ง นักแสดงเล่นได้ค่อนข้างดี
แม้โดยความหมายและที่มาแล้ว Ghoul ก็จะมีความใกล้เคียงกับซอมบี้อยู่ประมาณหนึ่ง แต่ในหนังเรื่องนี้ไม่ได้หยิบลักษณะของซอมบี้มายำรวมแบบในหนังฝรั่ง หากใช้ลักษณะของการกลืนกินร่างมนุษย์มาใช้เป็นหลักเสียมากกว่า หนังไม่ได้บอกที่มาของพวกมัน
แต่เหมือนมนุษย์จะอาศัยอยู่โดยไม่ได้เกรงกลัวภัยจากพวกมันแม้สักนิด
จินตนาการที่ผมว่าน่าสนใจก็คือ โลกนี้จะเป็นอย่างไรถ้ามนุษย์ไม่ได้อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหารอีกต่อไป หากแต่คือพวก “กูล” ต่างหาก
พวกมันมีพละกำลังสูงกว่ามนุษย์มาก แต่ก็สามารถแฝงตัวอาศัยอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้ เพียงแต่พวกมันจะประสาทรับรู้กลิ่นที่ไวมาก และไม่สามารถกินอาหารได้หลากหลายอย่างมนุษย์ พวกมันจะกินได้แค่เนื้อมนุษย์และกาแฟเท่านั้น (อันหลังนี่ก็ไม่รู้ว่าทำไม)
หนังพยายามอย่างยิ่งที่จะให้เวลากับการปรับตัวเข้ากับการเป็นพวกครึ่งคนครึ่งกูลของพระเอกอย่างมาก ช่วงครึ่งแรกของหนังจึงพาพะอึดพะอึมสำหรับผู้ชมอยู่บ้าง อาจถึงกับทำให้เรารู้สึกแหวะๆ หนังเล่นกับอาหารบ่อยมาก จนไปๆ มาๆ ชักจะเริ่มไม่ชอบอาหารปกติ อยากกินเนื้อมนุษย์ไปซะเลย
ขณะที่การแสดงของดาราแต่ละคน ถือว่าไม่ค่อยจะโอเวอร์แอคติ้งเหมือนอย่างบางเรื่อง แสดงสีหน้าอารมณ์ได้ดี น่าเสียดายอยู่นิดๆ ที่ขวัญใจของผมอย่าง ยู อาโออิ ได้ออกน้อยกว่าที่คิดไว้เยอะเลย
ชวนสับสนว่าควรจะอยู่ฝั่งไหนดู มนุษย์ หรือ กูล
ในเมื่อพระเอกต้องปรับชีวิตให้อยู่แบบกูล เรื่องราวก็พาเราให้ไปอยู่ในหมู่พวกกูล ทำให้แอบรู้สึกเห็นใจด้วยซ้ำที่พวกเขาก็เลือกเกิดไม่ได้ และก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อมนุษย์ (แม้ในกลุ่มกูลจะมีพวกแย่ๆ ปะปนอยู่ก็ตาม) โดยเฉพาะการที่หนังติดตามพระเอกไปทุกที่ ได้เห็นพฤติกรรมของมนุษย์ที่ยังคงอยู่ในตัวครึ่งคนครึ่งกูล ทำให้ผู้ชมอย่างเราๆ รู้สึกได้ถึงความยากลำบากในการดำรงชีวิตในแบบกูล
ด้วยข้อจำกัดด้านอาหาร ทำให้พวกเขาถูกจำกัดการกิน ขณะที่การต้องอยู่ร่วมกับมนุษย์ทั้งๆ ที่กินอาหารของมนุษย์ไม่ได้ ช่างเป็นเรื่องที่น่ารันทดไม่น้อย
แถมพวกกูลยังถูกมนุษย์ตามล่าเพื่อกำจัดทิ้งอีก
แต่ละตัวมีลักษณะโดดเด่นไม่เหมือนกันเลย คือ อวัยวะที่งอกออกมาจากข้างหลังที่แสนปราดเปรียวว่องไวและใช้เป็นอาวุธได้ แต่กลายเป็นพวกที่พละกำลังสูงส่งกว่ากลับถูกมนุษย์ไล่ล่าแทน
หนังยังใส่แง่มุมดราม่าครอบครัวของพวกกูลให้คนดูได้รู้สึกว่ามีความเป็นมนุษย์ และน่าเอาใจช่วยไม่แพ้กัน ทำให้ระหว่างดูหนังเรื่องนี้ไปก็สับสนในใจกันไป ว่าเราควรจะเข้าข้างหรือเอาใจช่วยฝั่งไหนดี
เหมือนไม่มีฝ่ายไหนเลยที่ถูกอยู่ฝ่ายเดียว
เลือดสาด หวาดเสียว เรื่องเข้มข้น
ภาพโดยรวมของหนัง ‘คนพันธุ์กูล’ นั้น เข้มข้นไปด้วยเรื่องดราม่าที่พาให้เราฉุกคิดถึงเรื่องราวในชีวิตปกติของมนุษย์เรา ที่มักเลือกจำกัดทุกสิ่งที่เป็นอันตรายต่อตน และมองว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้อง แต่หนังพยายามจะให้เราได้มองในอีกมุมหนึ่งว่า ถ้าสิ่งที่เรากำจัดเพราะมองว่าเขาทำสิ่งผิด และตัวพวกเขาล่ะ มองสิ่งเหล่านี้เช่นไร
สิ่งที่ปรากฏออกมาเพื่อความบันเทิงคือ เรื่องราวที่ออกจะเป็นไซไฟปนสยองขวัญ ฉากของการรบราที่มีแต่เลือดสาด ภาพจัดว่าโหดใช้ได้ อาจจะไม่ถึงกับเดินเรื่องอย่างฉับไว
แต่พอให้ได้นั่งลุ้นเอาใจช่วยได้ดี
หนังชวนฉุกคิดว่า สิ่งที่เราคิดว่าถูกต้องนั้นถูกจริงมั้ย รึเราแค่คิดเข้าข้างตัวเอง ซึ่งก็อีกนั่นแหละ มนุษย์มักเลือกจะตัดสินว่าสิ่งใดถูกต้องจากสาเหตุเพราะตัวเองได้ประโยชน์
เราลืมมองข้ามชีวิตจิตใจของสิ่งมีชีวิตอื่นไปเพราะเห็นว่าพวกมันด้อยปัญญากว่า แต่ถ้าเกิดสิ่งมีชีวิตนั้นๆ มีปัญญาเทียบเทียมเราล่ะ
เราจะมีมุมมองต่อมันเช่นไร น่าคิดนะ
ชื่อภาพยนตร์: Tokyo Ghoul / คนพันธุ์กูล / Tôkyô gûru / 東京喰種
ผู้กำกับภาพยนตร์: Kentaro Hagiwara
ผู้เขียนบทภาพยนตร์: Sui Ishida (manga), Ichiro Kusuno (screenplay)
นักแสดงนำ: Kubota Masataka, Shimizu Fumika, Suzuki Nobuyuki, Yu Aoi, Hiyori Sakurada, Oizumi You,
ดนตรีประกอบ:
ความยาว: 119 นาที
แนว/ประเภท: Action, Drama, Horror, Thriller
อัตราส่วนภาพ:
ปี: 2017
เรท: ไทย/, MPAA/
วันที่เข้าฉายในประเทศไทย: 12 ตุลาคม 2560
สตูดิโอ/ผู้สร้าง/ผู้จัดจำหน่าย: M Pictures
คนพันธุ์กูล
Tokyo Ghoul - 7
7
Tokyo Ghoul
ภาพยนตร์คนแสดงจากมังงะชื่อดัง Tokyo Ghoul ที่เล่าเรื่องของมนุษย์กับกูล ไอเดียของเรื่องนั้นน่าสนใจ มีแง่มุมชวนครุ่นคิด โดยฉาบเนื้อหนังด้วยลีลาของหนังสยองขวัญไซไฟ