ความใฝ่ฝันนั้นมักจะเกิดขึ้นในช่วงเด็กไปจนถึงวัย 20 ต้นๆ สำหรับหลายคน มันยังคงเดินต่อแม้จะล่วงเข้าช่วงวัยรุ่นปลายๆ และบางคน ผ่านเลยสู่วัยเลขสามเลขสี่ก็ยังไม่เคยพบเจอความสำเร็จ เรื่องราวการไขว่คว้าหาฝันยังคงถูกขีดเขียนและขับขานเสมอมาในโลกภาพยนตร์ ครั้งนี้ก็เช่นกัน พวกเขาทำมันออกมาในแบบหนังซ้อนมิวสิคัล ความยาว 2 ชั่วโมง tick tick…BOOM!
ชีวิตจริงของ ‘โจนาธาน ลาร์สัน’ ว่าด้วยเรื่องของศิลปินที่ต่อสู้และทำตามฝัน เมื่อชีวิตของคนเราเหมือนผูกเอาไว้กับเวลาที่นับถอยหลังตลอดมา ไม่ต่างกับมีระเบิดเวลาติดอยู่ มนุษย์จึงต้องดิ้นรนวิ่งวุ่นให้ทันกับเวลาที่ไล่หลัง
เรื่องย่อหนัง tick tick…BOOM!
โจนาทาน ลาร์สัน (Andrew Garfield/แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ จากหนัง The Amazing Spider-Man, Breathe และ Hacksaw Ridge) เขาคือชายหนุ่มที่กำลังจะผ่านพ้นช่วงวัยรุ่น ชีวิตของเขากำลังเดินทางมาถึงขวบปีที่ 30 เขามีความใฝ่ฝันที่จะเดินบนเส้นทางของการเป็นนักเขียนละครเพลงที่ประสบความสำเร็จ ในวัย 29 ปีที่เหลือเพียง 1 สัปดาห์ก็จะเปลี่ยนผ่านสู่หลักเลขสาม เขายังคงอยู่ในช่วงดิ้นรนสู่เส้นทางที่ฝัน ต้องหาเงินด้วยการเป็นพนักงานร้านอาหาร และเตรียมไปเวิร์กช็อปที่ชี้ชะตาว่าละครเพลงของเขาจะได้รับทุนในการสร้างหรือไม่
ผ่านไปแล้วแปดปี แต่เพลงสำคัญเพลงนั้นก็ยังไม่เริ่มสักที สักที
ขณะที่ไมเคิล (Robin de Jesus จากหนัง The Boys in the Band และซีรีส์ Law & Order: Special Victims Unit) เพื่อนร่วมแชร์อะพาร์ตเมนต์หลังเก่าก็ทิ้งความฝันลมๆ แล้งๆ อย่างการเป็นนักแสดงไปทำงานบริษัทโฆษณา แถมย้ายไปอยู่อะพาร์ตเมนต์หลังที่งามกว่า ในช่วงเวลาที่โรค AIDS แพร่ระบาดอยู่นั้น ซูซาน (Alexandra Shipp จากหนัง Love, Simon และ X-Men: Apocalypse) สาวสวยผู้หลงรักโมเดิร์นแดนซ์ที่คบกันอยู่ ก็บีบคั้นอยากได้คำตอบจากเขาเมื่อเธอคิดจะย้ายไปทำงานที่ใหม่ โจนาทานยังคงง่วนอยู่กับการเขียนเพลงสุดท้ายที่คิดไม่ออกจึงผัดผ่อนไม่ยอมให้คำตอบ ความกดดันที่รุมเร้าเข้ามาทุกทาง ติ๊กต่อก! ติ๊กต่อก! เสียงของนาฬิกาที่เดินไปในทุกวินาที
โจนาทานยังคงเผชิญหน้ากับความท้าทาย จะไปต่อหรือจะพอแค่นี้!
รีวิวหนัง tick tick…BOOM!
ความน่าสนใจอยู่ในการเล่าเรื่องที่ใช้การแสดงบนเวทีของโจนาทานแทนเสียงบรรยาย เป็นเขาเอง ที่จะมาเล่าเรื่องตัวเองบ้าง ร้องเพลงบ้าง สลับไปกับภาพเหตุการณ์จริงของตัวเขาเอง โดยมีโรเจอร์ (Joshua Henry จากหนัง Sex and the City และเป็นนักดนตรีในหนัง In the Heights) และคาเรสซ่า (Vanessa Hudgens จากหนัง Journey 2: The Mysterious Island, Spring Breakers และ Sucker Punch) ร่วมอยู่ในวง
การเดินตามความฝันที่ต้องเจอกับแรงเสียดทานมากมาย ไม่ว่าจะเพื่อนที่ถอยห่างไปอยู่ที่ใหม่ แฟนสาวที่คาดคั้นคำตอบของการย้ายไปอยู่เมืองใหม่ที่เขาไม่อยากทิ้งที่นี่ไป เพลงสุดท้ายก็ยังไม่ได้เริ่ม เวิร์กช็อปสุดท้ายของโจนาทานใกล้มาถึง เวิร์กช็อปที่อาจเป็นตัวตัดสินชี้เป็นชี้ตายให้กับการวิ่งไขว่คว้าตามฝัน พร้อมๆ กับอายุที่มากขึ้น ใกล้หมดเวลาแล้ว
ถ้าครั้งนี้ไม่สำเร็จ ก็อาจจะต้องถึงเวลาโบกมือบ๊ายบายความฝันเสียที
หนังเสนอชีวิตของคนที่ฝันจะเดินในเส้นทางศิลปิน ตัวละครแต่ละตัวต่างพบเจออุปสรรคต่างกัน และเลือกจะทำในแบบของตน ไมเคิลผู้ที่ไม่ไหวจะไปต่อกับงานแสดง เขาจึงหันหลังให้มันและเบนเข็มไปทำงานบริษัทที่ได้เงินเป็นกอบเป็นกำกว่า อยู่ในอะพาร์ตเมนต์หลังหรูกว่า ทิ้งให้โจนาทานต้องอยู่ในห้องเก่าที่ครัวอยู่ที่เดียวกับอ่างอาบน้ำเหมือนเดิม ขณะที่ซูซาน เธอกำลังจะไปได้ดีกับโมเดิร์นแดนซ์ อุบัติเหตุเกี่ยวกับขาที่ทำให้เธอต้องพักงานไป แม้บำบัดกลับมาได้ แต่อะไรก็ไม่เหมือนเดิม เพื่อนของเขาบางคนกำลังจะได้งานก็กลับถูกโรคร้ายรุมเร้าลากไปนอนโรงพยาบาล
ในขณะที่โจนาทานยังคงมุ่งมั่นในเส้นทางของตัวเอง ขนาดไมเคิลโน้มน้าวชักชวนให้ลองทำงานที่ได้เงินบ้าง แต่เขาก็ไม่คิดคล้อยตาม เขาใช้ชีวิตทุกเวลาเฝ้าคิดถึงละครมิวสิคัลของตัวเอง ถึงขนาดที่แม้แต่ความสัมพันธ์ส่วนตัวของเขากับซูซานก็ยังถูกนำไปใช้ในงาน
เอาจริงๆ ผมก็ไม่เคยรู้จักกับ จอนนี่ หรือ โจนาทาน ลาร์สัน มาก่อน และก็ไม่ได้คลั่งไคล้ไหลหลงในหนังแนวละครเพลงมากสักเท่าไหร่ แต่กับเรื่องนี้ ผมชอบในมุมมองการถ่ายและการตัดต่อที่สุดเฟี้ยวไหลลื่นไม่มีหยุดพักหรือทำให้รู้สึกเบื่อ แม้แต่การเชื่อมต่อฉากก็ทำได้น่าสนใจ เพลงประกอบ การแสดง ดูดีและโดนใจไปหมดเลยแม้จะอ่านเนื้อเพลงแล้วไม่ค่อยเก็ทไม่ค่อยเข้าใจเลยก็ตาม
ผมชอบอยู่ฉากหนึ่งในหนัง ตอนนั้น มันเล่าถึงความตีบตันขั้นสุดของชีวิตโจนาทาน เมื่อเขาทั้งโดนเวลาไล่หลัง ยังแต่งเพลงสำคัญไม่ได้สักโน้ต ทะเลาะกับเพื่อนที่ทิ้งความฝันและย้ายไปอยู่อะพาร์ตเมนต์ใหม่ ถูกแฟนตัดรอนไม่ยอมพูดคุยด้วย แต่ก็เขาพยายามเตรียมการทุกอย่างเพื่อให้หัวโล่ง แล้วก็มานั่งหน้าแมคกำลังจะเริ่มต้นเขียนเพลง ปรากฏว่า…ไฟดับ! แล้วเขาก็เลือกจะไปว่ายน้ำ หัวโล่งพอที่จะเขียนมันลงในกระดาษโน้ต
ใช่ครับ… ยังมีโลกแห่งอนาล็อกที่คุณยังสามารถแต่งเพลงได้อยู่
ผมรู้สึกอึ้งไม่ต่างอะไรกับโจนาทานเมื่อได้ฟังถ้อยคำของโรซ่า (Judith Light) ชีวิตของศิลปินคนเขียนละครเพลงก็คงเป็นอยู่เช่นนี้ เขียนไป เขียนไป เขียนไปเรื่อยๆ เพื่อหวังว่าจะมีสักงานที่ปัง แล้วพวกเขาเอาอะไรกินประคองลมหายใจในช่วงเวลาเหล่านั้นเล่า
สิ่งที่เราเห็นได้ชัด คือ แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ที่ทุ่มเท่เล่นสุดตัวในทุกฉาก เรื่องราวที่เล่าจากเรื่องจริงของผู้ให้กำเนิดละครเวทีชื่อเดียวกับหนัง และเรื่องที่ดังที่สุด ‘Rent’ เป็นละครบรอดเวย์ที่แสดงอยู่ 12 ปี
ติ๊ก ติ๊ก… เสียงนาฬิกาที่ดังอยู่ไม่หยุดหย่อนนั้น มันไม่ได้หมายถึงแค่เวลาวัยหนุ่มของโจนาทานที่ใกล้จะสิ้นสุดลงเท่านั้น มันยังหมายถึงเวลาชีวิตของทุกคนที่ล้วนนับถอยหลังสู่ความตายที่ใกล้เข้ามาทุกที ชีวิตของเราอาจเหลือเพียงทางเลือกที่ว่า
จะทำสิ่งที่รัก หรือล้มเลิกมันไป ก็แค่นั้น!
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | tick, tick…BOOM! |
ผู้กำกับ | Lin-Manuel Miranda |
ผู้เขียนบท | Steven Levenson (screenplay), Jonathan Larson (based on the musical by) |
นักแสดง | Andrew Garfield, Alexandra Shipp, Robin de Jesus, Vanessa Hudgens |
แนว/ประเภท | Biography, Drama, Musical |
เรท | PG-13 |
ความยาว | 115 นาที |
ปี | 2021 |
เข้าฉายในไทย | 19 November 2021 (ทาง Netflix) |
ผู้ผลิต/ผู้จัดจำหน่าย | 5000 Broadway Productions, Imagine Entertainment |
tick, tick...BOOM!
พล็อตและบท - 9
การดำเนินเรื่อง - 9
การแสดง - 9
เพลงและดนตรีประกอบ - 10
โปรดักชั่น - 9
9.2
tick, tick...BOOM!
หนังแนวมิวสิคัลที่บอกเล่าเรื่องจริงของโจนาทาน ลาร์สัน ผู้ให้กำเนิดละครเพลง Rent อันลือลั่น นำแสดงโดย แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ที่ทุ่มเทเล่นสุดตัวและทำไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม เพลงในนั้นไพเราะทุกเพลง หนังเล่าเนื้อหาที่ลึกซึ้งกินใจ ทั้งสะเทือนใจกับชะตากรรมที่หลายตัวละครได้พบเจอ