“15 ปีที่แล้ว เขาไม่ได้แค่ลักพาตัวเธอ หากยังลักพาหัวใจของเธอไปด้วย” ข้อความที่ปรากฏโปรยอยู่บนโปสเตอร์หนัง พาให้จิตใจอยากรู้เพิ่มเติมว่า เรื่องราวใน ‘Wandering’ หนังญี่ปุ่นที่มีชื่อไทยสไตล์เล่นคำอย่าง “รัก” พาตัว เรื่องนี้มันเกี่ยวอะไร หนังถึงขั้นได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็นหนังญี่ปุ่นที่ดีที่สุดของปี แล้ววันที่จะได้พบกับเรื่องราวอันน่าเศร้าสะเทือนใจก็มาถึงจนได้
หนังเรื่องนี้ดัดแปลงสร้างมาจากหนังสือที่ได้รับรางวัลของ Yuu Nagira/นากิระ ยู มันจึงมีชื่อญี่ปุ่นตามชื่อนิยายว่า ‘流浪の月 (Rurou no Tsuki)’ อันแปลเป็นชื่ออังกฤษได้ว่า ‘The Wandering Moon’ เป็นนิยายขายดีในปี 2019 ที่คว้ารางวัลวรรณกรรมแห่งปี (Japan Booksellers’ Award ประจำปี 2020) มาครองได้สำเร็จ ก่อนที่มันจะกลายมาเป็นหนังโดยการกำกับและเขียนบทของ Lee Sang Il/อีซางอิล ผู้กำกับเจ้าของรางวัลออสการ์ญี่ปุ่นเชื้อสายเกาหลีใต้
ทั้งยังได้ผู้กำกับภาพมือดีอย่าง ฮงคยองพโย ที่มีเครดิตจากหนัง ‘Parasite’ และ ‘Burning’ มาร่วมงานอีกด้วย
เรื่องย่อหนัง ‘Wandering’
มันคือเรื่องราวของเด็กสาววัย 10 ขวบผู้รักการอ่านหนังสือ กับนักศึกษาหนุ่มวัย 19 ปีผู้โดดเดี่ยว เด็กสาวคนนั้น คือ ซาระสะ คานาอิ (Suzu Hirose/ซึสึ ฮิโรเสะ จากหนังเรื่อง ‘Let’s Go JETS!’, ‘Sunny: Our Hearts Beat Together’ และ ‘Sensei’) วันฝนพรำที่เธออ่านหนังสือในสนามเด็กเล่น เป็นวันที่เธอได้เจอกับ ฟูมิ ซาเอกิ (Tori Matsuzaka/โทริ มัตสึซากะ จากหนังเรื่อง ‘The Blood of Wolves’ และ ‘Call Boy’) เมื่อเธอบอกเขาว่า เธอไม่อยากกลับบ้าน เขาจึงเอ่ยปากชักชวนเธอไปบ้านตนเอง ทั้งสองคนอาศัยอยู่ด้วยกันนาน 2 เดือนก่อนจะถูกจับกุมตัว
เหตุการณ์ครั้งนั้นสร้างบาดแผลให้คนทั้งคู่เรื่อยมา ฟูมิ กลายเป็นผู้มีคดีติดตัว ขณะที่ซาระสะกลายเป็นหญิงสาวเคราะห์ร้ายที่เคยมีอดีตอันโด่งดัง
หลังจากเหตุการณ์นั้นผ่านพ้นไปได้ 15 ปี ทั้งคู่กลับมาพบกันอีกครั้งโดยบังเอิญ ในวันต่างก็มีคนรักอยู่ข้างกาย ซาระสะ กำลังคบหาอยู่กับคู่หมั้น เรียว นากาเสะ (Ryusei Yokohama/ริวเซย์ โยโกฮามะ จากหนังเรื่อง ‘Your Eyes Tell’) ขณะที่ฟูมิก็คบหาอยู่หญิงสาวชื่อ อายูมิ ทานิ (Mikako Tabe/ทาเบะ มิคาโกะ จากหนังเรื่อง ‘Every Day a Good Day’) อยู่แล้ว
รีวิวหนัง ‘รักพาตัว’
สองชีวิตที่เคยได้อยู่ร่วมกันแต่กลับมีอันต้องแยกจากและห่างหายกันไปนาน แต่แล้ววันหนึ่งทั้งคู่ได้โคจรกลับมาเจอกันอีกครั้งในวันที่ต่างก็มีใคร เป็นสองชีวิตที่เผชิญแต่ความหม่นเศร้าและเรื่องราวชวนหดหู่ใจ ซาระสะ อาจเป็นชื่อญี่ปุ่นที่ดูไม่คุ้นหู ไม่เคยได้ยินได้ฟังจากหนังหรือนิยายเรื่องไหน เรื่องราวของเธอไม่ว่าจะตอนเด็กหรือตอนโต มันน่าสะเทือนใจอยู่ไม่น้อยเลย
หนังเลือกเล่าสลับกันไปมา ระหว่างการพบกันของซาระสะและฟูมิในอดีต กับการพบกันอีกครั้งในปัจจุบัน และค่อยๆ เล่าเพิ่มเข้ามาทีละน้อยให้คนดูได้ค่อยๆ ซึมซับ ทั้งยังทำให้คนดูได้พบว่า ยังมีเรื่องต่างๆ มากมายที่ซุกซ่อนอยู่และพร้อมจะทำให้น้ำตารินไหลได้ทุกเมื่ออีกด้วย
ซาระสะในสมัยเป็นเด็ก เธอต้องเผชิญแต่กับเรื่องเลวร้ายจนรู้สึกไม่อยากกลับบ้าน เมื่อมีผู้ชายท่าทางใจดีหยิบยื่นไมตรีและชักชวนไปบ้าน เธอจึงเชื่อใจ และได้พบมิตรภาพอันแสนดีที่ไม่มีใครมองเห็น เธอมีความสุขมากมายเมื่ออยู่กับฟูมิ แต่ความที่เธอยังเป็นเด็ก ทำให้ฟูมิถูกตั้งข้อหาลักพาตัวทั้งยังมีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี เธอรู้สึกผิดต่อฟูมิเรื่อยมาจวบจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ คบหาผู้ชายอย่างเรียวจนเกือบใกล้จะแต่งงาน โชคชะตาพาให้เธอกลับมาพบกับฟูมิอีกครั้งในร้านกาแฟแสนสงบเงียบ โดยที่เธอไม่รู้ว่าเขาเองก็คบหาอยู่กับผู้หญิงอีกคน
ดูเหมือนเขาจะหลุดพ้นจากภาพลักษณ์ที่ไม่ดีจนคบกับผู้หญิงวัยผู้ใหญ่ได้แล้ว แต่เธอกลับไม่อาจหลุดพ้นจากความรู้สึกที่นอนนิ่งอยู่ภายในมานาน 15 ปี
เวลา 2 ชั่วโมงครึ่งนั้นนับว่ายาวนานทีเดียวสำหรับหนังญี่ปุ่นเรื่องหนึ่ง แม้เรื่องราวเดินไปไม่หยุดก็จริงหากก็ไม่ได้รีบร้อนนัก หนังค่อนข้างให้เวลากับแต่ละฉาก แต่ละอารมณ์ อีกทั้งนักแสดงนำแต่ละคนก็ทำหน้าที่ได้อย่างดี ถ่ายทอดบทบาทอย่างตั้งใจ มองเห็นเด่นชัดว่าทุ่มเทที่จะเล่นให้สมบทบาท หลายซีนที่พาน้ำตาไหลเพราะไม่คิดว่าพวกเขาจะต้องมาเจอกับชะตาที่โหดร้ายเช่นนี้
กับการทุ่มเล่นสุดตัวของนักแสดงแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น ซึสึ ฮิโรเสะ หรือ โทริ มัตสึซากะ กับบทที่หนักอึ้งแทบไม่ต่างกัน แต่สำหรับ ริวเซย์ โยโกฮามะ คงไม่พูดถึงไม่ได้ เขาเล่นบทสามีผู้มีพฤติกรรมรุนแรงได้ถึงจริงๆ จนไม่แปลกใจเลยที่ได้ข่าวว่าเขามียอดติดตามใน IG ลดลงเพราะหนังเรื่องนี้
แม้จะรู้สึกว่าหนังค่อนข้างยาวแต่ก็ยังรู้สึกว่าทุกช่วงเวลาของหนังมันมีคุณภาพเต็มเปี่ยมอยู่ในนั้น เรื่องราวของคนคู่หนึ่งที่เผชิญความเจ็บปวดมามาคนละแบบ พบเจอกับความเลวร้ายที่ต้องทนแบกรับ ต่อสู้กับปัญหาด้วยรอยยิ้มแต่ในใจขมขื่น พบเจอกับการตราหน้าของสังคมทั้งที่ไม่รู้อะไร และแอบเหน็บสังคมชายเป็นใหญ่ในญี่ปุ่นอยู่หน่อยๆ
หากจะคิดเปรียบเทียบไป ทั้งสองคนก็อาจเป็นเหมือนดวงจันทร์ที่คอยส่องสว่างให้กันและกัน แม้ล่องลอยอ้อยอิ่งไร้จุดหมาย แต่ก็ขาดกันไม่ได้ แถมยังเกื้อหนุนกันและกัน
หนังมีทั้งงานถ่ายภาพที่สวยงามตรึงตา มีทั้งดนตรีประกอบที่งดงามตรึงใจ กลายเป็นหนังญี่ปุ่นอีกเรื่องในปีนี้ที่ชวนรู้สึกว่าคุ้มค่าที่ได้ดู
รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง
ชื่อภาพยนตร์ | Wandering / The Wandering Moon / 流浪の月 / รักพาตัว |
กำกับ | Lee Sang Il/อีซางอิล (ผู้กำกับหนังเรื่อง ‘Rage’ และ ‘Hula Girl’) |
เขียนบท | Lee Sang Il, Nagira Yuu (Novel) |
แสดงนำ | Suzu Hirose/ซึสึ ฮิโรเสะ, Tori Matsuzaka/โทริ มัตสึซากะ, Ryusei Yokohama/ริวเซย์ โยโกฮามะ, Mikako Tabe/ทาเบะ มิคาโกะ |
แนว/ประเภท | Drama, Mystery |
เรท | |
ความยาว | 150 นาที |
ปี | 2022 |
สัญชาติ | ญี่ปุ่น |
เข้าฉายในไทย | 18 สิงหาคม 2022 |
ผลิต/จัดจำหน่าย | Uno. Films, GAGA, มงคลภาพยนตร์ |
รักพาตัว
พล็อตและบท - 8.8
การแสดง - 9
การดำเนินเรื่อง - 8.4
เพลงและดนตรีประกอบ - 8.8
งานถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษและโปรดักชัน - 8.4
8.7
The Wondering Moon
แม้จะรู้สึกว่าหนังค่อนข้างยาวแต่ก็ยังรู้สึกว่าทุกช่วงเวลาของหนังมันมีคุณภาพเต็มเปี่ยมอยู่ในนั้น เรื่องราวของคู่ที่เผชิญความเจ็บปวดมาไม่ต่างกันกัน พบเจอกับการตราหน้าของสังคมมาคนละแบบกัน กับการทุ่มเล่นสุดตัวของนักแสดงแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็น ซึสึ ฮิโรเสะ, โทริ มัตสึซากะ และริวเซย์ โยโกฮามะ หนังมีทั้งงานถ่ายภาพที่สวยงามตรึงตา มีทั้งดนตรีประกอบที่งดงามตรึงใจ กลายเป็นหนังญี่ปุ่นอีกเรื่องในปีนี้ที่ชวนรู้สึกว่าคุ้มค่าที่ได้ดู