สัปดาห์นี้มีโอกาสได้ดูหนังที่มีชื่อเข้าชิงออสการ์ 2 เรื่องเลยทีเดียว เรื่องนี้เข้าชิงทั้งสาขา Best Actor, Best Supporting Actress และ Best Makeup and Hairstyling ทำให้ ‘The Whale’ ที่ได้รับชื่อไทยว่า ‘เหงา เท่า วาฬ’ น่าสนใจยิ่งขึ้น ว่านักแสดงและทีมงานเขาทำผลงานในระดับไหน เราจึงเข้าไปชมหนังเรื่องนี้ด้วยสายตาแห่งความคาดหวัง
นักแสดงนำชายของหนังเรื่องนี้ เป็น Brendan Fraser ที่ไม่ได้เห็นเขาเล่นหนังมาสักพักแล้ว ส่วน Hong Chau ก็เป็นนักแสดงหญิงที่เราได้เห็นผลงานมาหลายเรื่องด้วยกัน นอกจากนี้ ยังมี Sadie Sink คนที่เราเพิ่งได้รู้จักเมื่อไม่นานมานี้ด้วย
ส่วนผู้กำกับของหนังเรื่องนี้คือ Darren Aronofsky คนที่เคยทำ ‘Noah’ และ ‘Mother!’
เรื่องย่อหนัง ‘The Whale เหงา เท่า วาฬ’
ชาร์ลี (Brendan Fraser จากหนังเรื่อง ‘The Mummy’ , ‘Crash’ และ ‘Blast from the Past’) ใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน เขารับจ็อบสอนด้านการเขียนออนไลน์โดยไม่ยอมเปิดหน้าให้เห็น ความจริงแล้วเขาคือชายผู้ซึ่งกำลังป่วยหนักด้วยน้ำหนักตัวที่มากเกินไป ร่างกายของเขาอ้วนฉุ และมีโอกาสที่จะหัวใจวายเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต เขาอยากจะได้พบหน้าเอลลี่ (Sadie Sink จากซีรีส์เรื่อง ‘Stranger Things’ และหนังเรื่อง ‘Fear Street: Part Two – 1978’) ลูกสาวอีกสักครั้งหลังห่างหายกันไปหลายปี
แต่ชาร์ลีก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างเดียวดาย เขามีเพื่อนข้างกายอย่าง ลิซ (Hong Chau จากหนังเรื่อง ‘The Menu’ และ ‘American Woman’) ที่คอยดูแลเขาอยู่ไม่ห่าง และการเจอกันของพ่อกับลูกที่จากกันไปนานครั้งนี้ จะเปิดเผยหลายสิ่งหลายอย่างให้เราได้รับรู้
รีวิวหนัง ‘The Whale เหงา เท่า วาฬ’
เรียกได้ว่า ในช่วงหลังมานี่ ไม่ค่อยได้เห็นหน้าและผลงานของ เบรนแดน เฟรเซอร์ กันเลยแม้ตัวเขาจะยังมีผลงานอยู่เรื่อยๆ ก็ตาม แต่หนังเหล่านั้นไม่เคยเข้ามาฉายไทย หรือไม่ก็อาจจะเป็นงานพากย์เสียงที่เราไม่มีวันได้เห็นหน้าค่าตา แถมยังไม่มีงานชิ้นไหนที่โดดเด้งจนใครๆ ก็พากันพูดถึง จนมาถึงงานนี้ ที่เขาได้รับบทนำในหนังของผู้กำกับ ดาร์เรน อโรนอฟสกี คนที่เคยได้เข้าชิงออสการ์ในฐานะผู้กำกับยอดเยี่ยมจากหนังเรื่อง ‘Black Swan’ มาแล้ว จึงเป็นวันที่หลายคนบอกว่านี่คือการกลับของของเฟรเซอร์
เพราะไม่ใช่แค่การแสดงภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง แต่เป็นการแสดงที่ทำให้เขาได้มีชื่อเข้าชิงออสการ์ในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเลยนะครับ
ครั้งนี้ เขาเล่นเป็นคนป่วยใกล้ตายที่มุ่งหวังจะทำในสิ่งที่ถูกต้องหลังรู้สึกผิดมาเนิ่นนาน ตอนนี้ เขาคือชายผู้ปล่อยร่างอ้วนฉุเพราะตรอมใจกับเหตุในอดีต ดำรงชีพด้วยการเป็นครูสอนออนไลน์ในด้านการเขียนที่ไม่เปิดเผยหน้าตาให้ลูกศิษย์รับรู้ นอกจากนี้ เขายังเป็นพ่อของเอลลี่ลูกสาวที่เขาทอดทิ้งมานาน และเมื่อมองเห็นว่าตนเองคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่วัน ก็เริ่มคิดจะสานสัมพันธ์กับลูกสาวของตนอีกครั้ง
ลิซคือเพื่อนที่อยู่เคียงข้างคอยดูแลประคับประคองชีวิตไม่ห่าง เธอไม่เข้าใจนักที่จู่ๆ คนไม่ได้เจอเอลลี่มาตั้งแต่เธอแปดขวบจะอยากมาเจออะไรเอาตอนนี้ แต่ชาร์ลีให้เหตุผลว่า เขากลัวว่าเอลลี่จะลืมว่าเธอเป็นคนที่น่าทึ่งแค่ไหน
ในเรื่องนี้ ยังมีตัวละคร โธมัส (Ty Simpkins จากหนังเรื่อง ‘Jurassic World’, ‘Insidious’ และ ‘Avengers: Endgame’) ที่มักจะเข้ามาเยี่ยมเยือนชาร์ลีอยู่บ่อยครั้ง ในฐานะชายผู้พยายามจะเผยแพร่ลัทธิอะไรสักอย่าง เขาคือคนที่ต้องปะทะกับเอลลี่อยู่หลายหน แม้จะมีบางฉากที่ออกไปเล่าเรื่องนอกห้องในอะพาร์ทเมนต์หลังนี้อยู่บ้าง แต่เรื่องราวส่วนใหญ่วนเวียนเกิดขึ้นอยู่ภายในห้องของชาร์ลี ตัวละครอื่นจะเปิดประตูเข้ามาบ้าง ก้าวเดินออกไปบ้าง สับเปลี่ยนหมุนเวียนอยู่ไม่กี่ตัว
พล็อตมันดูเป็นละครเวที เช่นเดียวกับวิธีการดำเนินเรื่องก็ใช่ ซึ่งที่จริงมันก็เป็นละครเวทีมาก่อนจริงๆ นั่นแหละ
มันคือการที่พ่อคนนึงหวังจะได้มีโอกาสแก้ตัวกับความผิดพลาดที่เคยทอดทิ้งลูกสาว ในวันที่ต้องดิ้นรนต่อสู้กับสภาพร่างกายที่พร้อมจะตายได้ทุกเมื่อ ก็บทหนังที่พยายามเหลือเกินที่จะผูกเรื่องของวาฬเข้ากับทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้น อาจจะไม่ถึงอินมากมายสักเท่าไหร่นัก แต่ที่ชื่นชมอย่างหนักก็คงเป็นการแสดงของ เบรนแดน เฟรเซอร์ กับ ฮองเชา
คนแรกต้องเล่นเป็นทุกอย่าง ทั้งคนที่ป่วยหนักแบกร่างกายอันอ้วนฉุ ยืนไม่ได้ เดินต้องใช้อุปกรณ์ช่วย หัวเราะหรือโศกเศร้าเกินไปก็หัวใจจะวาย เฟรเซอร์ต้องแบกร่างที่เมคอัปว่าอ้วนมากไว้ตลอดเวลา แสดงท่าทางเหมือนคนใกล้ตายของจริง แต่ยังคงสั่งพิซซ่ามาหม่ำ แถมกินแต่ละอย่างเหมือนคนที่ไม่กลัวและพร้อมจะตาย แถมยังต้องเล่นเป็นพ่อที่ผ่านอะไรมาเยอะ เป็นทั้งคนที่คิดบวก ไม่ต้องการจะทำให้ใครต้องเดือดร้อน และปรารถนาจะทำภารกิจสุดท้ายให้เสร็จสิ้น บทของเขาจึงมีมิติและการแสดงอันน่าทึ่งส่งให้เขาโดดเด่นกว่าใคร
ขณะที่คนข้างกายอย่าง ฮองเชา ก็ได้รับบทที่ส่งเสริมให้แสดงอารมณ์ที่หลากหลาย กลายเป็นอีกคนที่อยากจะส่งมงให้ หนังเสริมทัพด้วย เซดี้ ซิงค์ ที่มาให้บทเด็กสาวร้ายๆ กับ ซาแมนธา มอร์ตัน ในบทแมรี่แม่ของเอลลี่ ที่เข้ามาช่วยเติมมิติให้กับชาร์ลี
เรื่องราวในหนังอาจจะชวนรู้สึกได้หลายอย่าง ทั้งอึดอัด หดหู่ ที่ค่อยๆ เพิ่มระดับขึ้นตามเวลาของหนัง ภายในนั้น เล่นทั้งเรื่องของศาสนา ลัทธิ พระเจ้า รวมไปถึงรักร่วมเพศ ความจริงใจและการหลอกลวง ประเด็นต่างๆ ที่ถูกใส่เข้ามาเหมือนจะทำให้หนังเรื่องนี้ดูหนัก แต่ระหว่างทางเขาก็พยายามจะแทรกมุกขำไว้ด้วยเช่นกัน
อาจไม่ใช่หนังที่คนดูจะเอนจอย แต่เป็นหนังที่สร้างไว้สำหรับคนที่อยากจะค้นหา มีเหตุผลอะไรบ้างที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ไม่กี่วันที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | The Whale / เหงา เท่า วาฬ |
กำกับ | Darren Aronofsky |
เขียนบท | Samuel D. Hunter |
แสดงนำ | Brendan Fraser, Sadie Sink, Hong Chau, Ty Simpkins |
แนว/ประเภท | ดราม่า |
เรท | R |
ความยาว | 117 นาที |
ปี | 2022 |
สัญชาติ | สหรัฐอเมริกา |
เข้าฉายในไทย | 16 กุมภาพันธ์ 2023 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | A24, Protozoa, M Pictures |
เหงา เท่า วาฬ
พล็อตและบท - 7.2
การแสดง - 8.4
การดำเนินเรื่อง - 7.4
เพลงและดนตรีประกอบ - 7.4
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 7.4
7.6
The Whale
เรื่องราวในหนังอาจจะชวนรู้สึกได้หลายอย่าง ทั้งอึดอัด หดหู่ ที่ค่อยๆ เพิ่มระดับขึ้นตามเวลาของหนัง ภายในนั้น เล่นทั้งเรื่องของศาสนา ลัทธิ พระเจ้า รวมไปถึงรักร่วมเพศ ความจริงใจและการหลอกลวง ประเด็นต่างๆ ที่ถูกใส่เข้ามาเหมือนจะทำให้หนังเรื่องนี้ดูหนัก แต่ระหว่างทางเขาก็พยายามจะแทรกมุกขำไว้ด้วยเช่นกัน อาจไม่ใช่หนังที่คนดูจะเอนจอย แต่เป็นหนังที่สร้างไว้สำหรับคนที่อยากจะค้นหา มีเหตุผลอะไรบ้างที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ไม่กี่วันที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้