รีวิวหนัง The Strangers: Chapter 1 อำมหิตฆ่าไม่สน ภาคปฐมบท

โลกนี้เคยมีคนแปลกหน้ามาหลายครั้งแล้ว และบางครั้งคนแปลกหน้าก็มาให้เราเจอซ้ำ อย่างเช่นเรื่องนี้ มันเคยมีภาพยนตร์สยองขวัญชื่อเดียวกันที่สร้างมาฉายในปี 2008 ที่แสดงนำโดย ลิฟ ไทเลอร์ และ สก็อตต์ สปีดแมน แต่ในปีนี้ คนแปลกหน้ากลับมาอีกครั้งพร้อมการประกาศว่าจะเป็นหนังแบบไตรภาค และ ‘The Strangers: Chapter 1’ หรือชื่อไทย ‘อำมหิตฆ่าไม่สน’ คือภาคปฐมบท

ความเห็นส่วนตัวของนายแพท

หนังสยองขวัญแนวไล่เชือดที่ถูกหยิบจับมาสร้างใหม่ ปรับบริบทเล็กน้อย และตั้งใจจะแบ่งฉายเป็นไตรภาค เล่าเรื่องของคนแปลกหน้าที่ใส่หน้ากากทั้งสามคน ที่ล่อลวงให้คู่รักที่กำลังขับรถผ่านเมืองให้มีอันต้องพักรอรถที่เสียในบ้านพักกลางป่า ก่อนพบกับสเตรนเจอร์สทั้งสาม ที่ไล่เชือดอย่างไม่รีบร้อน หนังใช้การบอกเล่าแบบทิ้งช่วงเวลาให้คนดูนั่งลุ้นระทึกว่าหนุ่มสาวเคราะห์ร้ายจะถูกฆ่าอย่างไร แทรกใส่ช็อตชวนสะดุ้งมาระหว่างทาง

ทว่าสิ่งที่ยังเป็นอยู่คือ การใส่พฤติกรรมชวนขัดใจของตัวละครเหยื่อเข้ามาในหนัง ซึ่งทำให้มันกลายเป็นหนังสยองขวัญที่ไม่ทำให้รู้สึกเอาใจช่วยตัวละครแต่อย่างใด

เรื่องย่อหนัง ‘The Strangers: Chapter 1’

มันเป็นเรื่องราวของ มายา (Madelaine Petsch จากซีรีส์ ‘Riverdale’ และหนังเรื่อง ‘Sightless’) และไรอัน (Froy Gutierrez จากซีรีส์ ‘Teen Wolf’) คู่รักที่คบกันมา 5 ปี ยังไม่มีความคิดที่จะแต่งงาน แต่ก็ตั้งใจจะไปเริ่มชีวิตใหม่ในแถบรัฐออเรกอน พวกเขาขับรถผ่านเข้าไปในเมืองเล็กๆ ที่ชื่อวีนัส แม้จะดูเหมือนเป็นเมืองที่เงียบสงบ แต่บรรยากาศของคนเมืองชวนรู้สึกประหลาด ที่แน่ๆ พวกเขากลับได้เจอกับโชคร้าย

เมื่อรถเกิดมาเสียเอากลางทางระหว่างแวะพักหาอะไรกิน ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลให้พวกเขาทั้งสองต้องนอนค้างในบ้านพักกลางป่า โดยที่ทั้งคู่ต่างก็ไม่รู้ว่าพวกตนกำลังจะกลายเป็นเหยื่อของคนแปลกหน้าที่จะมาเคาะประตูบ้าน คืนนั้นทั้งคืนพวกเขาต้องรับมือกับคนแปลกหน้าทั้งสามที่สวมหน้ากาก และไม่รู้ว่าจะมีชีวิตเหลือรอดไปจนเห็นแสงอาทิตย์ของวันใหม่ได้หรือเปล่า

รีวิวหนัง ‘อำมหิตฆ่าไม่สน’

เรื่องราวของคู่รักที่ต้องมาติดอยู่ในบ้านกลางป่าของเมืองเล็กๆ ที่น่าหวั่นหวาดเรื่องนี้ ถูกรีเมกมาจะหนังสยองขวัญเมื่อ 16 ปีก่อน ที่หลายคนอาจจดจำและหลายคนก็อาจลืมเลือนไปบ้างแล้ว แต่ไม่ต้องเป็นห่วงไป เพราะมันไม่จำเป็นต้องดูเวอร์ชันเก่าก่อน ถึงจะดูเวอร์ชันนี้ได้ เพราะเรื่องราวส่วนใหญ่มีความคล้ายคลึงกับเวอร์ชันก่อนหน้า อาจมีบางส่วนที่ปรับเปลี่ยนไปบ้างแต่ก็ยังใช้โครงสร้างเดิมอยู่

หนังภาคนี้กำกับโดย เรนนี ฮาร์ลิน ผู้มีผลงานมาจาก ‘Die Hard 2’ และ ‘A Nightmare on Elm Street 4’ กับปลุกปั้นหนังในอดีตให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง เรื่องราวคราวนี้ เป็นชายหญิงคู่รักที่คบกันมา 5 ปี และตั้งใจจะย้ายไปตั้งรกรากใหม่ในต่างถิ่น จุดหมายคือการไปสัมภาษณ์งานของฝ่ายหญิง แต่ทว่า ยังไม่ทันไปถึงเมืองที่หมาย พวกเขาต้องหยุดกลางทางเหตุเพราะรถเสียและจำต้องทิ้งรถไว้ที่อู่ซ่อม แถมบ้านพักก็มีเพียงบ้านกลางป่า ทุกอย่างบีบให้พวกเขาทั้งคู่ต้องยอมจำนนแม้ไม่เต็มใจ

และก็แน่นอนว่า บ้านหลังนั้นเป็นเหมือนโลเกชันหนังไล่เชือดชั้นดี ที่เหยื่อเป็นหนุ่มสาวที่คาดคิดว่านี่มันช่างเมืองที่เงียบสงบเสียเหลือเกิน ทั้งๆ ที่ก็น่าสำเหนียกได้จากสีหน้าท่าทางของผู้คนที่ดูไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่ แต่ก็น่า ตามบทของพวกเขาที่ต้องเป็นเหยื่อ ย่อมจะไม่สังเกตอะไรพวกนี้อยู่แล้ว ก่อนที่คืนนั้น เสียงเคาะประตูดังขึ้นท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงัด และสองคนก็ได้พบกับ 3 คนแปลกหน้าที่ใส่หน้ากากต่างๆ กัน ที่เข้ามาหลอกล่อคล้ายกับกำลังเล่นสนุกกับความหวาดกลัวของหนุ่มสาวทั้งสองคน ไม่ได้ตั้งใจฆ่าให้ตายในทันที

สิ่งที่หนังเวอร์ชันนี้ ทำได้ค่อนข้างดีก็คือจังหวะการตัดต่อ ความมืด ผสมผสานกับเสียงดนตรีประกอบ ชักชวนให้รู้ไม่ไว้ใจต่อสิ่งใด ทั้งหนังก็พยายามจะทิ้งช่วงให้คนดูรู้สึกหวาดระแวง เหมือนเป็นความตั้งใจจะปล่อยช่องว่างให้คนดูลุ้นและรู้สึกอึดอัด ลุ้นไปว่าจากวินาทีนั้น พวกเขาจะพบเจอกับสิ่งใด บางช็อตก็ใช้ jumpscare มาสร้างความสะดุ้งสะพรึงให้กับคนดู อาจมีบางคนถึงขั้นกลั้นหายใจ และขณะเดียวกัน ก็อาจมีบางคนที่ไม่ได้รู้สึกระทึกแต่อย่างใด

แต่ว่านะ ตัวละครนำค่อนข้างมีพฤติกรรมชวนขัดใจอยู่หลายหน จนทำให้รู้สึกไม่คิดอยากเอาใจช่วยพวกเขา ตรงกันข้าม กลับให้รู้สึกว่า ก็สมควรแล้วที่จะโดนตัวร้ายทั้งสามไล่เชือด อีกอย่าง ตัวหนังไม่ได้มีความแปลกใหม่อย่างใด น่าเสียดายที่ได้ยินว่ามีการปรับเปลี่ยนเพียงสถานการณ์เพื่อให้น่าเชื่อมากขึ้นว่าคู่รักจะถูกกักบริเวณเพื่อถูกไล่เชือดอย่างสบายใจ

Taglines: They don’t need a reason.

ใช่แล้ว มันเป็นเรื่องราวที่ไม่ต้องใช้เหตุผลมาจับระหว่างเดินตามเรื่องราวแต่อย่างใด หนังดำเนินไปไม่ต่างจากเวอร์ชันดั้งเดิมมากนัก ก่อนจะจบลงด้วยฉากปิดท้ายที่จะบอกว่า ยังเรื่องราวให้เล่าต่อในภาคถัดไป ถือเป็นความกล้าที่เลือกจะทำเป็นหนังไตรภาคเล่าต่อกันและทะยอยเข้าฉายในโรงภาพยนตร์

รายละเอียดเกี่ยวกับหนัง